อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 360 หนานหนานถูกเตะ
ตอนที่ 360 หนานหนานถูกเตะ
ตอนที่ 360 หนานหนานถูกเตะ
หนานหนานคิดว่าตนเองเก่งกาจไร้เทียมทาน สง่างามเหนือใครในโลก รูปโฉมงดงามอ่อนโยน อีกทั้งยังมีความเป็นวีรบุรุษ เขาค่อย ๆ เข้าไปพยุงร่างของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่ง
“อึก…” เด็กหกคนที่กำลังปรี่ตัวเข้าใส่ผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรเฟิงชางถึงกับชะงัก พวกเขารู้สึกได้ถึงลำคอและแขนที่คล้ายกับถูกตรึงจนทำให้ร่างกายผิดปกติไปทั้งตัว
ฝีเท้าของทั้งหกคนชะงักลงโดยพลัน ราวกับนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ ก่อนจะหันกลับไปมองฝั่งตรงข้าม
“เมื่อครู่ใครเป็นคนลงมือ?” ผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรเทียนอวี่กระโดดหนีหนึ่งก้าว สายตาจ้องมองคนจากอาณาจักรจิงเหลยและอาณาจักรหลิวอวิ๋น พลางจ้องมองด้วยสายตาเย็นยะเยือก
จริงสิ พวกเขาลืมไปได้อย่างไรกัน คนคนนั้นของอาณาจักรเฟิงชางถูกจัดการไปพอสมควรแล้ว หลังจากนี้ก็ถึงเวลาลงมือกับผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรอื่น ๆ ลงมือตอนที่คนอื่น ๆ ยังไม่ทันสังเกตจึงเป็นโอกาสดีที่สุด
ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรเทียนอวี่คิดเช่นนี้ ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยและอาณาจักรหลิวอวิ๋นก็คิดเช่นเดียวกัน
พวกเขารู้สึกได้ว่าความเจ็บแปลบเมื่อครู่ต้องเป็นเพราะอีกฝ่ายแอบลงมือกับตนเองเป็นแน่ เดิมทีพวกเขารวมตัวกันเพื่อไล่ต้อนคนของอาณาจักรเฟิงชาง ตอนนี้พวกเขากลับรีบถอยออกไปเพื่อตั้งหลักแล้ว
หนานหนานถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก มีอะไรผิดพลาดหรือไม่ หรือไม่มีใครสงสัยในตัวเขาเลย? นี่เขาไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาขนาดนั้นเชียวรึ?
หนานหนานรู้สึกน้อยใจจนต้องเอนตัวนอนลงไปอีกหน ก่อนจะหยิบขนมที่พกติดตัวมาหนึ่งชิ้นและลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย
กรรมการคุมสอบที่ยืนอยู่ข้างลานประลองถึงกับตาขวาง เพราะเมื่อครู่ตอนที่อยู่หน้าลานประลอง ทั้ง ๆ ที่พวกเขาค้นตัวเด็กทุกคนแล้ว เหตุใด…เด็กคนนั้นจึงยังมีขนมติดตัว?
“ฮ่า ๆๆ เด็กที่ชื่อหนานหนานคนนั้นน่าสนใจยิ่งนัก” เย่หว่านเยียนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ตอนนี้นางถึงกับจับมืออวี้ชิงลั่วและส่งเสียงหัวเราะออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะนอนกินขนมอยู่ตรงนั้น นี่คือผู้เข้าแข่งขันตรงไหนกัน เห็น ๆ อยู่ว่าก็เหมือนกับผู้ชมที่อยู่ด้านนอกนั่นแหละ เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่? ฮ่า ๆ คนที่พี่ห้าสอนมีนิสัยแปลกประหลาดเหมือนพี่ห้าไม่มีผิด”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางก่ายหน้าผากพลางลอบถอนใจ เหตุใดในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หนานหนานกลับยังคงใช้ทุกวิถีทางเพื่อยัดขนมไว้กิน? โดยปกติแล้ว ควรคิดหาวิธีเพื่อซ่อนอาวุธไว้กับร่างกายมิใช่รึ?
ตัวอย่างเช่น…ผู้แข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยคนนั้น
เมื่อครู่ตอนที่เหลือบมอง นางเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบนตัวของหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรจิงเหลยมีบางอย่างโผล่ออกมา
คนคนนั้นต่างหากเล่าที่เป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจของหนานหนาน
ไม่เพียงแค่นางที่คิดเช่นนี้ ผู้มีฝีมือระดับสูงอย่างเย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ ที่มีสายตาเฉียบแหลมก็ย่อมมองเห็นเช่นกัน
เพียงแต่ในการแข่งวรยุทธ์นั้นมีกฎที่รู้กันโดยไม่ต้องเอ่ยปากพูด หากกรรมการคุมสอบตรวจค้นอาวุธแล้วไม่พบ เช่นนั้นก็หมายความว่าเป็นความสามารถของเจ้าตัว แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่อันตรายถึงชีวิต ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็คงทำได้เพียงแค่ยอมรับความโชคร้ายของตนเอง
เย่ซิวตู๋หันหน้ามองซ่างกวนจิ่นที่นั่งสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง
อีกฝ่ายมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าสายตากลับจับจ้องไปที่หนานหนาน เมื่อครู่ท่าทางผิดปกติของผู้เข้าแข่งขันทั้งหกคนนั้น เห็นได้ชัดว่าคนที่ลงมือก็คือเด็กห้าขวบที่แกล้งนอนตายอยู่บนพื้นนั่นเอง
ดูเหมือนว่าเด็กที่เย่ซิวตู๋ฝึกออกมาจะไม่ธรรมดาจริง ๆ
การต่อสู้ภายในลานประลองกำลังคึกคักเร่าร้อน แม้ว่าเด็กทั้งหกคนนั้นจะเข้าสู่การแข่งขันอย่างแท้จริงแล้ว การต่อสู้ก็ดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
หนานหนานใช้มือทั้งสองข้างยันเข้ากับพื้น และเริ่ม…คลานไปด้านหน้า
จนกระทั่งมาหยุดลงตรงหน้าผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรเฟิงชาง แล้วกระซิบถามเสียงเบา “เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?”
“เจ้า…เจ้ายังไม่ตาย?” คนคนนั้นถลึงตาโต มองเด็กน้อยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บทั้งยังมีท่าทางกระปรี้กระเปร่าราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“ถุย ๆๆ ข้าต้องมีอายุยาวร้อยปี จะตายง่าย ๆ เช่นนั้นได้อย่างไรกัน?” หนานหนานถลึงตาใส่อีกฝ่ายด้วยท่าทีดุดัน คนปากเสียนี่พูดจาดี ๆ ไม่เป็นเอาเสียเลย เขาดูเหมือนผีอายุสั้นงั้นรึ? หนานหนานยกมือขึ้นมาเสยผมตัวเองด้วยท่วงท่างดงาม ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองหล่อเหลาไม่น้อย
“ในเมื่อยังไม่ตาย แล้วเจ้ามัวทำอะไรอยู่ที่นี่ ยังไม่ขึ้นไปสู้อีก? พรวด…แค่ก ๆ…เจ้า…เจ้ามันรักตัวกลัวตาย กล้าแม้กระทั่งแกล้งตายอยู่ที่นี่ ช่างน่าขายหน้า เจ้าทำให้อาณาจักรเฟิงชางของข้าต้องขายหน้า”
สีหน้าของหนานหนานเริ่มกลายเป็นดำคล้ำ เขาลุกพรวดขึ้นมานั่งพร้อมกับพ่นน้ำลายใส่อีกฝ่าย “พูดจาให้มันดี ๆ หน่อย ขายหน้าตรงไหนกัน เจ้านั่นแหละโง่เพราะไม่รู้จักใช้กลยุทธ์ เจ้าต่างหากที่น่าขายหน้า ขายหน้าทั้งตระกูลเจ้านั่นแหละ ถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าเข้าให้ กล้ามาต่อว่าข้า หากยังต่อว่าข้าอีกครั้ง ข้าจะไม่ช่วยเจ้าแล้ว”
“เจ้าน่ะรึช่วยข้า?” คนคนนั้นโกรธจัด เขาคิดว่าหากตนเองเข้าร่วมแข่งวรยุทธ์ ต่อให้มีวรยุทธ์ไม่สูง อย่างน้อย ๆ ก็ควรกล่าวสาบานยอมตายเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของอาณาจักรเฟิงชางอย่างที่เขาทำ ต่อให้ตาย ก็จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แกล้งตายเพื่อหนีเอาตัวรอดเช่นนี้
ทว่าคนคนนี้กลับฉวยโอกาสเช่นนี้ แล้วยังมีหน้ามาพูดว่าช่วยเขาอย่างไม่ละอายใจอีก?
เขากุมหน้าอกแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งทีละนิด ก่อนจะหัวเราะด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าไสหัวออกไปให้ไกลหน่อย ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เหอะ อีกอย่างเจ้าก็ไม่มีปัญญาช่วยข้าด้วย”
“เจ้าพูดเองนะ” หนานหนานปัดมือ ก่อนจะลุกขึ้นมายืนจ้องมองอีกฝ่ายจากมุมสูง “เช่นนั้นเจ้าก็ตายอยู่ที่นี่เถอะ ความเมตตาของข้าไม่ได้มีอยู่ตลอดไป”
ครั้นพูดจบ หนานหนานก็ไม่แยแสอีกฝ่ายอีก เขาหมุนกายจ้องไปยังทั้งหกคนที่กำลังสู้กัน พลางยกมือขึ้นกอดอก บุ้ยปากบ่น “อือ ฝีมือของอาณาจักรเทียนอวี่ผู้นั้นค่อนข้างอ่อนแอ น่าแปลก ทั้ง ๆ ที่ผู้มีฝีมือของอาณาจักรเทียนอวี่มีมากล้น เหตุใดถึงไม่สอนเด็กเหล่านั้นให้เข้าร่วมการแข่งวรยุทธ์เล่า? อือ ๆ ส่วนคนของอาณาจักรหลิวอวิ๋นนั่นก็ใช้ได้ ดูเหมือนว่าจะคล่องแคล่วมาก ทั้งยังฉลาดปราดเปรื่องเสียด้วย อือ ๆ ๆ คนของอาณาจักรจิงเหลยนั่น ดูเหมือนจะมีพลังเยอะน่าดู หมัดก็ทรงพลังมาก ดูเหมือนจะรับมือได้ยาก อือ ๆๆๆ…”
ผู้เข้าแข่งขันที่กำลังกุมหน้าอกบรรเทาความเจ็บปวดถึงกับเกิดเส้นสีดำผุดขึ้นกลางหน้าผาก อืม ๆๆๆ อะไรกัน? ทำราวกับกำลังจะถ่ายหนักก็มิปาน
เหอะ ลูกผู้ลากมากดีนี่ทำอะไรก็ไม่ผิดจริง ๆ ได้ยินมาว่าเด็กคนนี้เป็นสหายพระนัดดาของฮ่องเต้ ทั้งยังได้รับความรักจากเฉิงซื่อจื่อผู้นั้นอย่างมาก ปกติคงได้ใช้ชีวิตที่มีเกียรติมั่งคั่งและร่ำรวย เกรงว่าคงไม่เคยถูกทุบตีหรือหิวโหยมาก่อน
เหตุที่มาเข้าร่วมการแข่งวรยุทธ์นี้ เกรงว่าคงมาเพื่อร่วมสนุกก็เท่านั้น คนเช่นนี้ นับเป็นความอับอายของอาณาจักรเฟิงชาง ทั้งยังมาเพื่อเป็นตัวถ่วงของเขาด้วย คนที่ไม่ได้ทำอะไรและไร้อนาคตคงมีแค่บรรพบุรุษปกป้องเท่านั้น อนาคตย่อมมิใช่คนดีอะไร หากอนาคตเขาได้เป็นข้าราชการ จะเป็นข้าราชการน้ำดีที่คิดตัดสินใจแทนประชาชนได้หรือ?
เมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ให้ตายอยู่ที่นี่ยังจะดีเสียกว่า
ยิ่งคิด ความหดหู่ภายในใจก็ยิ่งพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ คนคนนั้นมองดูคนหกคนที่กำลังสู้กันอย่างดุเดือดจนแทบจะแยกออกจากกันไม่ได้ ก่อนจะมองไปยังหนานหนานที่ยังชี้นิ้วแสดงความคิดเห็นอยู่ด้านหน้า นัยน์ตาพลันฉายแววชั่วร้ายจาง ๆ พลางยิ้มเยาะออกมา
คนคนนั้นเงื้อเท้าเตะเข้าที่ก้นของหนานหนานอย่างเต็มแรง เพื่อส่งหนานหนานเข้าไปอยู่กลางลานประลองยุทธ์
“อ๋า…”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เตะไปให้น้องโดนยำเรอะ น้องจะยำอีกหกคนที่เหลือน่ะสิไม่ว่า
ไหหม่า(海馬)