อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 346 บุรุษและสตรีแตกต่างกัน
ตอนที่ 346 บุรุษและสตรีแตกต่างกัน
ตอนที่ 346 บุรุษและสตรีแตกต่างกัน
อวี้ชิงลั่วกัดฮะเก๋าหนึ่งคำ ก่อนจะแย้มยิ้มออกมา
เยว่ซินกลับรู้สึกไม่เต็มใจ หันกลับไปพูดด้วยน้ำเสียงพึมพำว่า “คุณหนูยังเจ็บอยู่ ให้ไปรักษาอะไรกัน เดิมทีอวี๋จั้วหลินก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว ให้เขาป่วยตายก็สิ้นเรื่อง”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเยว่ซินปราดหนึ่ง ยื่นมือออกไปจิ้มศีรษะของนาง “คนดีมักอายุสั้น แต่คนชั่วกลับอายุยาวเป็นพันปี เจ้าเองก็พูดว่าเขาไม่ใช่คนดี จะตายง่าย ๆ เช่นนั้นได้อย่างไร? ไป เปลี่ยนชุดแล้วไปจวนอวี๋กับข้า”
“คุณหนู จะไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ” เยว่ซินขมวดคิ้วมุ่น กระทืบเท้าเพื่อคิดจะหยุดนางไว้ ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับถลึงตาใส่ นางจึงยอมไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
อาการบาดเจ็บของอวี๋จั้วหลินไม่ได้ร้ายแรงนัก แม้ว่าซ่างกวนจิ่นลั่นวาจาอยากสั่งสอนเขา แต่ก็ไม่ได้ลงมือถึงขั้นหมายฆ่า มิเช่นนั้นการแข่งขันสี่อาณาจักรทางฝั่งนี้ยังไม่ทันเริ่ม สองอาณาจักรคงเกิดความขัดแย้งกันเสียก่อน
ดังนั้นบาดแผลของอวี๋จั้วหลินนั้นมีหมอหลวงรักษาให้ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้นางออกโรง
การที่มาเชิญอวี้ชิงลั่วถึงตำหนักอ๋องซิว ก็เป็นเพราะไม่ได้เจอกันนาน…จึงหาข้ออ้างก็เท่านั้น
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะเมื่ออวี้ชิงลั่วก้าวเข้ามา ก็พบว่าอวี๋จั้วหลินกำลังนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าก็ดูไม่เลวเลย
ครั้นแลเห็นนางก้าวเท้าเข้าประตู ใบหน้าของอวี๋จั้วหลินก็ฉายแววดีใจขึ้นมาโดยพลัน เขาทำท่าจะลุกขึ้นยืนเพราะทนไม่ไหว อวี้ชิงลั่วจึงรีบเร่งเข้ามาประคอง และกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็อย่าได้ลุกขึ้นมาเลย รีบนั่งเถิด”
อวี๋จั้วหลินนั่งลงอย่างเชื่อฟัง มองนัยน์ตาสว่างสดใสของนางด้วยสีหน้าเคล้ารอยยิ้ม “แม่นางชิง ไม่เจอกันนานเลย”
อวี้ชิงลั่วรีบเบือนหน้าด้วยท่าทีเหนียมอาย น้ำเสียงฟังดูอู้อี้ราวกับเสียงยุง “เดิมทีเมื่อไม่กี่วันก่อนก็อยากจะมาเยี่ยมเยียนคุณชายอวี๋ เพียงแต่กลัวว่าข่าวลือครั้งก่อนจะทำให้คุณชายอวี๋รังเกียจ”
“จะรังเกียจได้อย่างไร? ข้าย่อมเชื่อในตัวแม่นางชิงอยู่แล้ว ข่าวลือเหล่านั้นเป็นแค่สิ่งที่ทุรชนปล่อยออกไป จะมีก็แต่แม่นางชิงที่พลอยเดือดร้อนได้รับความอยุติธรรมไปด้วย” ระหว่างที่อวี๋จั้วหลินพูด เขาก็หันหน้ามองหลี่หรานหร่านปราดหนึ่ง
หลี่หรานหร่านกัดริมฝีปาก มองตอบกลับมาด้วยท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ
หลายวันมานี้ชีวิตของนางก็ไม่ได้ดีนัก อวี๋จั้วหลินและฮูหยินใหญ่ต่างก็สงสัยว่านางเป็นคนปล่อยข่าวลือนั้นออกไป ทุกครั้งที่เจอหน้านาง สายตานั้นมักฉายแววสงสัย
“คุณชายอวี๋เชื่อมั่นใจตัวข้า เช่นนั้นข้าก็เบาใจ” อวี้ชิงลั่วทำท่าถอนหายใจ จากนั้นจึงก้าวมาด้านหน้าเพื่อจับชีพจรให้เขา แล้วจึงดูใบสั่งยาของหมอหลวง หลังจากบอกไปว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงให้ฮูหยินใหญ่เก็บไว้ให้ดี
ทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันเงียบไม่พูดไม่จาเป็นเวลาครู่หนึ่ง อวี้ชิงลั่วทำท่าทางจะขอตัวกลับ อวี๋จั้วหลินจึงเริ่มร้อนใจ เขารีบส่งสายตาให้ฮูหยินใหญ่
ฮูหยินใหญ่อยากให้อวี้ชิงลั่วอยู่ที่นี่นานกว่านี้สักหน่อย เพียงแต่นางก็ทราบดีว่าการที่มีคนอยู่มากเช่นนี้คงไม่สะดวกนักที่จะพูดคุยกัน โดยเฉพาะสายตาถมึงทึงของหลี่หรานหร่านที่อยู่ข้าง ๆ
ฮูหยินใหญ่จึงสั่งให้นางออกไปทันที “หรานหร่าน เจ้าไปดูยาของพี่ใหญ่เจ้าซิว่าต้มเสร็จหรือยัง”
มีหรือที่หลี่หรานหร่านจะไม่รู้ทันความคิดของพวกเขา? แม้ว่าจะรู้สึกไม่เต็มใจ ทว่าในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นางมิอาจทำให้อวี๋จั้วหลินรังเกียจนางซ้ำ ๆ ได้ จึงกัดริมฝีปากอย่างแรง ก่อนจะแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียงแล้วเดินออกจากห้องไป
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าคุณหนูอวี๋จะไม่ค่อยมีความสุขเท่าใดนัก นางไม่อยากต้มยาให้ท่านหรือ?”
“ใช่ที่ไหนกัน” ฮูหยินใหญ่บอกอย่างกระตือรือร้น “นางเห็นจั้วหลินได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงโกรธแค้นคนที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บน่ะ”
“อ๋อ เช่นนี้นี่เอง” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เข้าใจได้ฉับพลัน “ท่านอ๋องซิวบอกว่า คนที่ทำร้ายคุณชายอวี๋คืออุปราชของอาณาจักรจิงเหลยผู้นั้น?”
ครั้นได้ยินบุคคลกล่าวถึงซ่างกวนจิ่น สีหน้าของอวี๋จั้วหลินก็ถึงกับอึมครึม คนคนนั้นมีฝีมือเก่งกาจอย่างแท้จริง ใช้กระบวนท่าโดยไม่ออมแรงแม้แต่น้อย วรยุทธ์ที่เปลี่ยนแปลงได้สารพัดจนมิอาจคาดคะเนได้ช่างน่าแปลกนัก รับมือได้ยากจริง ๆ
สีหน้าของฮูหยินใหญ่แข็งทื่อ เมื่อสองวันก่อน เรื่องที่คนพูดคุยกันอย่างสนุกปากมากที่สุดก็คือเรื่องของซ่างกวนจิ่นผู้นั้น คนคนนั้นไม่ใช่คนดี ตอนนี้ยังทำร้ายบุตรชายของนางจนอยู่ในสภาพเช่นนี้อีกด้วย ช่างน่ารังเกียจนัก
ฮูหยินใหญ่และอวี๋จั้วหลินไม่ค่อยมีความสุขนักที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้ อวี้ชิงลั่วจึงมีน้ำใจก่นด่าซ่างกวนจิ่นไปอีกสองสามประโยค “ได้ยินมาว่าอุปราชคนนั้นโหดเหี้ยมและร้ายกาจ ข้าเชื่อว่าการที่คุณชายอวี๋ถูกเขาทำร้าย ย่อมเป็นเพราะอุปราชผู้นั้นใช้วิธีสกปรกเป็นแน่”
ฮูหยินประทับใจเมื่อได้ฟังคำพูดนี้ จึงพูดเสริมทันที “นั่นสิ ๆ จั้วหลินของเราเป็นถึงจอหงวนฝ่ายบู๊ในตอนนั้น ภายในเมืองหลวงนี้ คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของจั้วหลินได้ช่างมีน้อยนิดเท่าหยิบมือ”
“ท่านแม่…” อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางส่ายหน้าให้นาง
อวี้ชิงลั่วหัวเราะออกมา “เหตุใดคุณชายอวี๋ต้องถ่อมตนด้วยเล่า ที่ฮูหยินพูดก็ถูกอยู่แล้ว ขนาดท่านอ๋องซิวก็มักจะพูดให้ข้าฟังอยู่บ่อย ๆ ว่าคุณชายอวี๋เป็นผู้มีความสามารถและน่าเชื่อถือ ในภายภาคหน้าย่อมเป็นเสาหลักให้อาณาจักรเป็นแน่”
“ท่านอ๋องซิวพูดเช่นนี้จริง ๆ รึ?” ดวงตาของอวี๋จั้วหลินเป็นประกาย จ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ
อวี้ชิงลั่วจึงพยักหน้าตอบ
มุมปากอวี๋จั้วหลินปรากฏรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ทว่าจู่ ๆ เขาก็มองมาที่อวี้ชิงลั่วด้วยสีหน้าประหลาดใจ “แม่…แม่นางชิง ท่าน…ตอนนี้ท่านสนิทกับท่านอ๋องซิว พวกท่านทั้งสอง…”
ฮูหยินใหญ่ได้ยินเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าคงรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติเช่นกัน จึงพูดแทรกอวี๋จั้วหลินที่พูดด้วยท่าทางตะกุกตะกัก เอ่ยปากกล่าวออกมาตรง ๆ ว่า “แม่นางชิง ท่านดูสิ ในตำหนักท่านอ๋องซิวไม่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นสตรีแม้แต่คนเดียว ท่านอาศัยอยู่ที่นั่นคงไม่สะดวกนัก เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ มาอยู่ที่จวนอวี๋เถิด ตอนนี้จั้วหลินก็บาดเจ็บสาหัส แม่นางจะได้ไม่ต้องลำบากเทียวไปเทียวมาด้วย แม่นางคิดเห็นอย่างไร?”
อวี้ชิงลั่วมองอวี๋จั้วหลินด้วยท่าทีเขินอาย นางกล่าวเสียงเบาว่า “ไม่…ไม่ลำบากหรอก ข้ากับท่านอ๋องซิว…เดิมทีพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน…หากพักอยู่ที่จวนอวี๋ …ข้ากับคุณชายอวี๋…บุรุษและสตรีที่ไม่มีสถานะต่อกันเช่นนี้ อาจกลายเป็นที่ครหา…”
ครอบครัว? ดวงตาของฮูหยินใหญ่เป็นประกายขึ้นทันใด หากพูดเช่นนี้ สิ่งที่นางคาดเดาคงไม่ผิดแล้ว แม่นางชิงผู้นี้เป็นองค์หญิงของราชวงศ์จริง ๆ รึ?
อวี๋จั้วหลินเริ่มเครียดในทันใด เขามองดวงตาเหนียมอายของอวี้ชิงลั่ว จู่ ๆ หัวใจของเขาก็เต้นตึกตักรุนแรงขึ้น แอบสูญเสียการควบคุมไปในทันที เขายื่นมือไปจับมือของอวี้ชิงลั่วอย่างไม่อาจห้ามใจ “แม่นางชิง ข้าจะมอบสถานะให้ท่านเอง”
อวี้ชิงลั่วดึงมือกลับมาด้วยความตกใจ ลุกขึ้นยืนและถอยหลังไปสองสามก้าว ทว่ากลับก้มหน้างุดยิ่งกว่าเดิม “คุณ…คุณชายอวี๋…เรื่องนี้…ต้อง…ปรึกษากับท่านอ๋องซิวก่อน ยังมี…ท่านพ่อ…ท่านพ่อและท่านแม่ด้วย…ข้า…อุ๊ย…ข้าขอตัวไปดูคุณหนูอวี๋ก่อน เมื่อครู่ข้าเห็นสีหน้าของนางดูราวกับว่าไม่ค่อยสบายนัก ข้าคงไม่ได้อยู่พูดคุยกับพวกท่านแล้ว”
ครั้นอวี้ชิงลั่วกล่าวจบ ก็รีบวิ่งออกไปนอกห้อง
ฮูหยินใหญ่กลับมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ “จั้วหลิน มีหวัง มีหวังแล้ว ฮ่า ๆ แม่ว่าแม่นางชิงผู้นั้นก็คงหลงรักลูกอยู่มากเชียวล่ะ ลูกชายของแม่เกิดมาเป็นบุรุษผู้สง่างาม แม่นางคนใดเล่าจะไม่หวั่นไหว อย่าว่าแต่องค์หญิงของราชวงศ์เลย ต่อให้เป็นสาวงามเทียนเซียน [1] ก็ยังหลงรักจั้วหลินของเราจนโงหัวไม่ขึ้น”
อวี๋จั้วหลินแย้มยิ้มออกมาพลางเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างภูมิใจ
ทว่าตอนที่อวี้ชิงลั่วเดินมาถึงลานบ้าน นางกลับใช้ผ้าเช็ดหน้าถูมือแรง ๆ พร้อมกับถ่มน้ำลายออกมาเล็กน้อย
เยว่ซินที่เดินตามหลังถึงกับยิ้มขำขัน กระซิบเสียงเบาว่า “คุณหนู พวกเราจะไปหาหลี่หรานหร่านนั่นจริงหรือเจ้าคะ?”
“แน่นอน นางอุตส่าห์มอบของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้ให้ข้า มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ตอบแทนกลับไป?”
……………………………………………………………………………………………………………………..
[1] เทียนเซียน (天仙) ) คือ วิญญาณอมตะที่ถูกรับขึ้นสวรรค์ ในระยะแรกจะได้ปกครองน้ำ ต่อมาจะได้รับมอบหมายให้ปกครองโลกและสวรรค์ ตามลำดับ สามารถท่องเที่ยวไปมาระหว่างโลกกับสวรรค์ได้
สารจากผู้แปล
อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าเกิดกะจั๊วรู้ว่าแม่นางชิงคืออดีตภรรยาที่ตัวเองเกลียดนักเกลียดหนาจนฆ่าตายไปเมื่อหกปีก่อนจะรู้สึกยังไง
ไหหม่า(海馬)