อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 349 นางมิอาจให้กำเนิดได้
ตอนที่ 349 นางมิอาจให้กำเนิดได้
ตอนที่ 349 นางมิอาจให้กำเนิดได้
อวี้ชิงลั่วปล่อยมือทันใด ภายในห้องแปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดเพราะคำพูดของหลี่หรานหร่าน
หญิงเฒ่าทั้งสองถึงกับตบหน้าขาตนเอง แอบร้องในใจว่าจบเห่แล้ว สุ่ยเหวินเพิ่งลุกขึ้นจากพื้น แต่พอได้ยินคำพูดของนางก็ถึงกับตกใจจนล้มลงไปอีกหน
หลี่หรานหร่านก้นกระแทกลงกับพื้น รู้สึกเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย ปวดทั้งศีรษะ ขาและมืออย่างรุนแรง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังเรียกสติกลับคืนมาไม่ได้
อวี้ชิงลั่วกลับก้าวเท้าต้อนเข้ามาหานางทีละก้าว น้ำเสียงแผ่วเบาเหลือประมาณ “เจ้าพูด…เจ้าพูดว่า…เจ้ามิใช่น้องสาวของอวี๋จั้วหลิน เจ้าคือสตรีของเขา?”
หลี่หรานหร่านเงยหน้าขึ้นโดยพลัน นางตระหนักได้แล้วว่าตนเองได้เอ่ยสิ่งใดออกไป นัยน์ตาจึงฉายแววตื่นตระหนกระคนหวาดหวั่น ทว่าวินาทีต่อมา กลับรู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก
นางอดกลั้นและปิดซ่อนไว้มาแสนนาน ตอนนี้ได้พูดออกไปทั้งหมด ความจริงได้ปรากฏขึ้นแล้ว นางกลับรู้สึกโล่งสบายจนมิอาจหาสิ่งใดทัดเทียม
เพียงแต่ การเผชิญหน้ากับคำถามของอวี้ชิงลั่ว นางกลับเบือนหน้าหนี มิได้ตอบคำถาม บัดนี้สิ่งที่กำลังคิดอยู่ภายในใจก็คือ จะอธิบายกับอวี๋จั้วหลินอย่างไร อย่างน้อย ๆ ก็ต้องทำให้เขาและฮูหยินใหญ่คิดว่า แม่นางชิงค้นพบว่านางเป็นอนุของอวี๋จั้วหลินด้วยตนเอง มิได้เป็นสิ่งที่ออกมาจากปากของนาง
อย่างไรก็ตาม นางยังไม่ทันได้คิดแผนการใด ๆ จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ร้องไห้โฮออกมา
วินาทีต่อมา ก็พบว่าอวี๋จั้วหลินและฮูหยินใหญ่กำลังสาวเท้าเข้ามาในห้อง
ทั้งคู่เห็นฉากภายในห้องแล้วก็ถึงกับชะงักงัน หันมองอวี้ชิงลั่วและหลี่หรานหร่านที่นั่งลงบนพื้นพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ
หลี่หรานหร่านยังไม่ทันได้มีเวลาคิด นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยน้ำตา รีบลุกขึ้นเดินไปหาอวี๋จั้วหลิน “จั้วหลิน เรื่องของเรา…”
“แม่นางชิง” อวี๋จั้วหลินทำราวกับไม่เห็นนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำลงหลายส่วน หันมองอวี้ชิงลั่วที่ล้มลงไปนั่งพับเพียบอยู่บนพื้น ดวงตาแดงปูดบวม มองมาทางนี้ด้วยสายตาพร่าเลือนทว่าแฝงการกล่าวโทษ ทั้งยังฉายแววน้อยใจ
หลี่หรานหร่านตกใจ ทั้งยังประหลาดใจอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่เห็นอวี้ชิงลั่วเส้นผมยุ่งเหยิงแขนเสื้อสกปรกมอมแมม สติพลันหลุดลอยภายในพริบตาเดียว
อวี๋จั้วหลินก้าวมาด้านหน้า ยื่นมือออกไปประคองนางให้ลุกขึ้น “แม่นางชิง นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”
อวี้ชิงลั่วเบี่ยงร่างกายหลบมือของเขาพร้อมกับลุกขึ้นยืน นัยน์ตาที่ทอดมองเขาฉายความโกรธเคือง ทำท่าทางดูเหมือนจะมองแต่ก็ไม่มองไปทางหลี่หรานหร่าน
วินาทีต่อมา อวี๋จั้วหลินพลันหันกลับมาตะคอกใส่หลี่หรานหร่าน “เจ้าทำอะไรกันแน่? แม่นางชิงเห็นเจ้าไม่สบาย จึงตั้งใจมาที่นี่เพื่อรักษาให้เจ้า ไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่รับน้ำใจด้วยความขอบคุณ แต่ยังทำให้นางต้องน้อยใจ เจ้ามันหญิงแพศยา”
หลี่หรานหร่านเงยหน้าขึ้นทันใด มองบุรุษที่อยู่ตรงหน้าราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เหตุใดจึงได้โบ้ยความผิดมาที่นางโดยไม่แยกผิดชอบชั่วดี นางยังไม่ได้ทำอะไร บนเรือนกายก็ได้รับบาดแผลตั้งหลายจุด แต่ท้ายที่สุดกลับต้องถูกเขาตำหนิ ทั้งยังต่อว่าหาว่านางเป็นหญิงแพศยา
หลายปีมานี้ อวี๋จั้วหลินเคยกล่าวคำผรุสวาทใส่อวี้ชิงลั่วที่ลักลอบมีชู้เมื่อหกปีก่อนว่าเป็นหญิงแพศยาเท่านั้น เขาไม่เคยใช้คำที่รุนแรงเช่นนี้กับนางมาก่อน
ทว่าในตอนนี้ เพียงเพราะสตรีแพศยาคนหนึ่งที่ไม่เคยแม้กระทั่งได้เห็นใบหน้าที่แท้จริง เขากลับทำกับนางเช่นนี้ต่อหน้าคนรับใช้ทั้งหมด
หลี่หรานหร่านโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม แต่ยังพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองอย่างสุดชีวิต อ้าปากทำท่าจะอธิบาย
ไม่รอให้นางได้เอ่ยปากพูดสิ่งใด อวี้ชิงลั่วกลับกล่าวเสียงสูงตำหนิว่า “เหตุใดคุณชายอวี๋ต้องต่อว่านาง หรือเป็นเพราะรู้สึกผิด อับอายจนต้องก่นด่าออกมา?”
อวี๋จั้วหลินชะงัก “รู้สึกผิด?”
“เหอะ เมื่อครู่คุณหนูอวี๋เป็นคนพูดเอง…ไม่สิ ไม่ควรเรียกนางว่าคุณหนูอวี๋ ต้องเรียกว่าฮูหยินน้อย เมื่อครู่นางเป็นคนพูดเองว่าคุณชายอวี๋คือคนรักของนาง นางคืออนุของท่าน เป็นสตรีผู้ที่ท่านยอมสละชีวิตให้ เหอะ ข้านี่มันโง่จริง ๆ ถึงได้เชื่อใจคนแบบท่าน เชื่อว่านางคือน้องสาวของท่าน” อวี้ชิงลั่วกล่าวจบ น้ำตาก็ไหลออกมา
เยว่ซินที่ยืนประคองร่างกายสั่นเทาของนางอยู่ข้าง ๆ ถึงกับแอบกระตุกยิ้มมุมปาก คุณหนูสุดยอดจริง ๆ คิดจะร้องก็ร้อง หลั่งน้ำตาราวกับน้ำก็มิปาน
หลี่หรานหร่านสูดลมเข้าปอด นางยังไม่ทันได้คิดหาข้อแก้ตัวก็ถูกสตรีผู้นี้เปิดโปงเสียแล้ว
อวี๋จั้วหลินรีบหันขวับกลับมา ถลึงตาใส่หลี่หรานหร่านด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด เขาเอ่ยออกมาทีละคำ “เจ้าเป็นคนพูดจริงรึ?”
“จั้วหลิน…ข้า…ข้าเพียงแค่…” หลี่หรานหร่านแอบหวาดกลัว นี่เป็นครั้งที่สองที่นางได้เห็นท่าทางเหี้ยมโหดของเขาเช่นนี้ ครั้งแรกคือตอนที่เขาได้ยินสองแม่ลูกตระกูลอวี้มาบอกว่าอวี้ชิงลั่วยังไม่ตายเพราะถูกฟ้าผ่าเมื่อหกปีก่อน
หลี่หรานหร่านถอยกรูดออกไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ ทว่าจู่ ๆ แผ่นหลังของนางกลับถูกใครบางคนผลักอย่างแรง
ครั้นหันกลับไปมอง จึงพบว่าฮูหยินใหญ่กำลังจ้องนางเขม็งด้วยใบหน้าแข็งทื่อ
“นังแพศยา มือไม่พายยังเอาเท้ามาราน้ำ” เดิมทีฮูหยินใหญ่ปฏิบัติกับหลี่หรานหร่านเป็นอย่างดี เพียงแต่ช่วงก่อนหน้านี้ อวี้ชิงลั่วได้มอบหมายงานให้นางจับตาดูหลี่หรานหร่านเพื่อเร่งการอาเจียนของนางทุกวัน ทำให้หลายวันมานี้ฮูหยินใหญ่รู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นพิเศษ เมื่อมองหลี่หรานหร่านจึงแสดงท่าทีรังเกียจมากขึ้น กอปรกับข่าวลือที่หมอปีศาจมีความสัมพันธ์กับเสนาบดีฝั่งขวาเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำให้ฮูหยินใหญ่คิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของหลี่หรานหร่าน สีหน้าที่นางมีต่อหลี่หรานหร่านย่อมแย่ลง
ตอนนี้เป็นเช่นไรเล่า สตรีผู้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีคนนี้ กลับสร้างเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าองค์หญิงของราชวงศ์ นี่มิเท่ากับทำลายแผนในใจของนางจนป่นปี้หรอกหรือ?
ฮูหยินใหญ่แค่นเสียงเย็นใส่นาง ฝืนยิ้มออกมา รีบก้าวเท้าเข้าไปจับมืออวี้ชิงลั่วพลางโน้มน้าวใจ “แม่นางชิง ท่านอย่าได้ฟังคำพูดเหลวไหลของนางเลย ใช่ จั้วหลินหลอกท่าน หลี่หรานหร่านมิใช่คุณหนูตระกูลอวี๋ นางเป็นแค่อนุคนหนึ่งเท่านั้น ทว่าจั้วหลินไม่ได้รักนางเลย จั้วหลินเองก็ลำบากใจที่ต้องหลอกท่านเช่นนั้น ครั้นแรกที่เจอท่านที่เจียงเฉิงเขาก็ตกหลุมรักท่านแล้ว แต่เป็นเพราะกลัวว่าแม่นางชิงจะรังเกียจที่เขามีอนุ จึงกล่าวว่าคนคนนั้นคือน้องสาวของเขา นั่นก็เป็นเพราะอยากให้แม่นางชิงมาที่เมืองหลวงแห่งนี้ จั้วหลินของเราจึงจะมีโอกาส แม่นางชิงอย่าได้เป็นกังวล เดิมทีจั้วหลินก็อยากจะทิ้งหลี่หรานหร่านอยู่แล้ว แท้จริงแล้วนางไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ ฮูหยินใหญ่ผู้นี้แสดงสีหน้าโมโหโดยไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้นได้เก่งจริง ๆ
หลี่หรานหร่านถึงกับตกใจ หันมองอวี๋จั้วหลินพลางหลั่งน้ำตาร้องไห้ “จั้วหลิน ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ หรือว่าความรักของเราตลอดระยะเวลาหกปีมานี้ ยังสู้สตรีที่ไม่ยอมแม้กระทั่งเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง?”
อวี้ชิงลั่วได้ทีขี่แพะไล่ สะบัดมือฮูหยินใหญ่ ยิ้มเยาะรัว ๆ “หกปี จริงด้วยสินะ พวกท่านรักกันมาหกปีแล้ว สตรีที่ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างข้าจะเข้ามาแทรกได้หรือ? เป็นเพราะข้าตาบอดเอง คุณชายอวี๋ หลังจากนี้ไป เราจบสิ้นกันแค่นี้”
อวี๋จั้วหลินใบหน้าซีดเซียวในทันใด เขารีบมาขวางตรงหน้านาง “แม่นางชิง ท่านแม่ของข้าพูดถูก ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง คนที่ข้ารักคือท่าน”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ เช็ดน้ำตา หมุนกายทำท่าจะเดินออกไป ทว่ากลับถูกฮูหยินใหญ่ดึงรั้งไว้ อวี้ชิงลั่วขัดขืนอยู่สองครั้งแต่ก็ดิ้นไม่หลุด จึงกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ปล่อยข้า ข้าดูเป็นคนหลอกง่ายขนาดนั้นเลยรึ? คุณชายอวี๋ วาสนาของเราคงมาได้เพียงแค่นี้”
ระหว่างที่พูด นางก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง วินาทีต่อมา จู่ ๆ คิ้วของนางก็ขมวดมุ่น หันมองหลี่หรานหร่านพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวว่า “คุณชายอวี๋ แม้ว่า…แม้ว่าท่านจะหลอกข้า หลังจากนี้ก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีก แต่อย่างน้อยพวกเราก็เคยได้พบพาน มีบางอย่างที่ข้าอยากบอกให้ท่านรู้ อนุภรรยาคนนี้ของท่าน เป็นโรคที่เกิดจากความบกพร่องทางร่างกาย ทำให้นางมิอาจให้กำเนิดได้ตลอดชีวิต”
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จบเห่แล้วนังหรานหร่าน เกมแล้ว ความลับที่เก็บมาตลอดโดนเปิดโปงแบบนี้ก็เตรียมขุดหลุมฝังได้เลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)