อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 350 ตบหลี่หรานหร่านด้วยโทสะ
ตอนที่ 350 ตบหลี่หรานหร่านด้วยโทสะ
ตอนที่ 350 ตบหลี่หรานหร่านด้วยโทสะ
หลี่หรานหร่านกำลังบอบช้ำทางอารมณ์เพราะถูกโจมตีด้วยคำพูดของอวี๋จั้วหลิน ทว่าวินาทีต่อมา กลับได้ยินเสียงแจ่มกระจ่างของอวี้ชิงลั่วดังขึ้น ร่างกายจึงแข็งทื่อโดยพลัน
มือของฮูหยินใหญ่ที่กำลังจับมืออวี้ชิงลั่วถึงกับทิ้งลงข้างลำตัว หันมองหลี่หรานหร่านราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มุมปากกระตุกวูบ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีตกตะลึง “แม่…แม่นางชิง เมื่อครู่ เมื่อครู่ท่านว่าอย่างไรนะ?”
อวี้ชิงลั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แสร้งสะอื้นไห้อีกครา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า “นับตั้งแต่ที่ข้าจับชีพจรให้นางคราแรก ก็ตรวจพบแล้วว่าเลือดลมของนางไม่เพียงพอ มดลูกเจริญผิดที่ เกรงว่าทั้งชีวิตนี้คงมิอาจมีลูกได้ เพียงแต่ตอนนั้นข้าคิดว่านางคือคุณหนูตระกูลอวี๋ หากให้คนนอกล่วงรู้เรื่องนี้ ย่อมเสียหน้าทั้งตระกูลอวี๋ ดังนั้นข้าจึงเก็บเป็นความลับมาโดยตลอด ทั้งยังพยายามคิดหาวิธี หวังว่าจะหาวิธีรักษาได้ คิดไม่ถึงเลย เหอะ…”
อวี้ชิงลั่วแค่นหัวเราะเบา ๆ พูดต่อไปโดยมิได้สนใจสีหน้าทั้งสามคนที่เปลี่ยนเป็นขาวซีด “คิดไม่ถึงเลยว่านางกลับเป็นอนุภรรยาของคุณชายอวี๋ คุณชายอวี๋ แม้ว่าเราได้พบพานกันแต่ไร้ซึ่งวาสนาเคียงคู่ แต่…ข้าก็ไม่อยากให้ท่านถูกคนอื่นหลอกเช่นนี้ต่อไป เพื่อป้องกันมิให้มีลูกอย่างกะทันหัน แต่กลับมิรู้ว่าเป็นเด็กที่โผล่มาจากที่ใด เช่นนั้นคงเป็นความผิดของข้าด้วย ข้ามีเรื่องจะพูดแต่เพียงเท่านี้ พวกท่านดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน”
ครั้นเอ่ยจบ นางจึงเดินผ่านข้างกายฮูหยินใหญ่และออกจากห้องไป
ยังไม่ทันถึงประตูห้อง มือของนางกลับถูกอวี๋จั้วหลินรั้งไว้
ความรู้สึกไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นฉายชัดบนใบหน้าของเขา “เมื่อครู่ท่านพูดจริงรึ?”
อวี้ชิงลั่วดึงมือกลับอย่างเย็นชา “ข้าไม่เหมือนกับคุณชายอวี๋หรอก ที่มาถึงขั้นนี้แล้วยังเอ่ยวาจาเท็จกับท่าน หากท่านไม่เชื่อ ก็ช่างเถิด ถึงอย่างไรหากตระกูลอวี๋ของพวกท่านเกิดปัญหา ก็มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้าอยู่แล้ว”
“ข้า…ข้ามิได้ไม่เชื่อคำพูดของท่าน เพียงแต่…”
อวี๋จั้วหลินใบหน้าขาวซีด บาดแผลบนร่างกายเจ็บแปลบขึ้นมาทันที สายตาของเขาเหลือบมองหลี่หรานหร่านด้วยความตกตะลึง ทว่ากลับเปล่งเสียงไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ
นิ้วมือของหลี่หรานหร่านถูกกำจนขาวซีด นางคิดมาโดยตลอด…คิดมาโดยตลอดว่าหมอปีศาจผู้นี้ใช้วิธีการอันไม่ชอบ เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศใหญ่โตเช่นนี้ นางก็แค่ถูกคนอื่นคุยโวโอ้อวด ความเป็นจริง แม้แต่โรคที่แท้จริงที่อยู่บนตัวนางกลับวินิจฉัยออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ทว่านางกลับคิดผิด ไม่เพียงแต่แม่นางชิงจะเจอโรคตั้งแต่ครั้งแรก นางยัง…พูดออกมาภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้อีก
ครั้นเผชิญหน้ากับสายตาตกตะลึงและโกรธเคืองของอวี๋จั้วหลิน หลี่หรานหร่านก็รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบีบคอ ร่างกายเย็นเฉียบทั่วสรรพางค์กาย
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? แม่…แม่นางชิง หลี่หรานหร่านตั้งครรภ์ไม่ได้จริงรึ? แต่…ท่านหมอเจี่ยงของโรงหมอซิ่งเซิงบอกว่านางแค่ร่างกายอ่อนแอ ไม่เคยเอ่ยถึงข้อบกพร่องของนางเลย นาง…” ฮูหยินใหญ่ตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา
สตรีนางหนึ่งที่มิอาจให้กำเนิดบุตรได้ จะแต่งเข้ามาอยู่ในจวนอวี๋ได้อย่างไร? จะคู่ควรกับบุตรของนางได้อย่างไร?
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ ท่าทางนั้นดูเย่อหยิ่งนัก “ข้าเองก็เคยคลุกคลีกับท่านหมอเจียง ทักษะทางการแพทย์ของท่านหมอเจียงไม่เลวเลย เขาจะวินิจฉัยโรคที่แท้จริงบนตัวนางไม่ออกได้อย่างไรกัน? หากเขาไม่พูดโรคที่แท้จริงออกมา คงไม่พ้นสองสาเหตุ ประการแรกคือ เป็นความจริงที่พูดได้ยาก ส่วนอีกประการ อาจเป็นเพราะถูกซื้อตัว ฮูหยินใหญ่ หากท่านไม่เชื่อคำพูดของข้า ท่านก็ไปหาหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูงมาตรวจนางซ้ำอีกหนได้”
ซื้อตัว?
อวี๋จั้วหลินหันขวับมาจ้องหลี่หรานหร่าน
หลี่หรานหร่านถอยกรูดไปด้านหลังหนึ่งก้าว สูดหายใจเข้าปอดไปหนึ่งเฮือก อารมณ์บนดวงหน้านั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน คำพูดเมื่อครู่ของอวี้ชิงลั่วเป็นความจริงทุกประการ ท่านหมอเจียงถูกนางซื้อตัวจริง ๆ
“นังแพศยา” ความโกรธของอวี๋จั้วหลินปะทุขึ้น พร้อมทั้งเหวี่ยงฝ่ามือออกไปโดยมิอาจควบคุมได้
เดิมทีหลี่หรานหร่านก็มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ก่อนหน้านี้นางถูกอวี้ชิงลั่วทรมานไปหนหนึ่ง บัดนี้กลับถูกฝ่ามือของอวี๋จั้วหลินตบอย่างสุดแรง ขาทั้งสองข้างที่ยืนไม่มั่นคง ทำให้นางหงายหลังล้มตัวลงบนพื้น ศีรษะกระแทกเข้ากับมุมเก้าอี้จนเลือดไหลซึมออกมาทันใด
ฮูหยินใหญ่ก็โกรธถึงขั้นขบฟันกรอด กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “เจ้านี่มันเศษสวะจริง ๆ ตนเองให้กำเนิดลูกไม่ได้ ยังไม่ยอมให้จั้วหลินของเราแต่งงานใหม่ ตอนนี้…ตอนนี้ยังซื้อตัวหมอเพื่อปิดบังเรื่องนี้อีก เจ้าคงไม่อยากให้ตระกูลอวี๋ของเรามีทายาทสืบสกุลงั้นสิ?”
“เปล่านะเจ้าคะ ข้าเปล่า พวกท่านอย่าได้ถูกสตรีนางนั้นหลอกนะเจ้าคะ” หลี่หรานหร่านรู้สึกวิงเวียนศีรษะ สมองของนางขาวโพลนไปหมด จึงมิอาจตรึกตรองได้ว่าควรแก้ตัวเรื่องนี้ให้ดีได้อย่างไร
อวี้ชิงลั่วเห็นว่าเรื่องราววุ่นวายพอสมควรแล้ว นางจึงหัวเราะเยาะอีกหน “ข้าไม่มีความจำเป็นต้องหลอกใคร เรื่องนี้แค่ไปหาหมอมาตรวจดูสักคนก็รู้แล้ว”
อวี๋จั้วหลินกำหมัดแน่น บาดแผลบนร่างกายเจ็บปวดรุนแรงยิ่งขึ้น หน้าผากปรากฏเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาเส้นแล้วเส้นเล่า ท่าทางดูน่ากลัวเหลือคณา
เสียง “พรวด…” ดังขึ้น จู่ ๆ เขาก็กระอักเลือดออกมา มือขวายกขึ้นมากุมหน้าอก ก่อนจะค่อย ๆ ล้มตัวลงกับพื้น
ฮูหยินใหญ่ถึงกับตกใจจนหน้าถอดสี รีบเข้าไปประคองเขา “จั้วหลิน จั้วหลิน?”
อวี้ชิงลั่วลอบยิ้มเยาะ ระหว่างที่ภายในห้องเกิดความยุ่งเหยิง นางกลับดึงมือเยว่ซินออกจากห้องของหลี่หรานหร่านโดยเร็ว
นางไม่อยากดูอาการให้อวี๋จั้วหลิน ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยให้คนคนนั้นโกรธจนตายเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อป้องกันมิให้เขาไปสร้างหายนะให้คนอื่นบนโลกใบนี้อีกต่อไป
เยว่ซินยกมือขึ้นมาปิดปาก หันซ้ายแลขวา ทว่ากลับรีบพุ่งตัวออกไป
“คุณหนู…คือ…อวี๋จั้วหลินจะเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?” น้ำเสียงของเยว่ซินแผ่วเบา นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน น้ำเสียงที่ได้ยินจึงแฝงความหวาดกลัว
“เจ้าอยากให้เกิดเรื่องกับเขาใจแทบขาดอยู่มิใช่รึ?” อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม ครั้นเห็นอีกฝ่ายถลึงตากลมโต จึงเกิดความคิดอยากหยอกล้อนางอีกสักหน่อย ทว่าจู่ ๆ กลับมีเสียงฝีเท้าย่างเข้ามาด้านหลัง
คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย รีบดึงมือเยว่ซินไปหลบซ่อนหลังก้อนหินที่อยู่ด้านข้าง
เพิ่งจะซ่อนกาย ก็พบว่าฟางซานซึ่งเป็นสาวใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่เดินนำหญิงเฒ่าอีกสามสี่คนมาด้านหน้าประตู ระหว่างที่เดินก็พูดไปพลางว่า “เร็วเข้า รั้งแม่นางชิงไว้ สถานการณ์ของนายน้อยไม่สู้ดีแล้ว หากนางไปจากที่นี่ ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมร้ายแรง”
มุมปากอวี้ชิงลั่วกระตุก จ้องมองคนเหล่านั้นที่สาวเท้าออกไปด้วยความรีบร้อน ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเดินออกมาจากด้านหลังก้อนหิน
สถานการณ์ของอวี๋จั้วหลินเป็นเช่นไร อวี้ชิงลั่วไม่รู้ หากฟางซานหาตัวนางไม่พบ ย่อมต้องไปตามหมออื่นเข้ามาในจวนเป็นแน่
จวนอวี๋ชุลมุนวุ่นวาย อวี้ชิงลั่วจึงฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกตประตู รีบพาเยว่ซินออกมา
โม่เสียนขับรถม้าไปจอดอยู่ในซอยใกล้ ๆ จวนอวี๋ ครั้นแลเห็นนางเดินออกมา โม่เสียนจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กระโดดลงมาจากรถม้า กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าจวนอวี๋จะเกิดการเคลื่อนไหวมิใช่น้อย ท่านทำอะไรไว้รึ?”
“ข้าทำอะไรที่ไหนกัน ก็แค่ไปดูอาการ บอกเรื่องโรคก็เท่านั้น” น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วฟังดูเป็นผู้บริสุทธิ์
ได้เห็นหลี่หรานหร่านถูกตบ ได้เห็นอวี๋จั้วหลินกระอักเลือด ได้เห็นท่าทางปวดหัวใจของฮูหยินใหญ่ ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจเป็นเวลากว่าหกปีของนางก็ถูกระบายออกไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหล่านั้น นางพูดแล้วว่าจะต้องเอาคืนกลับไปทีละน้อย
อวี้ชิงลั่วกล่าวจบ นางก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว แหวกม่านรถแทรกตัวเข้าไปด้านใน
ทว่าตอนที่เงยหน้าขึ้น กลับเห็นเงาหนึ่งนั่งอยู่ข้างประตู
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นังหรานหร่านน่าจะชะตาขาดแล้วล่ะค่ะ ไม่อยากนึกเลยว่าโดนทางจวนอวี๋กำจัดยังไง
ท่านอ๋องซิวแอบตามมาดูหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)