อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 379 เราไม่ยอมรับ
ตอนที่ 379 เราไม่ยอมรับ
เลื่อนออกไป? ค่อยแข่งกันใหม่?
สีหน้าของซ่างกวนจิ่นดูย่ำแย่ลงอย่างมาก การแข่งขันสนามนี้อาณาจักรจิงเหลยกำลังจะชนะแล้ว อาณาจักรเฟิงชางก็กำลังมีปัญหาภายใน บัดนี้เด็กเหล่านั้นรู้ว่าหนานหนานเป็นบุตรชายของเย่ซิวตู๋แล้ว หากแข่งขันใหม่อีกครั้งในรอบหน้า ย่อมไม่กล้าขัดแข้งขัดขาหนานหนานเช่นนี้อีกแล้ว
ถึงเวลานั้น…
ต่อให้ใช้นิ้วเท้าคำนวณ ซ่างกวนจิ่นก็พอจะเดาผลลัพธ์ได้แล้วว่าจะเป็นเช่นไร
“เราไม่เห็นด้วย การแข่งขันก็คือการแข่งขัน การแข่งขันมีกฎในการแข่งขัน จะให้เลื่อนออกไปได้อย่างไรกัน? ทำเช่นนี้ไม่ยุติธรรมต่อผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ” ซ่างกวนจิ่นเหลือบมองหนานหนานปราดหนึ่ง กล่าวอย่างเนิบช้า “ยิ่งไปกว่านั้น มือของซื่อจื่อน้อยก็ได้รับบาดเจ็บ มิใช่เท้า ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน”
“ใครบอก?” หนานหนานเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “เท้าของข้าก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เมื่อครู่ตอนที่ไอ้คนชั่วนั่นใช้มีดแทงข้า ตอนที่ข้าหลบก็ทำให้ข้าเท้าแพลง…ซี๊ด…ท่านพ่อ…เจ็บ ๆๆ…”
ระหว่างที่หนานหนานพูด เขาก็ทำท่าทางราวกับสุดจะทน ล้มลงไปกองอยู่บนพื้นทันที ร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัว
การล้มตัวของเขากลับทำให้ฮ่องเต้และไทเฮาที่ประทับอยู่บนพระที่นั่งถึงกับตกพระทัย
ทั้งสองพระองค์รีบลงมาจากพระที่นั่งบนอัฒจันทร์ โดยเฉพาะตอนที่เห็นท่าทางน้ำลายฟูมปากของหนานหนาน ยิ่งทำให้ทั้งสองพระองค์เป็นกังวล
“อุปราช บุตรชายของหลานเราถูกผู้เข้าแข่งขันของพวกท่านทำร้ายจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ ท่านยังทำใจได้หรือที่จะให้เขาลงแข่งขันต่อไป?” ไทเฮารู้สึกปวดพระทัยเหลือคณา
ก่อนหน้านี้พระนางทรงโปรดปรานหนานหนานยิ่งนัก แม้ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของหนานหนานคือใคร เพียงแค่ได้เห็นหนานหนาน ก็ทำให้รู้สึกใกล้ชิดเป็นอย่างมากแล้ว ตอนนี้เมื่อได้รู้ว่าเป็นบุตรชายของเย่ซิวตู๋ และเป็นบุตรชายของพระราชนัดดา มีโลหิตเชื้อพระวงศ์ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ยิ่งทำให้หนานหนานกลายเป็นบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง
แม้ไทเฮาจะไม่โปรดปรานเหมิงกุ้ยเฟย จนทำให้ทัศนคติที่พระนางมีต่อเย่ซิวตู๋เย็นชาไปด้วย ทว่าพระนางกลับโปรดปรานหนานหนานจากก้นบึ้งหทัย
ตอนนี้ได้เห็นว่าเด็กที่มักจะมีชีวิตชีวาอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์กำลังนอนน้ำลายฟูมปาก ย่อมทรงกริ้วอย่างห้ามไม่อยู่
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก หันไปกระซิบปลอบไทเฮา “ไทเฮาอย่าได้เป็นกังวลใจเลยเพคะ หนานหนานไม่ได้อันตรายถึงชีวิต เพียงแต่เมื่อครู่เกิดความตกใจ ประกอบกับมือและเท้าได้รับบาดเจ็บ เขาอายุยังน้อยย่อมมีเหตุฉุกเฉินบางอย่างเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่…ดูเหมือนว่าวันนี้คงมิอาจแข่งขันต่อไปได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจพลางส่ายหน้า ท่าทางดูเสียใจและเสียดายยิ่งนัก
ซ่างกวนจิ่นยังอยากจะพูดบางสิ่ง ทว่าเมื่อได้ยินเสียงของพระนาง จึงเม้มปากและไม่พูดอะไรอีก
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมาที่เขาด้วยความเย็นชา เปล่งเสียงขรึมว่า “อุปราช นี่เป็นผลที่วินิจฉัยโดยหมอปีศาจ คงไม่มีเรื่องผิดพลาดหรอกกระมัง”
“ในเมื่อหมอปีศาจเป็นคนพูด เช่นนั้นก็คงไม่มีข้อผิดพลาด” ซ่างกวนจิ่นถลึงตามองอวี้ชิงลั่ว ผ่านไปครู่หนึ่งจึงดึงสายตากลับมา กระตุกมุมปากยิ้มเยาะ “ตกลง เราจะรอให้ซื่อจื่อน้อยหายดี แล้วค่อยเข้าร่วมการแข่งขันชู่จวีระหว่างสองอาณาจักรอีกหน”
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์อย่างยินดี หันกลับไปมองฉีหานเว่ยและองค์ชายรองอาณาจักรเทียนอวี่ที่เดินตามมา “ไม่ทราบว่ารัชทายาทและองค์ชายรองคิดเห็นอย่างไร?”
“เราไม่มีความเห็นต่าง”
“เดิมทีนี่เป็นการแข่งขันระหว่างอาณาจักรเฟิงชางและอาณาจักรจิงเหลย เราย่อมไม่มีความเห็นต่างเช่นกัน”
ฮ่องเต้จึงส่งสายพระเนตรไปทางกรรมการที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้ประกาศว่าการแข่งขันชู่จวีสนามนี้เลื่อนไปอีกครึ่งเดือน
ซ่างกวนจิ่นสะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทีเย็นชา “เรายังมีธุระ ขอตัวกลับเรือนรับรองก่อน”
ครั้นกล่าวจบ เขาก็สั่งให้คนมายกศพผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรจิงเหลยออกไป และนำผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ที่เนื้อตัวสั่นเทิ้มกลับเรือนรับรอง
ฉีหานเว่ยและองค์ชายรองหันสบตากัน ในเมื่อการแข่งขันช่วงเช้ามิอาจไปต่อได้แล้ว เช่นนั้นก็คงทำได้เพียงแค่รอการแข่งขันระหว่างอาณาจักรของพวกเขาทั้งสองในช่วงบ่าย
ทั้งคู่ถวายบังคมลาฮ่องเต้ ก่อนจะนำผู้เข้าแข่งขันและคณะทูตของอาณาจักรตนเองออกจากสนามแข่งขัน
ภายในระยะเวลาเพียงชั่วครู่ ภายในลานแข่งขันจึงเหลือแค่คนของอาณาจักรเฟิงชาง
หนานหนานกระตุกอยู่สองหนก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ไทเฮาชะงัก ก่อนจะหลุดพระสรวลออกมา ถลึงพระเนตรใส่เขาอย่างห้ามไม่อยู่ พระนางลุกขึ้นยืนพร้อมกับลอบถอนพระทัย
เย่หลานเฉิงวิ่งลงมาจากอัฒจันทร์แล้ว กวาดตาสำรวจหนานหนานตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วกล่าวว่า “หนานหนาน หลังจากนี้อย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้คนอื่นเป็นกังวลใจเช่นนั้นอีก เมื่อครู่หากมิใช่เพราะท่านลุงห้า คนคนนั้น…ก็คง…ก็คงลงมือฆ่าเจ้าไปแล้ว”
“เสี่ยวเฉิงเฉิง อย่าได้เป็นกังวลใจ ข้าเก่งกาจขนาดนั้น จะเกิดปัญหาได้อย่างไรกัน?” หนานหนานตบหน้าอกตนเอง ก่อนหันหน้ามองหยางหลินที่กำลังคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้
เขาดึงมืออวี้ชิงลั่ว กระซิบบอก “ข้อเท้าของเขาพลิกเพราะช่วยข้าไว้”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะสั่งให้ขันทีที่อยู่ข้าง ๆ ช่วยประคองหยางหลินมานั่งข้าง ๆ นางใช้นิ้วมือแตะ ๆ ลงบนข้อเท้าของอีกฝ่าย
หยางหลินเพิ่งจะเงยหน้าขึ้น เขาก็สูดลมเข้าปอดพลางส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
อวี้ชิงลั่วปล่อยมือ นำขวดขนาดเล็กขวดหนึ่งออกมาจากด้านในกระเป๋าของตนเองยื่นให้หยางหลิน “เก็บยานี้ไว้ให้ดี ทาและนวดบริเวณข้อเท้าทุกวัน วันละสามครั้ง หลังจากนี้อีกสองวันก็หายแล้ว”
เด็กคนนี้ช่วยหนานหนานไว้ นางย่อมมอบโอสถที่ดีที่สุดให้อีกฝ่าย ทั้งยังช่วยสังเกตอาการของเขาอย่างละเอียดด้วย
หยางหลินชะงัก กำขวดกระเบื้องเคลือบในมือจนเริ่มร้อน หมอปีศาจกำลังรักษาโรคให้ตนเอง…หมอปีศาจมอบยาให้เขาด้วยตนเอง…ท่าทีของหมอปีศาจดูใจดียิ่งนัก…ที่แท้หมอปีศาจที่คนเล่าลือก็เป็นสตรีใจดีคนหนึ่ง
หนานหนานยืนยิ้มตาหยีอยู่ข้าง ๆ “หลังจากนี้อีกสองวันก็หายแล้ว เช่นนั้นอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ เจ้าก็คงร่วมการแข่งขันกับข้าได้แล้วถูกต้องหรือไม่”
หยางหลินชะงัก สายตาที่มองหนานหนานดูซับซ้อนยิ่งนัก ทว่าภายในใจกลับเกิดอารมณ์ความรู้สึกผสมปนเป เขาไม่เคยคิดเลยว่า เด็กที่อยู่ตรงหน้านี้คือซื่อจื่อน้อย บุตรชายขององค์ชายห้าที่ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญมากที่สุด
เด็กเช่นนี้ กลับเข้าร่วมการแข่งวรยุทธ์ที่มีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเวลา ท่านอ๋องซิว…ทำใจได้อย่างไรกัน?
ครั้นเงยหน้ามองหนานหนาน จึงเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่า “เจ้า…เจ้าคือบุตรของท่านอ๋องซิวจริงรึ? บุตรแท้ ๆ รึ?”
คำพูดนี้เปล่งออกมา ทุกคนที่เมื่อครู่ยังอยู่ในท่าทีเงียบสงบพลันตะลึงงัน สายตาดูมืดหม่นลง
โดยเฉพาะคนเหล่านั้นที่เคยสร้างความขุ่นเคืองและพูดจาไม่ดีใส่หนานหนาน บัดนี้ยิ่งพากันก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียว
ส่วนผู้เข้าแข่งขันสิบกว่าคนที่คอยขัดขาหนานหนานไม่หยุดหย่อนเหล่านั้น ถึงกับคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ตกใจจนตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด รู้สึกราวกับพร้อมจะเป็นลมได้ตลอดเวลา พวกเขาปฏิบัติตามเย่หลานเวยมาโดยตลอด เพราะเย่หลานเวยคือพระนัดดาของฮ่องเต้ ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่พวกเขาสร้างความขุ่นเคืองในวันนี้กลับเป็นพระนัดดาอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้ ทั้งยังเป็นคนที่ได้รับความสำคัญอย่างมาก เป็นพระนัดดาที่ไทเฮา ฮ่องเต้ และท่านอ๋องซิวรักสุดหัวใจ
ครั้งนี้คงได้จบเห่จริง ๆ แล้ว
องค์ชายสามและคนอื่น ๆ รู้สึกเกลียดชังและคับแค้นอยู่ในอก พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเด็กที่พวกเขาปรารถนาอยากให้มอดม้วยโดยเร็วกลับกลายเป็นลูกชายของเจ้าห้า เจ้าห้าที่ไม่มีแม้กระทั่งพระชายา แต่ปรากฏว่ามีลูกชายโตขนาดนี้แล้ว?
ถูกต้อง เย่ซิวตู๋ไม่มีแม้กระทั่งนางสนม แล้วใครกันที่คลอดลูกให้เขา?
ไม่เพียงแค่องค์ชายสามและคนอื่น ๆ ที่คิดเช่นนี้ เหมิงกุ้ยเฟยที่ยังคงนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ก็คิดเช่นนี้
พระนางกำหมัดแน่น ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เราไม่ยอมรับเด็กคนนี้”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เตรียมตายหมู่เลยจ้าไอเด็กพวกนี้ ไปทำร้ายบุตรหัวแก้วหัวแหวนท่านอ๋องซิวเข้าให้แล้ว
ไหหม่า(海馬)