อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 366 นังแพศยานั่นยังไม่ตาย
ตอนที่ 366 นังแพศยานั่นยังไม่ตาย
ตอนที่ 366 นังแพศยานั่นยังไม่ตาย
เฉินจีซินจับมืออวี้ชิงโหรวทว่ากลับพูดไม่ออก มุมปากสั่นระริกตลอดเวลา บนหน้าผากเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็น
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ชิง…ชิงโหรว คำพูดเหล่านั้นที่พ่อของเจ้าพูดไว้ เป็นเรื่องจริงรึ? แม่ไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ เมื่อครู่เขา…เขาพูด…เขาพูดว่า…อวี้ชิงลั่ว…ยังไม่ตายใช่หรือไม่?”
อวี้ชิงโหรวกำผ้าเช็ดหน้าในมือจนแน่นเช่นเดียวกัน ตอนนี้สีหน้าของนางถึงกับขาวโพลน
ครั้นได้ยินคำพูดของเฉินจีซิน นางจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างมึนงง ออกแรงกลืนน้ำลายหนึ่งอึก เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเหม่อลอย “ดู…ดูเหมือนว่าจะใช่เจ้าค่ะ เมื่อครู่ท่านพ่อ…ดูเหมือนจะพูดว่า…นัง…นังแพศยานั่นยังไม่ตาย”
ระหว่างที่นางกำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ดูเหมือนจะได้สติกลับคืนมา จึงส่งเสียงกรีดร้องแสบหู นางจับมือเฉินจีซินพลางเอ่ยด้วยสายตาหวาดหวั่นว่า “ท่านแม่…ท่านแม่…ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี? นัง…นังแพศยานั่นจะกลับมาแก้แค้นหรือไม่เจ้าคะ? นางต้องกลับมาแก้แค้นเป็นแน่ เรื่องที่พวกเราทำไว้กับนางเมื่อหกปีก่อน นางต้องรู้แน่ ดังนั้นจึงกลับมาแก้แค้น ทำอย่างไรดีเจ้าคะ? ท่านแม่ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”
“แก้แค้น?” เฉินจีซินล้มตัวนั่งลงบนเตียง สายตาดูมึนงง
จริงสิ เมื่อหกปีก่อน อวี้ชิงลั่วหอบท้องโตมาขอความช่วยเหลือจากตระกูลอวี้ แต่เป็นเพราะนางที่จัดการกับผู้อาวุโสอวี้ให้เพิกเฉยอวี้ชิงลั่ว เป็นเพราะนางที่กระซิบโน้มน้าวใจอวี้เจี้ยนต๋าบอกว่าอวี้ชิงลั่วแต่งงานออกไปแล้ว แต่กลับทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ หากตระกูลอวี้รับนางไว้แล้วตระกูลอวี๋ทราบเรื่องย่อมต้องไม่ปล่อยพวกเขาแน่ ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของชิงโหรว แต่อาจส่งผลให้เป่าเอ๋อร์ทุกข์ทรมานตามไปด้วย ทำให้คนในเมืองหลวงคิดว่าตระกูลอวี้ไม่มีปัญญาอบรมสั่งสอนบุตรธิดา
และเป็นเพราะนาง ตอนที่อวี้เจี้ยนต๋าลังเลตัดสินใจไม่ได้ นางได้แนะนำให้มอบเงินส่วนหนึ่งให้อวี้ชิงลั่วและไล่นางออกไปก็สิ้นเรื่อง ตอนนั้นอวี้เจี้ยนต๋าไม่ได้มีความเห็น จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าถือเป็นอันเห็นด้วย
นางไม่ได้ให้เงินอวี้ชิงลั่วแม้แต่สตางค์เดียว กลับสั่งให้คนไล่ตะเพิดอวี้ชิงลั่วออกไป ภายหลังยังวิ่งแจ้นไปรายงานอวี๋จั้วหลินถึงตระกูลอวี๋ว่าอวี้ชิงลั่วไม่ได้ตายเพราะฟ้าผ่าในตอนนั้น
หลังจากนั้น ก็มีข่าวเรื่องที่อวี้ชิงลั่วตายเพราะถูกเผาอยู่ในวัดร้างนอกเมือง อันที่จริงเฉินจีซินก็รับรู้ได้ มีความเป็นไปได้สูงที่เรื่องนี้อาจเป็นฝีมือของตระกูลอวี๋ อวี๋จั้วหลินไม่มีทางปล่อยให้อวี้ชิงลั่วมีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้
ถูกต้อง…อวี๋จั้วหลิน อวี๋จั้วหลินไม่ต้องการให้อวี้ชิงลั่วมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก หากไปบอกเขา ตระกูลอวี๋ย่อมคิดหาวิธีเพื่อจัดการกับนังแพศยานั่นเป็นแน่
“ไป…ไปหาคุณชายอวี๋” เฉินจีซินเกิดความกังวลใจ นางไม่มีเวลาได้ตรึกตรองอย่างละเอียด ก็ดึงมือของอวี้ชิงโหรวเดินทางไปที่จวนอวี๋ด้วยตนเอง เพื่อบอกเรื่องใหญ่เช่นนี้กับสองแม่ลูกตระกูลอวี๋
อวี้ชิงโหรวถูกเฉินจีซินลากจนเซ เกือบหน้าคะมำไปด้านหน้า
หลังจากก้าวเท้าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ก็หยุดชะงัก ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วกล่าวด้วยความลังเลว่า “ท่านแม่ คุณชายอวี๋ได้รับบาดเจ็บ ต่อให้พวกเราพูดไป เกรงว่าก็คง…”
“ตอนนี้ไม่ต้องสนใจให้มากมายขนาดนั้น” เฉินจีซินกระทืบเท้า “ชิงโหรว ตระกูลอวี๋ย่อมต้องอยากให้อวี้ชิงลั่วกลายเป็นศพยิ่งกว่าพวกเรา ตอนนี้คุณชายอวี๋ได้รับบาดเจ็บ แล้วอย่างไรเล่า? หากเขารู้ว่าอวี้ชิงลั่วยังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องคิดหาวิธีเพื่อจัดการกับนาง อย่างน้อย ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไปได้ เพื่อไม่ให้นังแพศยานั่นพุ่งเป้ามาจัดการกับพวกเรา”
“แต่…แต่ว่า…” อวี้ชิงโหรวคลึงหว่างคิ้ว ไม่ใช่ว่านางไม่อยากจัดการกับอวี้ชิงลั่ว
แต่ตระกูลอวี๋และตระกูลอวี้ต่างก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนแล้ว ตระกูลอวี๋รู้สึกขัดหูขัดตาที่ต้องเห็นพวกนาง คราวก่อนนางมีธุระต้องไปตระกูลอวี๋ ทว่ากลับถูกไล่ตะเพิดออกมา เรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้ ยังทำให้นางรู้สึกได้ว่าเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ในชีวิตของนางจวบจนบัดนี้
“ชิงโหรว เจ้าเป็นอะไรไป? พวกเรารีบใช้โอกาสตอนที่พ่อของเจ้ายังถูกคนเรียกตัวและยังไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบในตอนนี้เพื่อไปหาตระกูลอวี๋เถิด มิเช่นนั้น บางทีนังแพศยาอวี้ชิงลั่วนั่นอาจทำเรื่องอะไรบางอย่างก็เป็นได้” เฉินจีซินเริ่มดึงมือของอวี้ชิงโหรวออกไปด้านนอก “อีกอย่าง เจ้าเองก็อยากแต่งงานกับเสนาบดีฝั่งขวามิใช่รึ? หากอวี้ชิงลั่วคิดหาวิธีแต่งเรื่องเป่าหูเสนาบดีฝั่งขวาก็จะยิ่งซวยมิใช่รึ? อย่าลืมสิ หากนางคิดจะแก้แค้นพวกเรา นี่คือวิธีการที่ดีที่สุด”
อวี้ชิงโหรวสูดลมหายใจเข้าปอด จริงสิ ช่วงนี้ท่าทางที่เสนาบดีฝั่งขวามีต่อพวกนางสองแม่ลูกช่างต่างจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับเหว ตอนนี้นางรีบร้อนอยากฟื้นคืนความสัมพันธ์กับเขาอีกครั้ง หากถูกนังแพศยาผู้นั้นรบกวนในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ความปรารถนาของนางจะมิเท่ากับสูญเปล่าหรอกหรือ?
อวี้ชิงโหรวสูดหายใจเข้าลึก ไม่รอให้เฉินจีซินได้เอ่ยสิ่งใด นางรีบดึงมืออีกฝ่ายออกจากจวนอวี้ ขึ้นไปนั่งบนรถม้าและมุ่งหน้าไปที่จวนอวี๋ทันที
ทั้งสองคนมีสีหน้ากังวลใจ ในสมองมีเพียงความว่างเปล่า
คิดไม่ถึงเลยว่าหกปีต่อมา นังแพศยานั่นจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกหน ครานี้ต้องกำจัดชนิดถอนรากถอนโคน มิอาจปล่อยให้นางมีชีวิตต่อไปได้อีก ต้องได้เห็นศพของนางเท่านั้น
สตรีผู้นี้ดวงแข็งนัก คราแรกถูกฟ้าผ่าก็ยังไม่ตาย คราสองถูกไล่ล่าจุดไฟเผาวัดร้าง คิดไม่ถึงเลยว่านางยังมีชีวิตรอดอย่างปลอดภัย สวรรค์โปรดปรานนางเกินไปแล้ว
ทว่าจะไม่มีครั้งที่สามอีก พวกนางไม่เชื่อหรอกว่าอวี้ชิงลั่วจะดวงแข็งถึงขั้นฆ่าไม่ตาย
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวสบตากัน นัยน์ตาของพวกนางฉายแววสังหาร
เสียง “กรับ” ดังขึ้นหนึ่งเสียง เพียงไม่นาน รถม้าก็ค่อย ๆ ชะลอความเร็ว ท้ายที่สุดจึงหยุดลงตรงหน้าประตูจวนอวี๋
สารถีกระโดดลงจากรถม้า เปิดม่านรถอย่างพินอบพิเทาเพื่อให้พวกนางทั้งสองลงจากรถม้า
เฉินจีซินแทบทนรอไม่ไหว ไม่รอให้สารถีย้ายเก้าอี้วางเท้ามาวางด้านล่าง นางก็กระโดดลงจากรถม้าเสียแล้ว
สองแม่ลูกเงยหน้ามองประตูใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกกระสับกระส่ายภายในใจ แต่ก็หวังว่าอวี๋จั้วหลินจะไปฆ่าอวี้ชิงลั่วให้ตายเสียแต่ตอนนี้
สารถีก้าวเท้าไปด้านหน้าพลางเคาะประตู ทว่าเขาเพิ่งจะยกมือขึ้นมา ประตูใหญ่กลับถูกเปิดจากด้านในจนเกิดเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’
ตอนที่เด็กเฝ้าประตูสองคนเห็นเขาจึงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือไล่สารถีผู้นั้น “ออกไป ๆ อย่าขวางทาง”
สารถีผู้นั้นถึงกับเซ ถอยกลับมาข้างกายสองแม่ลูกเฉินจีซินอีกหน ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “ฮูหยิน…”
เฉินจีซินขมวดคิ้วมุ่น คนรับใช้ของจวนอวี๋ผู้นั้นดูถูกผู้อื่น หาใช่คนดีไม่
ในใจของนางรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก ตอนที่กำลังจะก้าวเท้าไปด้านหน้า กลับถูกอวี้ชิงโหรวดึงไว้ กระซิบโน้มน้าวข้างหูเฉินจีซิน “ท่านแม่ เรื่องเร่งด่วนคือรีบไปหาคุณชายอวี๋ อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กเฝ้าประตูเลยเจ้าค่ะ”
เฉินจีซินครุ่นคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จึงข่มความโกรธที่สุมอยู่กลางทรวงนั้นไว้ ยกชายกระโปรงก้าวเท้าขึ้นบันได
ใครจะไปคิดว่าตอนที่กำลังจะเอ่ยปากพูดกับเด็กเฝ้าประตูฝั่งนั้น กลับพบหลี่หรานหร่านที่สวมใส่ชุดหรูหราก้าวเท้าเดินออกมาจากด้านใน ด้านหลังของนางมีสุ่ยเหวินสาวรับใช้คนสนิทเดินตามมาด้วย บนหลังของสุ่ยเหวินยังมีกระเป๋าที่ใส่ของจนตุงอีกสองใบ
ครั้นหลี่หรานหร่านเห็นเฉินจีซิน นางก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ตาลงและพบว่ามีความกระวนกระวายใจฉายชัดอยู่ในแววตาของสองแม่ลูกคู่นี้
นางหันกลับไปส่งสายตาให้สุ่ยเหวิน ส่วนตนเองเปลี่ยนสีหน้าเป็นแย้มยิ้ม พลางก้าวเท้าเข้าไปหา
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นังพวกนี้เริ่มร้อนตัวแล้วล่ะสิ คิดจะหาทางกำจัดชิงลั่วแล้ว
ไหหม่า(海馬)