อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 351 เริ่มต้นการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักร
ตอนที่ 351 เริ่มต้นการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักร
ตอนที่ 351 เริ่มต้นการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักร
เย่ซิวตู๋เอื้อมมือดึงนางเข้ามา มือทั้งสองข้างโอบกอดรอบเอวของนางพร้อมแค่นเสียงเบา “มาดูอาการ จำเป็นต้องอยู่นานขนาดนั้นเชียวรึ? ร่างกายก็ยังไม่หายดี ยังกล้าออกมาเพ่นพ่านไปทั่ว หรือต้องให้ข้าใช้โซ่ล่ามเจ้าไว้ เจ้าถึงจะยอมประพฤติตัวเรียบร้อยไม่ออกนอกลู่นอกทาง”
“เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่?” อวี้ชิงลั่วประหลาดใจ เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมา
เมื่อคืนพวกเขาทั้งคู่ก็ถือว่า…ได้เปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้แล้ว ทั้งยังนอนกอดกันทั้งคืน การเผชิญหน้ากันเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกเคอะเขิน
นางเม้มปาก ขยับตัวไปนั่งข้าง ๆ
ครู่หนึ่ง เอวของนางพลันถูกโอบรัดไว้แน่น ก่อนจะถูกดึงกลับมาหาเขาอีกครั้ง
ครั้นหันกลับมา จึงพบว่าเย่ซิวตู๋กำลังจ้องนางด้วยความขุ่นเคือง ราวกับว่าการหลบหลีกของนางเมื่อครู่ ถือเป็นความผิดมหันต์
“เอ่อ…หนานหนานเล่า?” อวี้ชิงลั่วไม่เคยมีความรักมาก่อน แม้ว่าตอนนี้จะได้รับความรู้มาหลายปี เคยเห็นในโทรทัศน์และนิยายมาไม่น้อย จนสามารถหลับตาพูดเรื่องความรักได้อย่างเต็มที่ แต่หากต้องคบหากับบุรุษจริง ๆ จวบจนบัดนี้ก็ยังหาวิธีที่เหมาะสมไม่ได้
โดยเฉพาะเวลานี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับสายตาอันเร่าร้อนของเย่ซิวตู๋ สิ่งเดียวที่นางทำได้คือเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
แม้ว่าเรือนกายจะถูกโอบกอดไว้จนแผ่นหลังแนบชิดหน้าอกของเขา ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น แต่อวี้ชิงลั่วกลับไม่กล้าหันไปสบตาเขาตรง ๆ จึงทำได้เพียงแค่แอบดูหมิ่นตนเองอยู่ภายในใจ
เย่ซิวตู๋กระชับวงแขนยิ่งขึ้น จนกระทั่งได้ท่านั่งที่สบายขึ้นแล้ว จึงกล่าวเสียงสูงกับโม่เสียนที่อยู่ด้านนอก “กลับ”
เสียง ‘กุบกับ’ ของรถม้าดังขึ้นอย่างเนิบช้า น้ำเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของเย่ซิวตู๋จึงดังขึ้น “หนานหนานรู้แล้วว่าคนที่ใช้แส้เฆี่ยนตีเจ้าเมื่อวานนี้คือก่วนกงกง ตอนนี้เขากำลังสั่งสอนก่วนกงกงอยู่ในวัง บาดแผลของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง? ดีขึ้นหรือยัง? วันนี้ได้เปลี่ยนยาหรือไม่?”
คำถามของเขาถูกส่งออกมาคำถามแล้วคำถามเล่า อวี้ชิงลั่วถึงกับมึนงง หัวเราะแห้ง ๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเป็นหมอ ร่างกายของข้าเป็นเช่นไรข้าย่อมรู้ดี”
เย่ซิวตู๋เม้มปาก ทว่ากลับมิได้เอ่ยวาจาใดออกมา
สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังคงสนใจบาดแผลจากแส้ที่อยู่บนร่างกายของนาง จึงได้แต่กล่าวโทษตนเองด้วยความหงุดหงิด
รถม้าแล่นเข้ามาในตำหนักอ๋องซิวภายในเวลาอันรวดเร็ว เย่ซิวตู๋ส่งนางกลับเข้าห้องแล้ว จึงมาที่ห้องตำรา
เย่ซิวตู๋ยุ่งมาก อวี้ชิงลั่วย่อมทราบดี อีกสองวันการแข่งขันสี่อาณาจักรก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ในฐานะพระโอรสของฮ่องเต้ ต่อให้เขาไม่อยากสนใจมากกว่านี้ ก็ต้องช่วยด้วยความกระตือรือร้นอยู่ดี
โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เดินทางมาในครั้งนี้ มีคนที่รับมือได้ยากอย่างซ่างกวนจิ่นมาด้วย ในฐานะเจ้าบ้าน อาณาจักรเฟิงชางย่อมต้องทำทุกอย่างด้วยวิธีที่เหมาะสม
ในบรรดาพระโอรสของฮ่องเต้ แม้จะพูดว่าเก่งและมีความสามารถ แต่คนที่มีพลังมากพอที่จะยับยั้งซ่างกวนจิ่นผู้กระทำทุกสรรพสิ่งตามอำเภอใจ คาดว่าคงมีแค่เย่ซิวตู๋เท่านั้น
อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ในห้อง ผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง เยว่ซินก็วิ่งเข้ามา แจ้งว่าฮูหยินใหญ่ของจวนอวี๋มาที่นี่ด้วยตนเอง ทั้งยังเชิญให้นางไปตรวจและรักษาให้อวี๋จั้วหลินที่จวน
อวี้ชิงลั่วทำเพียงยิ้มเยาะ สั่งให้คนไล่นางกลับไป
ฮูหยินใหญ่ไม่กล้าเสียเวลาโหวกเหวกที่ตำหนักอ๋องซิว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยอมกลับไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
วันรุ่งขึ้น เย่ซิวตู๋ยังคงเข้าวังตั้งแต่เช้าตรู่ ดูเหมือนว่าหนานหนานก็ตามเขาเข้าวังด้วย
วันที่ยุ่งวุ่นวายเช่นนี้ มีเพียงอวี้ชิงลั่วที่ตื่นขึ้นมาอย่างสบายอกสบายใจ
จวนอวี๋ส่งคนมาอีกครั้ง แจ้งว่าอวี๋จั้วหลินฟื้นแล้ว ดูเหมือนมีบางอย่างอยากคุยกับอวี้ชิงลั่ว ครานี้ไม่ต้องรอให้อวี้ชิงลั่วสั่ง เยว่ซินก็สั่งให้องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูตะเพิดออกไป
การแข่งขันสี่อาณาจักรเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความประหม่าและการรอคอยของผู้คน
เย่ซิวตู๋เข้ามาในห้องของอวี้ชิงลั่วตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งยังดึงสตรีที่กำลังนอนเกียจคร้านอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้น
“เจ้าบอกว่าอยากไปดูการแข่งขันมิใช่รึ? ข้าให้คนเตรียมที่ไว้ให้แล้ว ลุกขึ้นเถิด”
อวี้ชิงลั่วร่างกายอ่อนยวบไปทั้งตัว เมื่อคืนนางนอนดึกมาก หลายวันมานี้หนานหนานตื่นเต้นผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อวานที่ตื่นเต้นราวกับกินยากระตุ้นเข้าไป กระโดดดึ๋ง ๆ อยู่บนเตียงของนาง เอะอะโวยวายจนดึกกว่าจะยอมกลับไปนอน ตอนนี้นางจึงง่วงมาก
เย่ซิวตู๋แอบลอบถอนหายใจ สั่งให้เยว่ซินเข้ามาดึงนางขึ้นจากเตียงและสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง อวี้ชิงลั่วจึงกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อออกมาจากห้องก็พบว่าผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว
อวี้ชิงลั่วขึ้นมานั่งบนรถม้า ก็พบว่าอวี้เป่าเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งซ้ายมือด้วยท่าทางกระสับกระส่าย เอาแต่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ไม่หยุด
อวี้ชิงลั่วเห็นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันสักหน่อย เหตุใดจึงได้ทำตัวประหม่ายิ่งกว่า” หนานหนานและเย่หลานเฉิงคือผู้เข้าแข่งขัน ในฐานะผู้เข้าแข่งขันจึงต้องเข้าไปรวมตัวในวังตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยเหตุนี้เด็กทั้งสองคนนั้นจึงไม่ได้เดินทางไปยังสนามแข่งขันพร้อมกับนาง
อวี้เป่าเอ๋อร์ยกมือขึ้นมาจับศีรษะ วันนี้เขาสวมใส่เสื้อผ้าสีน้ำเงิน ท่าทางดูกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ พลังถูกส่งออกมาจากร่างกายของเขา แตกต่างจากก่อนหน้านี้
“ท่านพี่ ครั้งหน้า ข้าก็อยากเข้าร่วมการแข่งขันสี่อาณาจักรด้วย” อวี้เป่าเอ๋อร์เป็นบุรุษ แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ก็เลือดร้อนอยากสร้างความรุ่งโรจน์ให้อาณาจักร
อวี้ชิงลั่วหัวเราะพลางลูบศีรษะของเขา “ได้สิ ครั้งหน้าก็ให้เย่ซิวตู๋ลงชื่อของเจ้าไว้ด้วย พี่เชื่อว่าเจ้าต้องได้ที่หนึ่งกลับมาเป็นแน่”
ดูเอาเถิด เป่าเอ๋อร์นี่แหละผู้มีความคิดบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว ไม่เหมือนกับเจ้าลิงป่าหนานหนานนั่น เข้าร่วมการแข่งขันสี่อาณาจักรก็เพื่อให้ทั้งโลกได้เห็นความสามารถของตนเอง ความคิดช่างไร้ยางอายเหลือเกิน
วันนี้เย่ซิวตู๋ไม่ได้นั่งบนรถม้า แต่กลับขี่อยู่บนหลังม้ารูปร่างสูงใหญ่ซึ่งเปิดทางอยู่ด้านหน้า ท่าทางของเขาดูเย่อหยิ่งไม่แยแส ไม่ต้องเปล่งวาจาก็ทำให้ประชาชนถอยห่าง เปิดทางให้พวกเขาแล้ว
อวี้ชิงลั่วกลับนึกถึงพยัคฆ์ทมิฬของเขาขึ้นมา หากเย่ซิวตู๋ขี่เสือดำตัวนั้นออกมา คงได้สร้างฉากตกตะลึงอย่างแท้จริง
เพียงแต่น่าเสียดาย เสือดำตัวนั้นอยู่ในจวนนอกเมือง ไม่ได้นำกลับมาที่ตำหนักอ๋องซิว
รถม้าเคลื่อนตัวอย่างเนิบช้าผ่านไปครึ่งชั่วยาม จึงจอดลงตรงหน้าประตูหลักที่ดูยิ่งใหญ่อลังการเหลือคณา
อวี้ชิงลั่วปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมหน้า ครั้นแหวกม่านรถก็กระโดดออกมาจากด้านใน
เย่ซิวตู๋เพียงแค่พยักหน้าให้นางเล็กน้อย กำชับให้นางระมัดระวังตัว ก่อนจะสั่งนางข้าหลวงที่อยู่ข้าง ๆ พานางไปอีกทางหนึ่ง ส่วนตนเองก็เข้าประตูหลักพร้อมกับอวี้เป่าเอ๋อร์
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้ชิงลั่วได้มายังสนามแข่งขัน เพียงแค่มองก็ทำให้นางรู้สึกตะลึงงันแล้ว
สถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง มีห้องสำหรับพักผ่อนและจิบน้ำชาทั่วสี่ทิศของลานแข่งขัน ต่อให้เป็นห้องสุขาเล็ก ๆ หยกแกะสลักที่อยู่บนนั้นก็มีความประณีตอย่างมาก แม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ ก็ไม่ปล่อยผ่าน
ห้องเหล่านั้นเป็นรูปแบบทรงกลม โดยห้อมล้อมสนามแข่งขันไว้ ด้านบนห้องเป็นบันไดต่อเป็นขั้น ๆ เป็นอัฒจันทร์ที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษไว้ให้ผู้เข้าชม ส่วนตรงกลางของสนามแข่ง กลับเป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่เหมือนกับสนามกีฬาในยุคปัจจุบัน
อวี้ชิงลั่วอดคิดไม่ได้ อันที่จริง หากไม่มีรถขุดและรถที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง การทำงานก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้ก็เกิดขึ้นได้ นี่ต่างหากคือการทดสอบความสามารถของคนอย่างแท้จริง
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เห็นบรรยากาศแล้วตื่นเต้นแทนเลย คนสมัยนั้นสร้างอะไรยิ่งใหญ่ขนาดนี้โดยไม่ได้ใช้เทคโนโลยียุคปัจจุบันได้ยังไงนะ
ไหหม่า(海馬)