อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 352 ใจแคบ
ตอนที่ 352 ใจแคบ
ตอนที่ 352 ใจแคบ
อวี้ชิงลั่วก้าวเท้าไปด้านหน้าอีกสองสามก้าว ค้นพบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยมายืนรอที่ทางเข้าด้านข้างแล้ว รอจนกระทั่งฮ่องเต้เสด็จมา จึงจะได้เข้าไปด้านใน
นางข้าหลวงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนำอวี้ชิงลั่วมายืนอยู่บนขั้นบันไดเล็ก ๆ กล่าวกับนางเคล้าด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางชิง ท่านอ๋องซิวกำชับบ่าวว่าไม่ต้องพาแม่นางเข้าไปในห้องพักคอย อีกหนึ่งเค่อ ฝ่าบาทจะเสด็จเข้างานพร้อมกับเหล่าขุนนางและคณะทูต ถึงเวลานั้นบ่าวจะพาแม่นางชิงเข้าไปเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า และเข้าใจถึงความหมายของเย่ซิวตู๋
ภายในห้องเหล่านั้น ย่อมต้องมีสตรีในราชวงศ์นั่งอยู่ไม่น้อย นางเองก็ไม่ได้รู้จักมักจี่ หากเข้าไปก็มีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้มากขึ้น
อีกอย่าง นางสนใจสนามแข่งขันแห่งนี้มากกว่า
นางข้าหลวงเห็นเช่นนี้จึงยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบสงบ
เพียงระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ประตูทางเข้าอีกด้านหนึ่งก็มีเสียงดังจอแจ ฮ่องเต้นำกลุ่มขุนนางเสด็จขึ้นบันไดไปประทับที่ตำแหน่งทางทิศบูรพา ตำแหน่งรอบ ๆ พระองค์มีซ่างกวนจิ่น ฉีหานเว่ย องค์ชายรอง และองค์ชายจากอาณาจักรเฟิงชางคนอื่น ๆ นั่งอยู่
ส่วนขุนนางที่มียศตำแหน่งต่ำกว่าก็กระจายไปนั่งตำแหน่งด้านหลัง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็มีกลุ่มสตรีนำโดยไทเฮาซึ่งทยอยกันเข้าไปนั่ง บริเวณนั้นถูกจัดเตรียมสำหรับสตรีโดยเฉพาะ สตรีที่จะสามารถเข้ามาดูการแข่งขันได้ นอกจากราชวงศ์แล้วก็มีเพียงสตรีชั้นสูงเท่านั้น
นางข้าหลวงตัวน้อยเห็นว่ามากันครบแล้ว จึงนำอวี้ชิงลั่วไปยังที่นั่งของนาง
“แม่นางชิง ที่นั่งของท่านอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ” นางข้าหลวงหยุดอยู่ตรงหน้าที่นั่งเข้ามุม ทว่ากลับไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่ทำให้อวี้ชิงลั่วพึงพอใจก็คือ ตำแหน่งนี้ค่อนข้างติดกับด้านหน้า แม้จะนั่งอยู่มุมสนาม แต่กลับมองเห็นทิวทัศน์ของลานแข่งขันได้อย่างรอบด้าน
เย่ซิวตู๋เก็บที่ดี ๆ ไว้ให้นางจริง ๆ ด้วย
อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ นั่งลง นางข้าหลวงคนนั้นรีบยกน้ำชาและขนมลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ที่วางอยู่ด้านข้าง ก่อนจะถอยออกไปด้วยรอยยิ้ม
อวี้ชิงลั่วพึงพอใจจนแย้มยิ้มออกมา ก่อนละสายตามองไปยังลานแข่งขันที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
คนที่นั่งอยู่รอบ ๆ นาง คงมีแค่สตรีชนชั้นสูงเท่านั้น คาดว่าคงรู้จักมักคุ้นกันอยู่แล้ว จึงพากันจับกลุ่มพูดคุยกัน ครั้นแลเห็นอวี้ชิงลั่ว ก็ปรายตาเพียงเล็กน้อย พวกนางเพียงมองนางปราดหนึ่งก่อนหันกลับไปพูดคุยกันต่อ
ไม่นานนัก จู่ ๆ ฝั่งนั้นก็มีเสียงที่ฟังดูครึกครื้นดังขึ้น เพียงไม่นาน คนกลุ่มเล็ก ๆ หลายกลุ่มก็เดินเข้ามาจากทางเข้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพวกนาง
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้นแล้วถึงกับหัวเราะ “พรืด” ออกมาเพราะทนไม่ไหว
ท่าทางที่ดูเริงร่าเช่นนี้ คล้ายกับพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาในยุคปัจจุบันจริง ๆ
เสียงของนางดูเบิกบานเป็นพิเศษท่ามกลางกลุ่มสตรีชั้นสูงที่กำลังเงียบเสียง คนที่อยู่รอบ ๆ จึงหันมามองนางโดยไม่ได้นัดหมาย สายตานั้นแฝงด้วยคำตำหนิ
สำหรับพวกนาง การเข้าร่วมพิธีที่เคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์มากเช่นนี้ ทุกคนต่างก็มารอชมด้วยจิตใจที่เลื่อมใสศรัทธา ทว่าสตรีที่ไม่รู้ที่มาที่ไปผู้นี้ กลับหัวเราะต่อหน้าพวกนางโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์เช่นนี้
“ไม่รู้ว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลใด ไร้การอบรมสั่งสอนจริง ๆ”
มีคนแค่นหัวเราะเยาะ คำพูดนั้นดูหมิ่นไม่น้อย
ทว่าอวี้ชิงลั่วไม่ได้ยิน ตอนนี้นางใจจดใจจ่ออยู่กับการค้นหาทางเข้าฝั่งตรงข้ามนั้น
เพียงไม่นาน นางก็เห็นเย่หลานเฉิงที่เดินอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม อายุของคนเหล่านี้ไล่เลี่ยกัน แต่ละคนดูเหมือนหัวไชเท้าน้อย ๆ พยายามแสดงสีหน้าจริงจังอย่างเต็มที่ ทว่ากลับกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทางประหม่า
ทว่าเมื่อเห็นชุดบัณฑิตสีขาวทั้งชุดของพวกเขา อวี้ชิงลั่วถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าแม้คนเหล่านี้จะเป็นถึงองค์ชายและพระราชนัดดา แต่บัดนี้กลับปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ ทว่าสะดุดตาเป็นอย่างมาก
ผู้เข้าแข่งขันของการแข่งขันฝ่ายบุ๋นเดินผ่านไปแล้ว ท้ายที่สุดจึงเดินมาหยุดกลางลานทีละแถว เริ่มจากห้าขวบก่อน เมื่อคำนวณจากทั้งสี่อาณาจักรแล้ว อาจมีมากกว่าหนึ่งร้อยคน ดูทรงพลังอย่างมาก
ครั้นแลเห็นผู้เข้าแข่งขันของการแข่งขันฝ่ายบู๊ มันกลับแตกต่างไปจากเมื่อครู่ ผู้เข้าแข่งขันฝ่ายบู๊มีท่าทางราวกับจะแสดงบุคลิกองอาจห้าวหาญ แต่ละคนอยู่ในชุดขี่ม้าดูกล้าหาญ
อวี้ชิงลั่วชะโงกหน้าเล็กน้อย ก็พบหนานหนานเดินออกมาด้วยบุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญ ท่าทางหยิ่งผยองนั้นทำให้อวี้ชิงลั่วมองดูด้วยชื่นชม
หนานหนานเป็นเด็กอยู่ไม่สุข นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันเช่นนี้ ย่อมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ยกมือและเท้าขึ้นพร้อมกันเพราะทนไม่ไหว ทั้งยังมองซ้ายแลขวาด้วยความฉงน ท่าทางเช่นนี้ ทำให้การก้าวเดินของเขาดูเลื่อนลอยยิ่งขึ้น
ขันทีที่เดินนำทางอยู่ข้าง ๆ ถึงกับปวดหัว เขาคอยเตือนหนานหนานให้ระมัดระวังอยู่หลายครั้ง อย่าได้ชะโงกหน้าออกไปเพราะจะเป็นการดูหมิ่นอย่างยิ่ง
ทว่าหนานหนานกลับทำเป็นหูทวนลม เขารู้สึกรำคาญกับคำพูดของขันทีแล้ว จึงหันกลับไปพูดกับผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ด้านหลังว่า “เจ้าชื่ออะไร? ปีนี้อายุเท่าไรแล้ว? เจ้าเข้าร่วมการแข่งขันอะไร? ข้าจะบอกอะไรให้นะ ข้าชื่อหนานหนาน ข้าเข้าร่วมวรยุทธ์ เป็นวรยุทธ์ที่สุดยอดมาก ๆ เลยด้วย”
ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ด้านหลังถึงกับมุมปากกระตุกเพราะคำพูดของเขา ตอนที่ได้ยินหนานหนานพูดว่าวรยุทธ์ นัยน์ตาก็ฉายความประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
วรยุทธ์? นั่นเป็นการแข่งขันอันตรายถึงชีวิต เด็กน้อยคนนี้ดูแล้วอายุยังน้อยนิด กลับเข้าร่วมการแข่งขันเช่นนี้แล้ว?
ผู้เข้าแข่งขันลอบเสียดายเล็กน้อย เด็กน้อยตัวแค่นี้ เกรงว่าคงดับสิ้นในครานี้แล้ว
ครั้นนึกได้ว่าหนานหนานคงมีชีวิตอีกไม่นาน ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจึงเปลี่ยนจากอารมณ์หงุดหงิดแรกเริ่ม แล้วหันมากล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้ามองทางด้านหน้าเถิด ระวังจะหกล้ม ถึงเวลานั้นทุกคนคงได้หัวเราะเยาะเจ้า”
หนานหนานไม่ใส่ใจ เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะว่า “ไม่ต้องห่วง ๆ แม้ว่าข้าจะอายุแค่ห้าขวบ แต่การก้าวเดินของข้าก็มั่นคงมาก”
หนานหนานกำลังพูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจ จู่ ๆ ในกลุ่มคนที่เดินอยู่ในแถวข้าง ๆ เขาก็หัวเราะเยาะออกมา “เจ้าปลากระดี่ได้น้ำเอ๊ย”
ระหว่างที่พูด เท้าขวาของคนคนนั้นก็ยื่นออกมาขัดขาหนานหนานราวกับไม่ได้ตั้งใจ
หนานหนานเซไปด้านหน้า ผู้เข้าแข่งขันที่เดินตามหลังและขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับตกใจ ทว่าตอนที่กำลังจะพูดว่าจบเห่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าหนานหนานจะเอนตัวไปด้านหน้าเพียงเล็กน้อย และหมุนส้นเท้าหนึ่งรอบ ทำให้ร่างกายของเขากลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง ก่อนจะก้าวเท้าเดินหน้าต่อ
“เย่หลานเว่ย เจ้ามันคนชั่วใจแคบ”
เย่หลานเว่ยแค่นเสียงเยาะ “ถือว่าเจ้าดวงแข็ง”
หนานหนานยกมือเช็ดจมูก แค่นเสียงเยาะเลียนแบบเย่หลานเว่ย “ข้าไม่ได้ดวงแข็ง แต่ข้าพุงแข็ง ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนอย่างเจ้าหรอก มิเช่นนั้นป่านนี้เจ้าคงได้ถูกข้าอัดจนล้มไปแล้ว”
ขันทีที่เดินอยู่ข้าง ๆ ถึงกับปาดเหงื่อ แล้วกระซิบโน้มน้าวว่า “อย่าเสียงดัง ฮ่องเต้กำลังทอดพระเนตรมาทางนี้นะขอรับ”
นี่คือปัญหาที่ยุ่งยากจริง ๆ คนหนึ่งก็เว่ยซื่อจื่อ อีกคนก็เป็นสหายน้อยที่ท่านอ๋องซิว เหมียวกงกง แม้แต่ตู้กงกงที่อยู่ข้างกายของไทเฮาก็กำชับไว้ว่าให้ดูแลให้ดี เขาจะกล้าสร้างความขุ่นเคืองได้อย่างไรกัน ช่างลำบากใจยิ่งนัก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานอย่าทำขายหน้านะ ต้องสวดภาวนาไหมคะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)