อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 36 ท่านแม่ข้ามาแล้ว
ตอนที่ 36 ท่านแม่ข้ามาแล้ว
มุมปากเย่ซิวตู๋กระตุกอย่างเย็นชา ประเสริฐมาก ในเมื่อโชคของเขาดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็ไปดูสักหน่อย อวี้ชิงลั่วหมอปีศาจผู้นี้ ทำเรื่องที่น่าพอใจมากเหลือเกิน
เหวินเทียนยื่นป้ายไม้ให้เย่ซิวตู๋ด้วยท่าทางอ่อนล้า มองดูนายท่านด้วยความระมัดระวัง อยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด
“เจ้าอยากพูดอะไร?”
เหวินเทียนเห็นเขาเอ่ยถาม ก็รีบพูดขึ้น “นายท่าน แม่นางอวี้คงไม่ได้ตั้งใจปิดบัง ท่าน…ท่านอย่าได้กล่าวโทษนางเกินไปเลย…”
“พรืด…” เสิ่นอิงอดขำไม่ได้ เหวินเทียนเปลี่ยนทัศนคติเร็วเกินไปหน่อยกระมัง ครั้นได้ยินว่าแม่นางอวี้คือหมอปีศาจที่เขาเลื่อมใสมาโดยตลอด จึงเกิดความกล้าหาญกล่าวเตือนนายท่าน โดยไม่กลัวว่านายท่านจะโกรธเคืองเลย
ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นเช่นนั้น ใบหน้าของเย่ซิวตู๋เปลี่ยนเป็นดูไม่จืด เขามองเหวินเทียนพลางแค่นเสียงเบา ๆ “ทำไม นายท่านของเจ้าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
เหวินเทียนรีบยืดตัวแสดงท่าทางเคร่งขรึม “นายท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าแม่นางอวี้ค่อนข้างดื้อรั้น หากกล่าวโทษนางมากเกินไป ถึงเวลานั้นนางไม่พอใจขึ้นมาอาจใจแคบแก้แค้นนายท่านระหว่างการรักษาได้”
เย่ซิวตู๋กวาดตามองเขาด้วยดวงตาเย็นเยียบ ยกตัวหนานหนานที่กินอาหารเสร็จและกำลังเช็ดปากขึ้นมา “ไป ข้าจะพาเจ้าไปหาแม่”
หนานหนานส่งเสียง ‘อี๋’ อันที่จริงเขาไม่อยากไปเลย ตอนนี้เขากินอิ่มแล้ว ทั้งยังไปเล่นกับเสือดำได้แล้วด้วย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเย่ซิวตู๋ที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จึงยอมปิดปากแต่โดยดี โอบรอบคอของเขาและออกจากห้องพิเศษไปพร้อมกัน
เสิ่นอิงเริ่มเห็นใจเผิงอิงที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง เดิมทีที่มาหาหมอปีศาจก็เพื่อให้เขาช่วยดูอาการของเผยอิง แต่ตอนนี้นายท่านรู้แล้วว่าคน ๆ นั้นคือแม่นางอวี้ จึงอยากรีบไปคิดบัญชีกับนางแทบทนไม่ไหวแล้ว
เขาย่อตัวลงตบบ่าเผิงอิง กล่าวโน้มน้าวใจเสียงเบา “ไม่เป็นไรนะ ถึงอย่างไรหมอปีศาจก็คือแม่นางอวี้ บาดแผลบนร่างกายของเจ้าคนที่รักษาก็คือแม่นางอวี้ พิษก็ถูกนางถอนออกไปแล้ว จะไปหานางตอนนี้หรือไม่ก็ค่าเท่ากัน”
เผิงอิงถลึงตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เดิมทีเผิงอิงก็ไม่เป็นอะไร ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายมาปลอบใจหรอก ทำราวกับเป็นสตรีไปได้
เย่ซิวตู๋ออกไปแล้ว ภายในห้องพิเศษจึงเหลือแค่พวกเขาสี่คนที่หันมาสบตากัน แล้วจ้องมองไปยังต้าอู่บนพื้น ครุ่นคิดว่าจะเผาทำลายศพดีหรือไม่?
จินหลิวหลีตื่นเต้นมาก ตอนที่นางประกาศว่าหยิบได้แผ่นป้ายไม้หมายเลขสาม นางก็แทบทนไม่ไหวที่จะเดินไปยังเรือนด้านหลัง
ตอนที่เพิ่งมาถึงซุ้มเล็ก ๆ ที่เชื่อมไปยังเรือนด้านหลัง ก็พบร่างสูงสง่ายืนหันหลังให้นาง ยืนด้วยรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่ตรงหน้า ไม่ขยับไหวแม้แต่น้อย
จวนโม่ที่มีความลึกลับ ในที่สุด…ก็เปิดเผยหน้าตาที่แท้จริงแล้ว
นอกจากนี้ เรื่องที่นังเด็กอวี้ชิงลั่วและจวนโม่มีความสัมพันธ์อย่างไรต่อกันนั้น ในที่สุดความจริงก็จะปรากฏแล้ว
จินหลิวหลีตื่นเต้นเสียจนแม้แต่การย่างเดินก็ยังเฉไปมาเล็กน้อย ทำให้เด็กในร้านที่เดินตามนางกลัวจนใจเต้นรัว แทบจะยื่นมือไปช่วยประคองนางอยู่หลายหน
โชคดีว่าในตอนที่กำลังเดินมาถึงตรงหน้าเย่ซิวตู๋ ในที่สุดท่าทางของนางก็เปลี่ยนเป็นนิ่งสงบตามปกติ เด็กในร้านถอนหายใจอย่างโล่งอก และได้ยินเถ้าแก่เนี้ยของเขาใช้น้ำเสียงนุ่มนวลหวานหยาดเยิ้มถามว่า “มิทราบว่า ท่านคือลูกค้าหมายเลขสามใช่หรือไม่?”
“ใช่” เย่ซิวตู๋หมุนกายกลับมา เขามองจินหลิวหลีที่มีผ้าปิดบังใบหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ดวงตาจินหลิวหลีเป็นประกายทันใด นางรู้สึกได้ว่าท่าทางที่โอ่อ่าของบุรุษผู้นี้คือมนุษย์ท่ามกลางมังกรและหงส์ ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดระลอกคลื่นกลางใจ สตรีล้วนอยากจ้องมองให้มากขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
พริบตาต่อมา ตอนที่สายตาของนางเหลือบไปยังเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป นางจ้องเขาด้วยความตกตะลึง “หนานหนาน?”
“ท่านป้าจิน ข้าคิดถึงท่านจังเลย ไม่ได้เจอกันนานตั้งนาน ท่านคิดถึงหนานหนานหรือไม่ ฝันถึงหนานหนานบ้างหรือไม่?” เด็กน้อยถลาตัวเข้ามา จินหลิวหลีรีบใช้มือกอดเขาไว้ ก่อนจะตบหลังเขาเบา ๆ แกล้งทำเป็นโกรธว่า “เจ้ายังจะพูดอีก? ในเมื่อคิดถึงป้าจินขนาดนั้น ไยเจ้าถึงทิ้งช่วงไม่มาหาป้านานขนาดนี้?”
หนานหนานทำแก้มป่อง ส่งเสียงทอดถอนใจ “ข้ายุ่งจริง ๆ ท่านป้าจิน ท่านเองก็รู้ ท่านแม่ของข้าหายสามร่วงสี่[1] จะตายไป ข้าในฐานะบุรุษของนาง ก็ต้องทำหน้าที่ดูแลนาง”
จินหลิวหลีถึงกับเกิดขีดดำสามเส้นที่หน้าผาก เจ้าเด็กนี่ มีความสามารถพูดเช่นนี้ต่อหน้ามารดาของเจ้าเชียว
เย่ซิวตู๋ให้เวลาพวกเขาได้รำลึกความหลัง เพียงแต่พวกเขาสองคนยิ่งคุยก็ยิ่งคุยถูกปาก ทำท่าเปลี่ยนอิริยาบถจะไปนั่งคุยช้า ๆ และจิบสุราไปพลาง ณ สถานที่ที่มีโต๊ะเก้าอี้ ในที่สุดเขาจึงกระแอมเสียงเบาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยจิน ข้าอยากพบหมอปีศาจ”
“หา?” จินหลิวหลีชะงัก ตอนนี้นางเพิ่งพบว่าตนเองราวกับละทิ้งหลักการที่ตนยึดมั่น ลืมเย่ซิวตู๋ไปเสียสนิท
เพียงแต่…หนานหนานอยู่ในอ้อมกอดของคนในจวนโม่ เห็นได้ชัดว่านังเด็กอวี้ชิงลั่วนั่นคงรู้จักกับเขา หากพาเขาเข้าไปด้านใน อวี้ชิงลั่วจะแยกนางเป็นชิ้น ๆ หรือไม่?
เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย นางก็รู้สึกไม่ดีที่จะถามความสัมพันธ์ระหว่างหนานหนาน อวี้ชิงลั่ว และจวนโม่ มันช่างยุ่งเหยิง…ยุ่งเหยิงเหลือเกิน
“เถ้าแก่เนี้ยจินมีเรื่องลำบากใจอะไรหรือ?” เย่ซิวตู๋เห็นสายตาที่หลบซ่อนของนาง จึงยิ้มออกมา และแกว่งป้ายไม้ในมือตรงหน้านาง
จินหลิวหลีขนลุกซู่ในทันที มีภาพมายาของเหงื่อเย็นที่หยดลงบนหน้าผากในพลัน
อย่าลังเลที่จะทำลายผลประโยชน์ของผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง นังเด็กกินคนอวี้ชิงลั่วนั่นไม่ตกนรกแล้วใครจะตกนรกได้? ไม่สนใจแล้ว พาเข้าไปก่อนค่อยว่ากัน
“อ่า ไม่ ไม่ได้ลำบากใจอะไร ข้าจะพาท่านเข้าไป” นางปาดเหงื่อ ดึงหนานหนานที่อยู่ในอ้อมกอดขึ้นมา ใช้นิ้วมือจับเสื้อของเด็กไว้ ป้องกันไม่ให้ตนเองอยากหนีออกไปเพราะทนไม่ไหว
บุรุษผู้นี้…นางมิอาจยั่วโมโหได้ ให้อวี้ชิงลั่วแก้ปัญหาก็แล้วกัน
หนานหนานมองซ้ายมองขวาด้วยความประหลาดใจ ท่าทางของเขามึนงงมาก เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ก็แค่มาเจอท่านแม่ เหตุใดท่านป้าจินถึงได้ทำท่าราวกับกำลังขึ้นเครื่องประหาร อีกอย่างท่านอาเย่ก็แผ่รังสีสังหารออกมาทั้งตัว ท่าทางราวกับจะหาใครเพื่อคิดบัญชี
“ฮัดเช้ย…” อวี้ชิงลั่วดึงชุดคลุมนอกบนร่างกายขึ้นมาบีบจมูกเพราะห้ามไม่อยู่ วันนี้นางจามติดต่อกันถึงสองหนแล้ว มีลางสังหรณ์…ที่ไม่ดีเอามาก ๆ เลย
แปลกจัง นานขนาดนี้แล้ว เหตุใดคนไข้คนต่อไปยังไม่มาอีก? จากความเร็วของจินหลิวหลีแล้ว นี่มันช้าเกินไปหน่อยกระมัง?
หรือว่า นางจงใจให้ช้า เพื่อให้อวี๋จั้วหลินและคนอื่น ๆ หงุดหงิดยิ่งขึ้น?
แบบนี้ก็ดีเช่นนี้ สรุปก็คือ วันนี้นางจะไม่ปล่อยให้อวี๋จั้วหลินได้ผ่านไปอย่างง่ายดาย
ก๊อก ๆ
…เสียงเคาะประตูดังขึ้น จินหลิวหลีพูดด้วยน้ำเสียงลังเลจากด้านนอก “คนไข้มาแล้ว”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น ปกติจินหลิวหลีจะพาคนไข้เข้ามาทันที เหตุใดครานี้กลับดูมีมารยาทเช่นนี้ ทั้งยังเคาะประตูแจ้งก่อนด้วย
ไม่ถูกสิ!!!
อวี้ชิงลั่วกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จินหลิวหลีกำลังบอกนางว่า ข้างนอกเกิดปัญหาขึ้นแล้ว มิเช่นนั้น นางคงมิทำตัวผิดปกติเช่นนี้
นางเหลียวซ้ายมองขวา สายตาก็จ้องไปที่ด้านบนหน้าต่างทางซ้าย ตอนที่นางกำลังจะเดินไปทางนั้น ประตูห้องก็ถูกคนจากด้านนอกออกแรงผลักเข้ามา ตามด้วยเสียง ‘ปัง’ จากนั้นเสียงเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจของหนานหนานอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ดังขึ้น “ท่านแม่ ข้ามาแล้ว”
…………………………
[1] หายสามร่วงสี่ (丢三落四)หมายถึง ขี้หลงขี้ลืม
สารจากผู้แปล
สวดมนต์ให้ชิงลั่วเลยค่ะ โป๊ะแล้ว นายท่านเย่รู้ตัวตนแล้ว
ไหหม่า (海馬)