อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 362 เตะร่วงทั้งหมู่
ตอนที่ 362 เตะร่วงทั้งหมู่
ตอนที่ 362 เตะร่วงทั้งหมู่
คนคนนั้นถึงกับมีสีหน้าแข็งทื่อ ทั้งยังรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะวินาทีต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงของหนานหนานเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนี้ดีหรือไม่ เมื่อครู่เจ้าเตะข้าไปหนหนึ่งแล้ว ทั้งยังด่าข้าเสียยาวเหยียด ข้าเองก็ไม่สบอารมณ์กับคนแบบเจ้ามานานแล้ว ให้ข้าเตะเจ้าสักครั้ง เตะเจ้าร่วงลงไปด้านล่างเพื่อเป็นการแก้แค้น ดีหรือไม่?”
“เจ้า…เจ้ากล้ารึ?”
“เหตุใดถึงไม่กล้า? บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องใดที่ข้าไม่กล้า” เอ่อ หากมีก็คงเป็นเรื่องที่ไม่กล้าเถียงท่านแม่นั่นแหละ
หนานหนานแค่นเสียงหัวเราะเยาะ เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นยังคงจ้องมองตนเองด้วยสายตาชั่วร้าย เขาจึงยกเท้าเตะอีกฝ่ายจนหล่นจากลานประลองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
คนคนนั้นยังไม่ทันได้โต้ตอบใด ๆ เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กตัวน้อยวัยห้าขวบจะมีพละกำลังมากขนาดนี้ ถึงขั้นทำให้เขากระเด็นลอยออกไปจากตำแหน่งที่อยู่ห่างจากลานประลองถึงหนึ่งหมี่ได้
ทันทีที่หล่นลงสู่พื้น เสียงตะโกนของกรรมการฝั่งนั้นก็ดังขึ้น “ผู้เข้าแข่งขันหยางหลินแห่งอาณาจักรเฟิงชาง ตกรอบ”
“พรวด…แค่ก ๆ” หยางหลินถูกเตะจนศีรษะปักลงบนพื้น อาหารที่กินเข้าไปถูกอาเจียนออกจากปาก เลือดที่บริเวณหน้าอกคล้ายกำลังจะพุ่งขึ้นมาอีกหน เขาจึงรีบยกมือปิดปากไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงรู้สึกดีขึ้น
จากนั้นจึงแหงนหน้าขึ้น ดวงตาที่จ้องมองหนานหนานดูดุร้ายราวกับคิดจะกลืนกิน
หนานหนานหัวเราะเยาะ บิดเอวด้วยความรู้สึกสดชื่นขึ้นทันใด
แต่ผู้ชมที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์กลับงงเป็นไก่ตาแตก โดยเฉพาะสุภาพสตรีของขุนนางใหญ่อาณาจักรเฟิงชางเหล่านั้น ต่างก็คาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง
เด็กวัยห้าขวบคนนั้นไม่เข้าไปแข่งขันยังพอทน แต่กลับเตะผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่ของพวกเขาลงจากลานประลอง เด็กคนนี้คิดจะทำอะไร? หรือเขาจะเป็นฝ่ายสอดแนมเพื่อมาเป็นตัวถ่วงของอาณาจักรเฟิงชางโดยเฉพาะ?
อวี้สื่อ[1]ผู้หนึ่งทนไม่ไหว กราบทูลกับฮ่องเต้ไปตามตรงว่า “ฝ่าบาท อวี้ฉิงหนานผู้นั้นทำตัวน่ารังเกียจเกินไปแล้ว เขากำลังพยายามทำให้อาณาจักรเฟิงชางเสียเปรียบ พฤติกรรมเช่นนี้จะลูบหน้าปะจมูกไม่ได้โดยเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ก็รู้สึกปวดเศียรมากเช่นกัน หนานหนานหนอหนานหนาน หากเจ้าคิดจะเตะคน อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะเตะผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรอื่นลงไปก่อน นี่มิเท่ากับโจมตีผิดคนหรอกหรือ?
แม้ว่าภายในพระทัยของฮ่องเต้จะรู้สึกจนปัญญาเหลือคณา ทว่าสีหน้าภายนอกกลับยังคงนิ่งเฉย พระองค์เหลือบสายพระเนตรไปยังอวี้สื่อผู้นั้นที่กราบทูล แล้วตรัสอย่างเนิบช้าว่า “เหตุใดใต้เท้าอู๋จึงได้รีบร้อนเช่นนี้? การแข่งขันยังไม่จบ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังทำให้อาณาจักรเฟิงชางเสียเปรียบ?”
“แต่ว่าเขา…” ใต้เท้าอู๋ผู้นั้นยังอยากจะพูดอะไรต่อ ทว่าแขนเสื้อของเขากลับถูกใต้เท้าอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดึงไว้
คำพูดของใต้เท้าอู๋มาถึงปากแล้ว ทว่าวินาทีนั้นก็มิได้เอื้อนเอ่ยวาจาใดออกมา ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงกลับไปนั่งประจำที่อีกหน ทว่าภายในใจกลับคร่ำครวญไม่หยุด ฝ่าบาททรงเลอะเลือนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจริง ๆ ไม่เพียงแต่เลือกเด็กประเภทนี้มาแข่งวรยุทธ์ ทว่าแม้แต่ในเวลาเช่นนี้ พระองค์ยังคิดจะปกป้องสุดชีวิต
ช่างเป็นความโชคร้ายของอาณาจักรเฟิงชางของพวกเขาเสียจริง
เย่ซิวตู๋เหลือบมองใต้เท้าอู๋ผู้นั้น ก่อนยิ้มเยาะที่มุมปาก
ซ่างกวนจิ่นกลับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง เนื่องจากในใจของเขาทราบดีว่าเด็กห้าขวบคนนั้นหาได้ธรรมดาเช่นนั้นไม่ แม้ว่าบางครั้งจะมีพฤติกรรมที่แตกต่าง แต่อย่างน้อย ๆ มาถึงช่วงท้ายของการแข่งขัน เขากลับเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ได้รับบาดเจ็บและอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุด สบายที่สุด รักษาความแข็งแกร่งทางกายภาพได้ดีที่สุด
ซ่างกวนจิ่นอดยิ้มเยาะไม่ได้ เด็กคนนี้ฉลาดปราดเปรื่องเสียเหลือเกิน ดูเหมือนว่าผลการแข่งขันสนามนี้ คงมีแค่ผู้ชนะระหว่างอาณาจักรหลิวอวิ๋น อาณาจักรจิงเหลย และอาณาจักรเฟิงชางแล้ว ส่วนอาณาจักรเทียนอวี่น่ะรึ…
ซ่างกวนจิ่นหันมององค์ชายรองที่อยู่ข้าง ๆ องค์ชายรองยังอยู่ในท่วงท่าเกียจคร้าน การที่ผู้เข้าแข่งขันสองคนจากอาณาจักรตนเองล้มไปกองอยู่ที่ขอบลานประลอง เขากลับไม่มีท่าทีโกรธเคือง และไม่เห็นท่าทีของความกังวลใจแม้แต่น้อย
น่าแปลกยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่อาณาจักรเทียนอวี่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้รอบรู้ด้านวิทยายุทธ์ ตระกูลที่มีวิทยายุทธ์ของอาณาจักรเทียนอวี่มีมากมายนับไม่ถ้วน ตระกูลลู่ ตระกูลหวง ตระกูลเจี่ยง และตระกูลตงต่างก็เป็นสี่ตระกูลใหญ่แห่งวิชายุทธ์ เหตุใดเมื่ออยู่ในสนามแข่งวรยุทธ์กลับแสดงออกมาได้อ่อนแอถึงเพียงนี้? เขาคิดมาโดยตลอดว่าคู่ต่อสู้ตัวฉกรรจ์ของอาณาจักรจิงเหลยควรเป็นอาณาจักรเทียนอวี่สิถึงจะถูก
ราวกับองค์ชายรองรู้สึกได้ถึงสายตาสงสัยอันร้อนระอุ จึงหันกลับมาด้วยท่าทีเรียบเฉย แย้มยิ้มให้อีกฝ่ายพลางกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “อุปราชก็กำลังคิดว่าเด็กคนนั้นทำแบบนี้ไม่ถูกใช่หรือไม่? ฮ่า ๆ อันที่จริงเราก็รู้สึกสนใจเขามากเช่นกัน เราชอบเด็กคนนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียแล้วสิ เราตัดสินใจว่า…”
คำพูดหยุดชะงักลงโดยพลัน องค์ชายรองกลับมานิ่งเฉยอีกหน ตอนที่เห็นหนานหนานเดินเข้าหาผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรเทียนอวี่ มุมปากพลันกระตุกวูบ มิได้กล่าวสิ่งใดอีก
หนานหนานคิดอยู่ตลอดว่า ตนเองควรทำความดีอย่างน้อยวันละหนึ่งสิ่ง ด้วยการช่วยคนเหล่านี้ดีหรือไม่?
เขาก้าวเท้าไปยืนข้าง ๆ ผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรเทียนอวี่ผู้นั้นอย่างเนิบช้า ย่อตัวลงพลางเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
คนคนนั้นถึงกับชะงัก เขาโดนพิษจากงูพิษ บัดนี้สิ้นแรงไร้ซึ่งพลังที่สามารถพลิกสถานการณ์จากเลวร้ายให้กลายเป็นดีได้ เกรงว่ารอจนกระทั่งการแข่งขันสิ้นสุดลง พิษคงออกฤทธิ์ไปทั่วแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นหนานหนานเดินตรงเข้ามาก็อดยิ้มเยาะให้ตนเองมิได้ “คิดไม่ถึงว่าคนที่ไร้ประโยชน์ที่สุด กลับกลายเป็นคนที่มีชีวิตรอดเป็นคนสุดท้าย”
“ข้าถามว่าเจ้าชื่ออะไร?” คนคนนี้อายุมากกว่า แต่เหตุใดความสามารถในการเข้าใจถึงได้อ่อนแอเช่นนี้?
“ลู่หม่าน” ก็แค่ชื่อของคนที่กำลังจะตายเท่านั้น พูดให้เขาฟังก็คงไม่เป็นไร เพียงแต่ตอนที่เพิ่งกล่าวจบ คิ้วของลู่หม่านพลันขมวดมุ่นขึ้นมา แปลกนัก กรรมการประกาศชื่อของพวกเขาทั้งแปดคนตั้งแต่แรกเริ่ม เด็กคนนี้กลับไม่ได้ยิน?
หนานหนานประหลาดใจ “แซ่ลู่? เจ้าเป็นลูกหลานของตระกูลลู่อาณาจักรเทียนอวี่หรือ?”
ลู่หม่านมองหนานหนานด้วยความฉงน “คิดไม่ถึงว่าคนอายุน้อยแบบเจ้ากลับรู้จักตระกูลลู่ด้วย? เหอะ แต่น่าเสียดาย ข้าไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลลู่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ข้าจะตกอยู่ในกลอุบายของพวกเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ฟังจากความหมายในคำพูดนี้ของเขา คนของอาณาจักรเทียนอวี่ต่างก็เคารพสี่ตระกูลใหญ่นั่นมาก
หนานหนานพยักหน้า “ก็ได้ เห็นแก่เจ้าที่แซ่ลู่เช่นเดียวกับข้า ข้าจะช่วยเจ้าก็แล้วกัน”
แซ่ลู่เช่นเดียวกัน? ลู่หม่านยิ่งไม่เข้าใจ ทว่าวินาทีต่อมา เขาก็พบว่าหนานหนานควานหาบางอย่างในแขนเสื้อของตนเอง ก่อนจะหยิบยาหนึ่งเม็ดยัดใส่ปากเขา จนกระทั่งเขากลืนมันลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว หนานหนานก็เตะคนคนนั้นออกจากลานประลองโดยไม่ลังเล
ลู่หม่านถึงกับตกใจ ทว่าวินาทีต่อมากลับรู้สึกสบายไปทั้งตัว เมื่อครู่เขารู้สึกหายใจได้ยากลำบากเพราะพิษงู ทว่าบัดนี้เขากลับรู้สึกสบายตัวขึ้นกว่าเดิม
หรือว่าเมื่อครู่นี้ เด็กคนนี้ให้เขากินยาถอนพิษ?
ดวงตาของลู่หม่านแปรเปลี่ยนเป็นความซับซ้อน เขาทอดมองร่างเล็ก ๆ ของหนานหนานที่เดินเข้าหาคนอื่น ๆ ที่ถูกพิษ ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง บางที เด็กคนนี้ต่างหากเล่าคือผู้ที่เก็บซ่อนความสามารถไว้อย่างแท้จริง
ระหว่างที่ลู่หม่านกำลังครุ่นคิด เขาก็เงยหน้ามองฉากที่อยู่ด้านบนลานประลอง วินาทีต่อมาหัวคิ้วพลันขมวดมุ่นอีกหน
ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรหลิวอวิ๋นและอาณาจักรจิงเหลยที่จากเดิมกำลังสู้กันอย่างดุเดือดนั้นได้หยุดต่อสู้แล้ว สายตาที่ลุ่มลึกกำลังจับจ้องไปที่หนานหนาน
ลู่หม่านสูดลมเข้าปอด คงมิใช่ว่าสองคนนั้นคิดจะร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเด็กคนนั้นหรอกกระมัง
…………………………………………………………………………………………………………………………
[1] อวี้สื่อ (御史) ตำแหน่งผู้ตรวจราชการราชสำนัก ตรวจสอบป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบของข้าราชสำนัก รับผิดชอบหนังสือราชการทั้งปวง รวมถึงฎีกาที่จะถวายฮ่องเต้ และเป็นผู้รับสนองพระราชโองการ จึงเป็นตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้มาก
สารจากผู้แปล
ไม่ใช่มะม่วงก็ร่วงได้ ทำให้หนานหนานโมโหแล้วเป็นไงล่ะ ปากดีนักก็ร่วงไปซะ
ไหหม่า(海馬)