อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 370 เขาลำบากใจมาก
ตอนที่ 370 เขาลำบากใจมาก
หนานหนานหันหน้ากลับมาพร้อมกับก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอก เขาทำหลายสิ่งพร้อมกัน ทั้งยังตอบคำถามของเสิ่นอิงด้วยท่าทีจริงจัง “เสื้อชุดนี้ก็ไม่เลวแล้ว แพงจะตายไป ฝ่าบาทตรัสไว้แล้ว ให้ข้ารักษานิสัยที่ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ น่ารักและขี้เล่นนี้ไว้ ไม่ต้องไหลไปตามกระแส ดังนั้นเสื้อผ้าตัวนี้ ข้าก็ใส่เช่นนี้เข้าวังได้ อีกอย่างหนึ่ง ฝ่าบาท…โอ๊ย”
เด็กน้อยพูดฉอด ๆ โดยไม่หยุดพัก ร่างกายเอนตัวไปด้านหน้า ชนเข้ากับร่างกายของอวี๋จั้วหลินจนเซไปหนึ่งก้าว
วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเสื้อขาดดัง ‘แควก’ ขึ้นข้างหู หนานหนานเพิ่งจะยืนได้อย่างมั่นคง ก็พบว่าแขนเสื้อของตนเองถูกเกี่ยวจนขาดแล้ว ขาดแยกออกเป็นสองส่วน ทั้งยังมีเศษผ้าชิ้นเล็ก ๆ ติดอยู่บนหยกแขวนข้างเอวอวี๋จั้วหลินด้วย
พวกเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูถึงกับตกตะลึง หนานหนานหยิบเศษผ้าขึ้นมา กะพริบตาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมา
เขาร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร กล่าวหาอวี๋จั้วหลินว่า “ท่าน…ท่านทำเสื้อของข้าขาด…ท่าน…ท่านกล้าทำเสื้อตัวโปรดและมีราคาแพงที่สุดของข้าขาด รู้หรือไม่ว่านี่เป็นเสื้อที่ข้าต้องสวมใส่ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท?”
อวี๋จั้วหลินชะงัก เมื่อครู่…เขายังไม่ทันได้แตะต้องอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขากำลังลังเลว่าจะเข้าไปคุยกับเสิ่นอิงดีหรือไม่ ใครจะไปคิดว่าเด็กคนนี้จะหันหลังไปคุยไปพร้อมกับก้าวเท้าเดินออกมาข้างนอก ทั้งยังเดินตรงมาฝั่งที่เขายืนอยู่ด้วย
เสื้อตัวนี้…ไม่ว่าจะบังเอิญอย่างไร ก็ไม่น่าถึงขั้นเกี่ยวจนขาดเช่นนี้กระมัง?
อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้วมุ่น จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่เท้า ครั้นก้มหน้าลง ก็พบว่าหนานหนานกระทืบลงบนเท้าของเขาด้วยความโกรธเคือง
อวี๋จั้วหลินมีสีหน้าอึมครึม เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งกล้ามาพาลเกเรต่อหน้าเขา ทั้งยังคิดจะปรักปรำเขา? ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
เขาคิดจะลงมือ ทว่าวินาทีต่อมาก็นึกถึงสถานะของเด็กคนนี้ จึงเกิดความลังเลขึ้น
เมื่อลังเลเช่นนี้ เท้าขวาของเด็กน้อยก็กระทืบลงมาอีกหน
หนานหนานลงมืออย่างไร้ความปรานี เขารู้ดีว่าส่วนใดของร่างกายมนุษย์ที่เจ็บปวดเป็นพิเศษ และยิ่งรู้ดีว่าในใจอวี๋จั้วหลินกำลังคิดอะไรวนไปมาร้อยพันจบ หากไม่ใช้โอกาสนี้สั่งสอนคนคนนี้ให้หลาบจำ หนานหนานคงรู้สึกผิดกับตัวเอง
นับตั้งแต่เขารู้ความ ก็เคยได้ยินแม่นมเก๋อเล่าเกี่ยวกับความชั่วร้ายที่อวี๋จั้วหลินผู้นี้ทำมามาก
แม่นมเก๋อบอกว่า ท่านแม่ทำได้เพียงแค่ยอมแต่งงานตามคำสั่งของพ่อแม่และการชักนำของแม่สื่อ จึงต้องยอมตบแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลอวี๋โดยที่ไม่ได้รู้สึกสมัครใจ ทว่าตอนที่อยู่ในตระกูลอวี๋กลับไม่ได้รับความเคารพจากใคร ทั้ง ๆ ที่ท่านแม่ไม่เคยคิดจะทะเลาะเบาะแว้งหรือแก่งแย่งชิงดีกับใคร ในฐานะที่เป็นฮูหยินน้อยของจวนอวี๋ แต่กลับต้องใช้ชีวิตอย่างลำเค็ญ
ในคืนแต่งงาน อวี๋จั้วหลินพาสตรีนามว่าหลี่หรานหร่านผู้นั้นออกจากเมืองหลวง ปล่อยให้เจ้าสาวกลายเป็นที่ขบขันของอาณาจักรเฟิงชาง ในแต่ละวันยังถูกผู้คนเยาะเย้ยและก่นด่าแม้กระทั่งตามท้องถนน
การที่ท่านแม่ตั้งครรภ์ก็เป็นแผนของอวี๋จั้วหลินและหลี่หรานหร่าน เพื่อให้ท่านแม่กลายเป็นสตรีชั้นต่ำที่ถูกคนนับหมื่นนับพันชี้หน้าด่ากราด พวกเขาโยนท่านแม่เข้าไปอยู่ในวัดร้างโดยไม่นึกเสียดาย ทั้งยังโยนท่านแม่ผู้บริสุทธิ์ให้ขอทานย่ำยี
แม่นมเก๋อยังบอกอีกว่า ตอนที่เกิดไฟไหม้ภายในห้องเก็บฟืนที่ท่านแม่ถูกขัง อวี๋จั้วหลินสั่งให้คนปิดตายประตูที่มีอยู่เพียงบานเดียว เพื่อไม่ให้ท่านแม่สามารถหนีรอดออกมาได้ คิดจะปล่อยให้ท่านแม่ถูกไฟคลอกตายทั้งเป็น ทว่ากลับพูดกับคนนอกว่าท่านแม่มีมลทินมัวหมอง จึงทำให้สวรรค์พิโรธจนต้องถูกฟ้าผ่าตาย
นอกจากนี้ หลังจากอวี๋จั้วหลินรู้ว่าท่านแม่ยังไม่ตาย ก็จ้างวานให้มือสังหารไล่ล่าท่านแม่ ไม่ว่าชีวิตของท่านแม่จะตกอับ ยากลำบาก ร่างกายจะทรุดโทรมมากสักเพียงใด ก็ยืนกรานที่จะทำให้ตายให้ได้ ระดับความบ้าคลั่งไม่ได้ต่างอันใดกับสัตว์เดรัจฉาน
ครั้นหนานหนานนึกถึงตอนที่แม่นมเก๋อเล่าให้เขาฟังทั้งน้ำตาเมื่อเล่าถึงตอนที่เขาคลอดออกมาอย่างยากลำบาก นึกถึงท่านแม่ที่กำลังหมดลมหายใจเพื่อเขา ทว่ากลับยังต้องหลบการไล่สังหารของอวี๋จั้วหลิน เขาก็รู้สึกได้ว่าต่อให้อวี๋จั้วหลินตายพันครั้งหมื่นครั้ง ก็มิอาจบรรเทาความเกลียดชังของเขาได้
ยิ่งหนานหนานคิดก็ยิ่งอารมณ์เสีย สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ความเศร้าเอ่อล้นออกมาจากภายในอย่างแท้จริง เขาปีนขึ้นไปบนตัวของอวี๋จั้วหลินและต่อยเข้าที่หน้าของอีกฝ่าย
“ซี๊ด…” อวี๋จั้วหลินถึงกับสูดปากร้องออกมา แทบอยากผลักหนานหนานลงไปโดยไม่คิด
ทว่า เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กที่ดูร่างกายเล็กกระจิริด กลับมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รวดเร็วจนน่าทึ่ง กอปรกับเขาที่ไม่กล้าลงมือ จึงทำให้หนานหนานยิ่งไม่ต้องกังวลใด ๆ
เสิ่นอิงรีบเข้ามาโน้มน้าว “ตายแล้ว หนานหนาน นี่เจ้าทำอะไร? รีบลงมา นี่คือใต้เท้าอวี๋นะ เจ้ารีบลงมา”
เขาโน้มน้าวใจจนศีรษะเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ทว่ามือที่ยืนออกไปด้านหน้า กลับมิอาจแตะตัวหนานหนานได้
“เขาเป็นคนชั่ว ข้าจะต่อยเขาให้ตาย ต่อยให้ตายไปเลย” หนานหนานรัวหมัดและเท้าเตะ การแสดงออกทางสีหน้าช่างน่ากลัวนัก
สีหน้าคับแค้นระคนเศร้าใจของหนานหนานทำให้อวี้ชิงลั่วที่มองดูอยู่บนกำแพงถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
นางดึงแขนเสื้อของเย่ซิวตู๋อย่างเงียบ ๆ กระซิบว่า “ให้หนานหนานกลับมาเถิด”
เย่ซิวตู่ก็พอจะมองออกว่าสีหน้าของหนานหนานดูผิดปกติ เขาจึงโอบนางกระโดดลงมายืนบนพื้นอย่างรวดเร็ว สั่งให้เหวินเทียนไปอุ้มหนานหนานลงมา
เดิมทีเหวินเทียนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เมื่อได้ยินก็รีบวิ่งออกไปในทันที จากนั้นจึงกระซิบโน้มน้าวอยู่สองหน ก่อนจะอุ้มร่างเล็ก ๆ ของหนานหนานลงมาได้
หลังจากผ่านความทรมานนั้น อวี๋จั้วหลินจึงอยู่ในสภาพทุกข์ทรมานและเสื้อผ้ายุ่งเหยิง บัดนี้ได้หลุดพ้นจากกรงเล็บปีศาจของหนานหนาน จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เหวินเทียนกลั้นยิ้มที่มุมปาก ย่อตัวมองหน้าหนานหนานกล่าวอย่างจริงจัง “นี่คือใต้เท้าอวี๋ หนานหนาน เจ้าจะทำตัวไร้กฎเกณฑ์มิได้”
“เขาทำเสื้อของข้าขาด ยังไม่ชดใช้ให้ข้าเลย หนึ่งร้อยตำลึงก็ยังไม่ให้ข้า” หนานหนานหยิบแขนเสื้อครึ่งหนึ่งขึ้นมาด้วยท่าทางเสียใจ
อวี๋จั้วหลินพ่นลมหายใจที่ขุ่นมัวออกมา ครั้นหันกลับไปมองก็พบว่ามีชาวบ้านนอกตำหนักอ๋องกำลังชี้นิ้วมาทางนี้ ชี้มาที่เขาว่ารังแกเด็กโดยที่เขายังไม่ทันได้ทำอะไร
อวี๋จั้วหลินยกมือขึ้นมาลูบหน้า สีหน้าดูไม่จืดจนแทบจะร้องขอชีวิต เพียงแต่เมื่อเห็นท่าทีที่เหวินเทียนและเสิ่นอิงมีต่อเด็กคนนี้ ก็ตระหนักได้ว่าสถานะของเด็กคนนี้ภายในตำหนักอ๋องซิวคงไม่ใช่น้อย ๆ เขามิอาจสร้างความขุ่นเคืองได้ รีบออกไปจากที่นี่จะดีกว่า
ถึงอย่างไร ตอนที่เขาเพิ่งจะเงยหน้าขึ้น ก็พบสายตาดุดันของเหวินเทียนและเสิ่นอิงกำลังจ้องมาที่ตนเอง
เขาคิดอยากจะอธิบายว่าตนเองไม่ได้ดึงเสื้อของเด็กคนนี้จนขาด แต่ก็รู้ดีว่าพวกเขาคงไม่เชื่อ เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้ลำเอียงไปทางเด็กคนนี้ พูดมากไปกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์
อวี๋จั้วหลินสูดหายใจเข้าลึก หลุบตามองหนานหนานพลางกระซิบว่า “นี่เงินหนึ่งร้อยตำลึง ถือว่าข้าชดใช้ให้เจ้า”
หนานหนานเหลือบมองเงินในมือของเขาปราดหนึ่ง บุ้ยปาก แค่นเสียงเบา ๆ ว่า “เสื้อของข้าตัวนี้ราคาหนึ่งพันตำลึง”
หนึ่งพันตำลึง? อวี๋จั้วหลินสีหน้าดูไม่จืดยิ่งกว่าเดิม ต่อให้เป็นเสื้อผ้าของลูกหลานในราชวงศ์ก็ไม่ได้มีราคาแพงถึงเพียงนี้กระมัง เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้คิดจะรีดไถตนเอง
“ข้าไม่ได้พกเงินติดตัวมามากขนาดนั้น กลับไปข้าจะให้คนนำเงินมาให้” ความเสียเปรียบนี้ ต่อให้เขาไม่อยากเสียก็ต้องเสีย
หนานหนานลูบคาง มองดูสีหน้าของเขาที่กำลังลำบากใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นการแก้แค้นสไตล์เด็กน้อยที่แสบมาก หมดตัวแล้วมั้งกะจั๊ว
ไหหม่า(海馬)