อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 367 อวี้ชิงลั่ว...เดี๋ยวได้เห็นดีกัน
ตอนที่ 367 อวี้ชิงลั่ว…เดี๋ยวได้เห็นดีกัน
ตอนที่ 367 อวี้ชิงลั่ว…เดี๋ยวได้เห็นดีกัน
สองแม่ลูกเฉินจีซินย่อมรู้จักหลี่หรานหร่าน หากมิใช่เพราะหลี่หรานหร่าน ตอนนั้นอวี้ชิงลั่วก็คงไม่ต้องเจอจุดจบเช่นนั้น
พวกนางและหลี่หรานหร่านต่างก็มีความแค้นต่ออวี้ชิงลั่วเช่นกัน
ครั้นแลเห็นหลี่หรานหร่านเดินเข้ามา เฉินจีซินถึงกับกลอกตาไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย ทว่าตอนนี้พวกนางรีบร้อนที่จะเจอหน้าอวี๋จั้วหลิน แต่คนรับใช้ของจวนอวี๋กลับไม่ต้อนรับพวกนาง
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องขอร้องให้หลี่หรานหร่านช่วยเหลือ เพื่อให้พาพวกนางเข้าไปด้านใน
“ฮูหยินอวี้ ไม่ได้เจอกันนานเลย” หลี่หรานหร่านคืออนุภรรยา ทว่านางก็เป็นอนุภรรยาเพียงคนเดียวของอวี๋จั้วหลิน แม้สถานะไม่สูงส่ง แต่อิริยาบถกลับมิได้ดูต่ำต้อย ท่าทีที่มีต่อเฉินจีซินมิได้เห็นถึงความกริ่งเกรงแต่อย่างใด
แม้ว่าเฉินจีซินจะรู้สึกไม่มีความสุขอยู่ภายในใจ ทว่ากลับยังคงใช้น้ำเสียงเป็นมิตรพูดกับอีกฝ่าย “…ฮูหยิน ไม่ทราบว่าใต้เท้าอวี๋อยู่ในจวนหรือไม่? เราสองแม่ลูกมีเรื่องด่วนอยากพบเขา”
หลี่หรานหร่านหรี่ตายิ่งกว่าเดิม มีเรื่องด่วน?
ตระกูลอวี้และตระกูลอวี๋ไม่ได้ไปมาหาสู่กันนานมากแล้ว ความสัมพันธ์เพียงสิ่งเดียวระหว่างสองตระกูลก็คือเรื่องของอวี้ชิงลั่วเมื่อหกปีก่อน ครั้งก่อนตอนที่ฮูหยินอวี้มาหาถึงจวน ก็เพราะมีข่าวเรื่องอวี้ชิงลั่ว
ครั้งนี้กลับมาหาถึงที่นี่อีกหน คงมิใช่ว่า…
ภายในใจของหลี่หรานหร่านคิดคดเคี้ยวไปมาหลายตลบ ทว่าบนใบหน้ากลับยังคงไม่แยแส “เรื่องด่วนอันใดรึฮูหยิน? บอกกับข้าก็คงไม่ต่างกัน”
“เรื่องนี้…คงไม่ดีเท่าไรกระมัง เรื่องนี้ต้องคุยกับใต้เท้าอวี๋ด้วยตนเอง เป็นเรื่องใหญ่นัก มิอาจรอช้า…”
เฉินจีซินรู้สึกลำบากใจยิ่งนัก ถึงอย่างไรนางก็กังวลว่าการยืนคุยธุระกับอนุภรรยาอยู่หน้าประตูใหญ่อาจเป็นการลดตัว ทว่าคำพูดลังเลยังกล่าวมิทันจบ แขนเสื้อกลับถูกอวี้ชิงโหรวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดึงไว้
เฉินจีซินชะงัก อวี้ชิงโหรวยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูนาง โน้มน้าวเสียงเบาว่า “ท่านแม่ หลี่หรานหร่านเองก็แทบอยากให้อวี้ชิงลั่วตาย ๆ ไปเสีย พูดเรื่องนี้กับนาง ย่อมไม่ได้ส่งผลร้ายต่อพวกเรา”
เมื่อครู่อวี้ชิงโหรวเฝ้าสังเกตหลี่หรานหร่านมาโดยตลอด แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกวิตกกังวลเช่นกัน ทว่าเมื่อเทียบกับท่านแม่แล้ว กลับนิ่งสงบกว่ามาก
บัดนี้ได้เห็นหลี่หรานหร่านสวมใส่ด้วยชุดง่าย ๆ เพียงตัวเดียว แตกต่างจากเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสและดูฟุ่มเฟือยก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง นางรู้สึกประหลาดใจนัก ครั้นมองไปที่กระเป๋าสองใบบนหลังของสุ่ยเหวิน กลับดูเหมือนหลี่หรานหร่านกำลังจะออกเดินทางไกล
บัดนี้ ไม่ใช่เวลาที่หลี่หรานหร่านจะออกจากจวน ถึงอย่างไรเมื่อหกปีก่อนในบรรดาคนที่กดขี่ข่มเหงอวี้ชิงลั่ว หลี่หรานหร่านคือคนที่สำคัญที่สุด หากนางออกไปจากที่นี่ หากอวี้ชิงลั่วหาคนแก้แค้นมิได้ อวี้ชิงลั่วจะไม่ระบายความแค้นทั้งหมดใส่พวกนางสองแม่ลูกงั้นหรือ?
ครั้นเฉินจีซินได้ฟัง ก็คิดว่าสมเหตุสมผล จึงดึงมือหลี่หรานหร่านแล้วกล่าวด้วยความกระวนกระวายใจว่า “เรื่องนี้ อันที่จริงพูดกับท่านก็คงไม่ต่าง เฮ้อ เมื่อครู่ข้าได้รับข่าวมาว่า อวี้ชิงลั่ว…ยังไม่ตาย ทั้งยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้วด้วย”
หลี่หรานหร่านที่จากเดิมมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าถึงกับแข็งทื่อโดยพลัน นางเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
นางพลิกมือจับข้อมือของเฉินจีซิน รีบเอ่ยถามว่า “เมื่อครู่ท่านว่าอย่างไรนะ? ท่านพูดว่าใครยังไม่ตาย?”
“อวี้ชิงลั่ว!!!”
“อวี้…อวี้ชิงลั่ว? อวี้ชิงลั่วนั่นน่ะรึ? อวี้ชิงลั่ว…เมื่อหกปีก่อนนั่นน่ะรึ?” ถึงอย่างไรก็ทำความผิดไว้ หากกล่าวว่าหลี่หรานหร่านมิได้กังวลใจหรือหวาดกลัวคงเป็นเรื่องโกหก “ใครเป็นคนบอกท่าน? ท่านแน่ใจรึ? เมื่อหกปีก่อน นางยังไม่ตาย?”
เฉินจีซินพยักหน้าแรง ๆ นางเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนั้นเมื่อหกปีก่อน อวี้ชิงลั่วกลับมีชีวิตรอดมาได้จวบจนบัดนี้
ครั้นนึกได้ว่านางเก็บตัวเงียบเป็นเวลาหกปีกว่าจะปรากฏตัว ย่อมต้องกลับมาเพื่อแก้แค้นเป็นแน่ เฉินจีซินถึงกับเนื้อตัวสั่นเทิ้มขึ้นมา
นางไม่สนใจอะไรมากมายแล้ว จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลี่หรานหร่านฟัง
หลี่หรานหร่านเกิดความกังวลและหวาดกลัวอย่างยิ่ง ยิ่งนางได้ฟัง ก็ยิ่งรู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันสว่างวาบขึ้น ราวกับนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ รอยยิ้มที่มุมปากจึงค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง…เรื่องที่นางคิดไม่ตกมาโดยตลอด ในที่สุดนางก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว
ครั้นเฉินจีซินกล่าวจบ นางกลับพบว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้ากำลังแย้มยิ้มแทนที่จะหวาดกลัว เฉินจีซินถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสับสน
ทว่าหลี่หรานหร่านกลับหมุนกายเดินเข้าประตูใหญ่จวนอวี๋ด้วยท่าทีเย็นชา
เด็กเฝ้าประตูของตระกูลอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย มือที่กำลังจะปิดประตูหยุดลง เมื่อเห็นท่าเดินกรีดกรายของหลี่หรานหร่านเช่นนี้ จึงยื่นมือออกมาขวาง “หยุดก่อน ฮูหยินแจ้งไว้แล้ว หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้ท่านก้าวเท้าเข้าตระกูลอวี๋แม้แต่ก้าวเดียว”
เฉินจีซินที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่หรานหร่านถึงกับชะงัก วินาทีต่อมา สายตาที่จ้องมองหลี่หรานหร่านก็เปลี่ยนเป็นความซับซ้อน
จนกระทั่งเวลานี้ เฉินจีซินเพิ่งจะเริ่มพิจารณาเสื้อผ้าที่หลี่หรานหร่านสวมใส่ รอยยิ้มเยาะจึงปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง ตอนที่กำลังจะพูดออกมา กลับพบว่าอวี้ชิงโหรวหันมาส่ายหน้าเพื่อห้ามนาง
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือร่วมมือกันจัดการอวี้ชิงลั่ว นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างความขัดแย้งกันอีกแล้ว
เฉินจีซินสูดหายใจเข้าลึกเพื่ออดกลั้นไว้
หลี่หรานหร่านเองก็ไม่สนใจ นางไม่สนใจว่าสองแม่ลูกเฉินจีซินจะมองนางเช่นไร บัดนี้นางกำลังลำพองตน นางจะพูดกับอวี๋จั้วหลินอย่างมีเหตุผล เพื่อให้ได้สถานะของตนเองกลับคืนมาอีกครา
เด็กเฝ้าประตูผู้นั้นยังคงยืนขวางอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางหยิ่งผยอง หลี่หรานหร่านแค่นเสียงยิ้มเยาะ ก่อนจะผลักเขาออกไป
“หลีกไป ข้ายังมีของอยู่ในลาน แค่กลับเข้าไปเอา เหตุใดต้องขัดขวาง”
“แต่…” เด็กเฝ้าประตูผู้นั้นไม่ยอมปล่อยให้นางเข้าไป
วันนี้เดิมทีเป็นวันที่หลี่หรานหร่านต้องแยกทางและถูกไล่ออกจากตระกูลอวี๋ ตอนนี้คนในจวนอวี๋รู้กันทั่วแล้ว สตรีผู้นี้คือแม่ไก่แก่ที่มิอาจฟักไข่ได้ สายตาของทุกคนที่มองนางจึงแฝงแววดูหมิ่น
ฮูหยินใหญ่สั่งไว้ว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป หากหลี่หรานหร่านก้าวเท้าออกจากประตูนี้แล้ว จะไม่ได้รับอนุญาตให้เหยียบเข้ามาในนี้อีก มิเช่นนั้นคงทำให้จวนอวี๋ของพวกนางต้องอับอาย
ด้วยเหตุนี้ เด็กเฝ้าประตูทั้งสองคนจึงยังอ้าแขนขัดขวางไว้อย่างแน่วแน่
สุ่ยเหวินเห็นเช่นนี้ จึงมอบแท่งเงินให้พวกเขาคนละแท่ง เอ่ยปากเคล้ารอยยิ้มว่า “พี่ชายทั้งสอง พวกเราแค่เข้าไปหยิบของเท่านั้น ฮูหยินบอกไว้ว่าหากก้าวเท้าออกจากประตูนี้จะไม่อนุญาตให้ก้าวเท้าเข้ามาได้อีก พวกเจ้าก็คิดเสียว่าพวกเรายังมิทันได้ก้าวเท้าออกจากประตูก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่หรือ?”
เมื่อมีเงินมาเสนอ สีหน้าของเด็กเฝ้าประตูก็ดีขึ้นทันใด ครั้นได้ยินคำพูดของสุ่ยเหวินก็ยิ่งรู้สึกได้ว่ามีเหตุผล จึงหลีกทางเพื่อให้หลี่หรานหร่านเข้าไปด้านใน
ในขณะที่สองแม่ลูกหันสบตากัน คิดจะก้าวเท้าเข้าไปเช่นกัน ทว่ากลับถูกเด็กเฝ้าประตูขวางไว้
หลี่หรานหร่านหันกลับมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มเป็นมิตรที่หาได้ยากยิ่ง “ฮูหยินอวี้และคุณหนูอวี้โปรดรออยู่ที่นี่ เมื่อข้ากลับไปบอกจั้วหลินแล้ว อีกไม่นานจะเชิญพวกท่านเข้ามา”
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวได้ยินเช่นนี้จึงพยักหน้าและถอยหลังออกไปรอด้วยความโล่งใจ
หลี่หรานหร่านจัดเสื้อผ้าและปรับสีหน้าของตนเอง นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้าไปด้านในอย่างสง่าผ่าเผย
อวี้ชิงลั่ว…เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกัน
แม่นางชิง เหอะ โลกนี้ช่างกลมเสียเหลือเกิน
………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอาล่ะ ดูเหมือนนังสามคนนี้จะร่วมมือกันกำจัดชิงลั่วอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)