อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 359 หนานหนานถูกเพิกเฉย
ตอนที่ 359 หนานหนานถูกเพิกเฉย
ตอนที่ 359 หนานหนานถูกเพิกเฉย
สายตาทุกคนจับจ้องไปยังลานประลอง พวกเขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่ง เพราะสำหรับหนานหนานแล้ว พวกเขาไม่มีความหวังอะไรเลย
แม้กระทั่งไทเฮา บัดนี้ก็ทรงรู้สึกประหม่าขึ้นมา แก้วพระสุธารสชาที่อยู่ในพระหัตถ์นั้นนิ่งเฉยไร้การเคลื่อนไหว
ลวี่ฝูที่ยืนอยู่ด้านหลังกระซิบโน้มน้าวขึ้นว่า “ไทเฮา หนานหนานมีท่านอ๋องซิวคอยชี้แนะ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพคะ”
“เฮ้อ แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่การแข่งวรยุทธ์…ก็ยังวุ่นวายเกินไปอยู่ดี” ท้ายที่สุด ไทเฮาจึงยื่นแก้วพระสุธารสชาให้ลวี่ฝู พระนางโปรดปรานหนานหนานจากพระทัยโดยแท้จริง เด็กคนนี้ฉลาดปราดเปรื่องทั้งยังกระฉับกระเฉงและกล้าหาญ หากต้องจบสิ้นชีวิตภายในลานประลองการแข่งขันสนามนี้ คงเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียใจและเศร้าใจนัก
ลวี่ฝูเม้มปาก นางเองเป็นกังวลอย่างมากเช่นกัน การแข่งขันในรอบที่ผ่านมาผู้เข้าแข่งขันไม่กี่คนเหล่านั้นต่างแสดงความแข็งแกร่งของตนเอง มีเพียงหนานหนานเท่านั้นที่ต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปยืนบนลานประลอง หากเทียบกับการแข่งขันโดยปกติแล้ว จึงนับว่าแปลกนัก
ฮองเฮาและเหมิงกุ้ยเฟยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนใจหนานหนานที่อยู่กลางสนาม เพราะเห็นท่าทีเช่นนี้ของไทเฮา เป็นแค่สหายเด็กคนหนึ่ง แต่กลับมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้ ทำให้ไทเฮาถึงขั้นโปรดปราน ทำให้ฮ่องเต้ให้ความสำคัญ และยังทำให้เย่ซิวตู๋ถึงขั้นถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ด้วยตนเอง
หากจะบอกว่าเด็กคนนี้เป็นบุตรของตระกูลธรรมดา พวกนางคงไม่มีทางเชื่อ
เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นหนึ่งเสียง
ขณะที่มีเรื่องมากมายให้ทุกคนครุ่นคิด เสียงฆ้องก็ดังมาจากกลางสนามแข่งขัน การแข่งขันได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
เด็กวัยสิบขวบต่างมีกลอุบายอยู่ในใจ พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นอย่างดี…เด็กห้าขวบของอาณาจักรเฟิงชางผู้นั้นไม่ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับพวกเขา หากจัดการกับผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่งได้ อาณาจักรเฟิงชางก็จะจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้ เพราะการแข่งขันในรอบเช้านั้นพวกเขาปล่อยให้อาณาจักรเฟิงชางคว้าชัยไปแล้ว ดังนั้นช่วงบ่ายนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจปล่อยให้ทำตัวโดดเด่นได้อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเสียงฆ้องดังขึ้น ผู้เข้าแข่งขันหกคนจากสามอาณาจักรอื่นต่างก็พร้อมใจกันโจมตีผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรเฟิงชางโดยไม่ได้นัดหมาย
และไม่มีใครเห็นหนานหนานอยู่ในสายตา
หนานหนานแยกขาทั้งสองข้างออกจากกัน กำมือทั้งสองข้างกลายเป็นกำปั้น สายตาจ้องมองคนทั้งสองด้วยท่าทีระมัดระวัง ครั้นแลเห็นคนพุ่งตัวเข้ามา จึงตะโกนขึ้นเสียงดัง “ย้า”
จากนั้น…ก็ถึงกับมึนตึบ
ผู้เข้าแข่งขันทั้งหกคนนั้นไม่มีใครคิดจะจัดการกับเขาแม้แต่คนเดียว ต่อให้วิ่งมาตรงหน้าหนานหนาน แต่ก็อ้อมผ่านเขาไปอย่างชำนาญการ และวิ่งเข้าไปหาผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรเฟิงชางอีกคน
หนานหนานถึงกับชะงัก หันกลับไปมองสหายที่บอกเขาว่าอย่าได้เป็นตัวถ่วง ซึ่งบัดนี้ต้องรับมือกับคู่ต่อสู้ถึงหกคน หนานหนานมองเหตุการณ์ตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความไม่เข้าใจ “นี่ เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่สู้กับข้า? รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้ากำลังเลือกปฏิบัติกับข้าอยู่? แม้ว่าข้าอายุยังน้อย รูปร่างเล็ก แต่มวลร่างกายข้าก็ไม่เล็กนะ เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ทำราวกับไม่เห็นข้าเล่า?”
หนานหนานก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว จับตัวผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งของอาณาจักรหลิวอวิ๋นลากมาด้านนอก “มาสิ มาสู้กับข้าเถอะ”
“หลีกไป” คนคนนั้นผลักหนานหนานออก ก่อนจะพุ่งตัวไปด้านหน้าอีกหน
ครั้นเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเข้าไปในวงล้อม หนานหนานจึงลากมือออกมาอีกหน “ไม่ถูกสิ ข้าเองก็มาเข้าร่วมการแข่งขัน พวกเจ้าทำเช่นนี้กับข้า รู้หรือไม่ว่าทำให้ข้าเจ็บปวด? หัวใจของข้าแหลกสลายแล้ว โชกเลือดเลยด้วย พวกเจ้าเชื่อหรือไม่”
“ข้าบอกให้หลีกไป” คนคนนั้นหงุดหงิดถึงขีดสุด ใช้ฝ่ามือทุบเข้าที่กลางอกของหนานหนาน
หนานหนานถึงกับก้นกระแทกลงบนพื้น เขายกมือขึ้นมาถูหน้าอกแล้วมองคนคนนั้นด้วยความตกตะลึง นิ้วมือสั่นระริกขณะตะโกนจนเสียงแหบแห้งว่า “เจ้ามันโหดเหี้ยม…โหดเหี้ยมมาก…โหดเหี้ยม…โหด…”
ครั้นกล่าวจบ ร่างของเขาก็นอนนิ่งไม่ไหวติงบนลานประลอง
คนคนนั้นถึงกับชะงัก มองมือของตนเองปราดหนึ่งพลางครุ่นคิดว่าน่าแปลกนัก เมื่อครู่ดูเหมือนว่ายังไม่ทันได้สัมผัสเลยด้วยซ้ำ เหตุใดจึงดูเหมือนว่าถูกเขาทุบตีจนลงไปกองอยู่บนพื้นเสียแล้ว?
เขาขมวดคิ้ว มองมือของตนเองปราดหนึ่ง และมองหนานหนานที่นอนอยู่บนพื้นอีกครั้ง ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา ช่างเป็นตัวไร้ประโยชน์เสียจริง แค่โดนลมจากฝ่ามือกวาดเข้าใส่ก็ถึงกับลงไปกองบนพื้นจนลุกขึ้นยืนไม่ไหว คนประเภทนี้ มีคุณสมบัติอะไรถึงได้มาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ มาเพื่อดึงมาตรฐานของพวกเขาให้ต่ำลง เลือกปฏิบัติกับความสามารถของพวกเขางั้นหรือ อาณาจักรเฟิงชางเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ที่น่าอายเสียจริง
เขาแค่นเสียงเยาะเย้ยด้วยความสะใจ ก่อนหมุนกายกลับเข้าสู่ฉากการต่อสู้อีกครั้งโดยไม่คิดจะสนใจหนานหนานอีก
ทว่าไทเฮาที่นั่งทอดพระเนตรอยู่ด้านบนกลับลุกขึ้นยืนทันใด จ้องมองไปยังหนานหนานที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น พระนางบีบมือของลวี่ฝู ตรัสด้วยน้ำเสียงรีบร้อนว่า “เจ้ารีบไปให้คนอุ้มหนานหนานลงมา โถ่เอ๊ย เหตุใดคนคนนั้นถึงได้ลงมือรุนแรงเช่นนั้น? จะเป็นอะไรหรือไม่? ลวี่ฝู เจ้าสั่งให้คนพาหนานหนานไปให้หมอหลวงดูอาการหลังจากอุ้มลงมา ต้องช่วยชีวิตเขาไว้ให้ได้ เข้าใจหรือไม่?”
ลวี่ฝูพยักหน้ารัว ๆ ตอนที่กำลังหมุนกาย ครั้นช้อนสายตามองกลับพบว่าหนานหนานที่อยู่บนลานประลองนั้นเริ่มขยับตัวแล้ว เขาหาท่าทางสบาย ๆ แล้วเอียงตัวไปด้านข้าง ก่อนจะใช้มือประคองศีรษะมองดูคนทั้งเจ็ดที่กำลังต่อสู้กัน
ลวี่ฝูชะงัก หันกลับมมองไทเฮา “เอ่อ ไทเฮาเพคะ ดูเหมือนว่าหนานหนานจะไม่ได้เป็นอะไรนะเพคะ”
ไทเฮาลอบถอนหายพระทัย จ้องเด็กน้อยคนนั้นปราดหนึ่งอย่างจนปัญญา แอบรู้สึกเขินอายกับการแสดงออกที่ดูขาดสติของตนเองเมื่อครู่ จากนั้นจึงเงยพระพักตร์ทอดมองฉากในสนามต่อสู้ต่อไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น มิได้มีท่าทีตื่นตระหนกหรือประหม่าเหมือนเมื่อครู่ ประหนึ่งว่าคนที่รีบร้อนเมื่อครู่นี้มิได้มีตัวตน
ขณะนี้ฉากการต่อสู้บนลานประลองถึงขั้นสู้แบบเอนเอียงไปด้านหนึ่งแล้ว ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรเฟิงชางมีฝีมือไม่เลวเลยจริง ๆ แต่ต่อให้เก่งกว่านี้ เขาก็มิอาจรับมือกับการล้อมโจมตีของทั้งหกคนได้ นอกจากนี้ ในบรรดาหกคนนี้ก็ไม่ได้มีคนที่มีวรยุทธ์เหนือกว่าเขาเพียงคนเดียว
ดังนั้นไม่นาน เขาก็กระอักเลือดคำโตออกมาสองคำ ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ ร่างกายก็ถึงกับสั่นเทา
ทว่าเป็นอย่างที่เขาพูดไว้เมื่อครู่ ต่อให้เขาถูกอัดจนตายอยู่บนลานประลองแห่งนี้ เขาก็ไม่มีทางที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เขาจะไม่หนี และไม่กระโดดลงจากลานประลองด้วย
“พรวด…” เขากระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งคำ ร่างกายของเขายามนี้ถูกซัดจนโบยบินราวกับใบไม้ปลิดปลิว ก่อนจะกระแทกเข้ากับขอบของลานประลองอย่างแรง ดวงตาคู่นั้นพร่ามัว ร่างกายและจิตใจสิ้นหวัง
เขาได้รับบาดแผลสาหัสที่ยากเกินเยียวยา ทว่าคนที่เหลือเหล่านั้นกลับมีบาดแผลบนผิวหนังภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือว่าเขาต้องตายอยู่ที่นี่ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้าสู่สนาม เขาจะทำใจยอมรับมันได้อย่างไร จะเต็มใจได้อย่างไรกัน?
ผู้เข้าแข่งขันจากทั้งสามอาณาจักรพากันแย้มยิ้มด้วยความสะใจ เวลานี้พวกเขาโล่งใจมากขึ้นแล้ว จึงค่อย ๆ ก้าวเดินตรงมาหาด้วยท่าทางราวกับต้องการหยอกล้อ
หนานหนานหรี่ตาลงเล็กน้อย ริมฝีปากเล็ก ๆ เม้มเป็นเส้นตรง
แม้ว่าคนคนนั้นจะทำตัวน่ารังเกียจกับเขาเป็นอย่างมาก และแม้ว่าพวกเขาจะคุยไม่ลงรอยกัน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรเฟิงชางเช่นเดียวกัน หากอีกฝ่ายตายไป เสด็จปู่ก็คงเสียหน้า นอกจากนี้ เขาดูเหมือนถูกทุบตีจนอยู่ในสภาพน่าอนาถนัก กระอักเลือดออกมาตั้งหลายคำ น่ากลัวเกินไปแล้ว
เฮ้อ เขาเป็นคนจิตใจดีเกินไปจริง ๆ สินะ ถึงได้ทนดูคนตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานแสดงฝีมือไปเลยลูก ถึงตัวเล็กแต่ก็เด็ดดวงนะ
ไหหม่า(海馬)