อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 375 จัดการเขา
ตอนที่ 375 จัดการเขา
หยางหลินยิ้มเยาะ เขาเป็นคนมีฝีมือ เข้าร่วมการแข่งวรยุทธ์ได้ย่อมไม่ธรรมดา
แม้ว่าหัวหน้ากลุ่มผู้นี้จะมีวิชาหมัดและเท้าอยู่บ้าง แต่ก็มิอาจเป็นคู่ต่อสู้ของหยางหลินได้
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่มือของหัวหน้ากลุ่มเพิ่งจะยกขึ้น หยางหลินก็ปัดแรง ๆ เพื่อกดมือของอีกฝ่ายลง หัวหน้าผู้นั้นรู้สึกเจ็บปวดบนฝ่ามือ แสดงสีหน้าเหยเกออกมา
สมาชิกคนอื่น ๆ ที่จากเดิมกำลังพักผ่อนอยู่ข้าง ๆ เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ต่างก็รีบเข้ามารวมตัวกัน ต่างคนต่างถลึงตามองหยางหลินด้วยความโกรธ “ทำอะไรของเจ้า? ช่างกล้านักนะ แม้แต่โหวซื่อจื่อของเราก็ยังกล้าลงไม้ลงมือ ไม่อยากมีชีวิตแล้วรึ?”
หยางหลินชะงัก มือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวกำเข้าหากันแน่น โหวซื่อจื่อ? หยางหลินเป็นแค่ลูกของครอบครัวธรรมดา ไฉนเลยจะกล้ายั่วโมโหลูกหลานของท่านโหวผู้นี้ได้ เขาจึงเม้มปากไม่ส่งเสียงพูดอีก
ขันทีที่ช่วยซับเหงื่อและยื่นน้ำให้ผู้เข้าแข่งขันทางฝั่งนั้นก็เดินมาทางนี้เช่นกัน ครั้นเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องยืนอยู่ฝั่งเดียวกับหัวหน้ากลุ่มซึ่งกำลังหัวเราะเยาะด้วยเสียงแหลมขึ้นจมูก “หยางหลิน หากยังกล้าลงมืออีกครั้ง ข้าจะไปรายงาน เจ้าอย่าได้ทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี หากทำให้ซื่อจื่อผู้เป็นที่รักยิ่งของท่านโหวได้รับบาดเจ็บ ตระกูลหยางของเจ้าจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข”
ร่างกายของหยางหลินถึงกับแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าเขาดูเหยเก สุดท้ายแล้วเขาก็พูดอะไรไม่ได้
จริงสินะ พวกเขาเป็นลูกผู้ลากมากดี พวกเขาล้วนมีภูมิหลังที่โดดเด่น ส่วนเขาคือผู้ที่ไม่เป็นที่โปรดปรานจากตระกูลหยาง ต่อให้เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลหยาง เกรงว่าก็คงไม่มีสิทธิ์ไปสู้กับโหวซื่อจื่ออยู่ดี
หัวหน้ากลุ่มผู้นั้นเห็นหยางหลินเงียบลง ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้ม ก่อนจะเลิกคิ้วกล่าวด้วยท่าทางหยิ่งผยองว่า “เช่นไรเล่า? เราเองก็อยากเห็นนัก เจ้ายังจะกล้าสู้กลับหรือไม่”
ระหว่างที่พูด มือของหัวหน้ากลุ่มก็ยกสูงขึ้นอีกหน ก่อนจะฟาดเข้าที่ใบหน้าของหยางหลินทันที
หยางหลินกำหมัดแน่น คิดอยากจะโต้ตอบกลับไป แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหากเขาทำเช่นนี้ อาจทำให้ครอบครัวเดือดร้อนไปด้วย คิดเช่นนี้หัวใจก็พลันบีบรัด ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงแค่หลับตาลงเพื่อรอรับชะตากรรม
ทว่าฝ่ามือที่คาดการณ์ไว้กลับไม่เกิดเสียง บนใบหน้าก็ไม่ปรากฏร่องรอยความเจ็บปวด
เขาลืมตาขึ้นก็พบว่าหนานหนานได้จับมือของหัวหน้ากลุ่มผู้นั้นไว้ ทั้งยังหักมือแรง ๆ พลางยิ้มเยาะ “ข้านี่แหละที่กล้าสู้กลับ แล้วจะทำไม พวกเจ้าก็อยากทำให้ครอบครัวของข้าไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยงั้นสิ?”
“อวี้ฉิงหนาน เจ้าปล่อยมือนะ” หัวหน้าทีมถูกหนานหนานหักมือจนต้องยืดตัวตรง เห็น ๆ กันอยู่ว่าเด็กน้อยคนนี้มีร่างกายเล็กกระจิริดเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่แค่หักข้อมือเบา ๆ เท่านั้น เหตุใดเขาถึงได้เย็นวาบไปทั่วทั้งร่างกาย ทั้งยังมีเหงื่อซึมออกมาด้วย
ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ด้านหลังเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ต่างก็คิดจะก้าวเท้ามาด้านหน้า ทว่าแม้หนานหนานจะตัวเล็ก แต่พลังที่ส่งออกมากลับแข็งแกร่งนัก “หากพวกเจ้ากล้าเข้ามาลงมือกับข้าก็ลองดู ฮ่องเต้ก็กำลังมองอยู่ ถึงเวลานั้นข้านี่แหละที่จะทำให้พวกเจ้าได้เจอกับผลลัพธ์ที่ตามมา”
ผู้เข้าแข่งขันเหล่านั้นลังเลทันใด พวกเขาต่างก็ทราบดีว่าตอนนี้ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับหนานหนานมาก หากลงมือกับเขาเช่นนี้ การกระทำทั้งหมดย่อมอยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้และท่านอ๋องซิว
หนานหนานพูดคำพูดนี้ออกมา จึงทำให้ขันทีเหล่านั้นไม่กล้าเข้ามา ทำได้เพียงแค่เบือนหน้าไปทางอื่น แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นความบาดหมางของพวกเด็ก ๆ เพราะพวกเขามิอาจสร้างความขุ่นเคืองให้เด็กเหล่านี้ อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงแค่ระบายความโกรธใส่หยางหลิน
“เหอะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนของเย่หลานเวย กลับไปบอกเจ้าทึ่มนั่นด้วย แน่จริงก็มาจัดการกับข้า ครั้งก่อนที่ถูกข้าเตะไปสองหนคงยังไม่ได้รับบทเรียน คราวหน้า ข้าจะอัดหน้าเขา เอาให้ร้องไห้ตะโกนเรียกหาพ่อกับแม่เลยคอยดู”
หนานหนานปล่อยมือหัวหน้ากลุ่มผู้นั้น ทั้งยังเช็ดมือเข้ากับเสื้อด้วยท่าทีขยะแขยง ราวกับว่าหัวหน้ากลุ่มผู้นั้นเป็นขยะมีพิษก็มิปาน มองดูสีหน้าของคนคนนั้นที่เดี๋ยวก็เขียวเดี๋ยวก็ขาวอย่างไม่สบอารมณ์
โดยเฉพาะคำพูดนั้นของหนานหนาน ทำให้สีหน้าของพวกเขาไม่สู้ดีนัก
พวกเขาล้วนเป็นคนของเย่หลานเวยจริง ๆ การละเล่นชู่จวีเป็นการแข่งขันแบบหมู่ ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่เล่นกันอย่างกว้างขวางในกลุ่มขุนนาง ในเมื่อพวกเขามาเข้าร่วมการแข่งขัน ก็ย่อมเคยเล่นมันมาก่อน อีกทั้งยังเล่นกันอย่างชำนาญ
พูดให้เข้าใจสักหน่อยก็คือ พวกเขาเหล่านี้เป็นกลุ่มสำหรับเล่นชู่จวีโดยเฉพาะ พวกเขาผ่านการฝึกฝนเพื่อการแข่งขันประเภทนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
เย่หลานเวยเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสถานะมีเกียรติมากที่สุดภายในกลุ่ม พวกเขาย่อมทำตามคำสั่งของเย่หลานเวย
หนานหนานเพียงแค่บังเอิญชอบการแข่งขันรายการนี้ จึงอยากเข้าร่วม ฮ่องเต้รักเขา ทั้งยังคิดว่าเขามีความสามารถ ดังนั้นจึงให้เขาเข้าร่วมการแข่งขัน
ส่วนหยางหลิน ในฐานะที่เขาเป็นตัวสำรอง วันนี้เย่หลานเวยรู้สึกไม่สบายตัว จึงต้องเข้ามาแทนตำแหน่งของเย่หลานเวย
อันที่จริง หยางหลินเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เหตุใดตัวสำรองถึงต้องเป็นเขา มิใช่เด็กคนอื่น
ด้วยเหตุนี้ หยางหลินในฐานะลูกของครอบครัวธรรมดา ทุกคนจึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา และในฐานะที่หนานหนานเป็นศัตรูของเย่หลานเวย หนานหนานจึงกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีของพวกเขา
ตอนนี้หนานหนานกล้าที่จะเอ่ยชื่อของเย่หลานเวยออกมาแล้ว หัวหน้ากลุ่มผู้นั้นก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง สถานะของเขามิได้ต้อยต่ำ เขามีบิดาที่คอยหนุนหลังก็นับว่าเป็นอันธพาลตัวน้อยที่ใช้ชีวิตโดยปราศจากกฎเกณฑ์ใด ๆ ตอนนี้ได้เห็นหนานหนานปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ ความโกรธจึงปะทุขึ้นทันใด “ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอยู่แล้วจะทำไม? เมื่อครู่เจ้าลงไม้ลงมือกับข้าก่อน ต่อให้ตอนนี้ข้าสั่งให้ทุกคนทุบตีเจ้าจนตาย ก็เป็นแค่การสู้กลับเท่านั้น”
ทุกคนร่วมมือกัน ในกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่คือลูกของตระกูลชั้นสูง ต่อให้ฮ่องเต้โปรดปรานหนานหนานมากกว่านี้ ก็คงไม่ลงโทษพวกเขาทั้งหมดเพื่อหนานหนานเพียงคนเดียวหรอกกระมัง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของหัวหน้ากลุ่มผู้นั้นก็เปลี่ยนเป็นความเหี้ยมโหด
ทว่าหนานหนานกลับยืดหน้าอกเล็ก ๆ ของตนเองขึ้นมา แค่นเสียงชิชะไม่หยุด “ทุบตีข้าจนตาย? คนอย่างพวกเจ้าน่ะรึ? เอาซี่…เข้ามาซี่ ดูซิว่าใครกันแน่ที่จะตาย”
“สองหมัดยากเกินกว่าจะสู้สี่มือศัตรู ข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้าจะรับมือกับคนจำนวนมากได้หรือไม่?”
สถานการณ์กลายเป็นความตึงเครียด
บรรดาขันทีที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาถึงกับหน้าซีดโดยพลัน พวกเขาจะสู้กันแล้ว ฮ่องเต้คงไม่ลงโทษเด็กเหล่านี้ แต่พวกเขาที่เป็นบ่าวรับใช้ ย่อมมิอาจหนีจากเรื่องนี้ได้ เกรงว่าคงได้ถูกตัดหัวเป็นคนแรก
ขันทีทั้งหลายเนื้อตัวสั่นเทิ้ม คิดอยากจะเข้าไปห้าม ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของโหวซื่อจื่อผู้นั้น ก็ถึงกับกลืนน้ำลายและพูดอะไรไม่ออก
เวลานี้เอง ฆ้องก็ถูกตีจนเกิดเสียงดัง ‘เคล้ง’ ช่วงพักการแข่งขันได้สิ้นสุดลงแล้ว การแข่งขันจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ขันทีเหล่านั้นถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ก่อนจะรีบเข้ามาเตือน “ซื่อจื่อ การแข่งขันเริ่มแล้ว มีเรื่องอะไรค่อยกลับมาคุยกันเถิดขอรับ การแข่งขันสำคัญนะขอรับ”
“เหอะ” ซื่อจื่อผู้นั้นแค่นเสียงออกมา เหลือบมองขันทีที่พูดเมื่อครู่ปราดหนึ่ง ก่อนหมุนกายเดินออกไป
ทว่าหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ เขาก็ลดเสียงพูดกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ที่เดินตามอยู่ข้าง ๆ ว่า “อีกเดี๋ยว ข้าจะทำให้มันได้เห็นดี ทะนงตัวว่าตนเองชนะการแข่งวรยุทธ์เล็ก ๆ จึงดีใจจนลืมตัว คิดว่าตัวเองเป็นใคร? พวกเรามีจำนวนคนเยอะขนาดนั้น…รวมเข้ากับผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยอีก ทุกคนจะจัดการกับเด็กห้าขวบเพียงคนเดียวมิได้เชียวหรือ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ่าวเฮ้ย ไปรวมหัวกับอาณาจักรอื่นจัดการหนานหนานเสียแล้ว นี่ไม่เท่ากับทรยศอาณาจักรบ้านเกิดเหรอ
ไหหม่า(海馬)