อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 385 อบรมสั่งสอนให้ดี
ตอนที่ 385 อบรมสั่งสอนให้ดี
ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว สถานะของหนานหนานก็ได้รับการยืนยัน
ฮ่องเต้แหงนพระพักตร์ทอดพระเนตรมองท้องนภา ใกล้จะถึงเวลาแข่งขันช่วงบ่ายแล้ว ตอนนี้การแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรสำคัญยิ่งกว่า
ส่วนพระราชโองการเรื่องสถานะของหนานหนาน ยังต้องรอหลังการแข่งขันช่วงบ่ายในวันนี้สิ้นสุดลงก่อน อีกอย่าง เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหนานหนาน พระองค์คงต้องคุยกับซิวเอ๋อร์ให้รู้เรื่อง
ในเมื่อหนานหนานต้องเข้ามาอยู่ในราชวงศ์ แม่ของเขาจะไม่ปรากฏและไม่มีสถานะอย่างเป็นทางการได้อย่างไรกัน?
ฮ่องเต้แอบสงสัยว่าหมอปีศาจผู้นั้นคือแม่ของหนานหนาน เพียงแต่ซิวเอ๋อร์ยังไม่เคยเอ่ยปากยอมรับ
ทว่า…หมอปีศาจผู้นี้เป็นเพียงสามัญชน สถานะมิได้สูงส่ง ดังนั้นคงเป็นได้แค่พระชายารองของซิวเอ๋อร์เท่านั้น ช่างน่าเสียดาย หนานหนานมิใช่เด็กที่เป็นทายาทสายตรง เกรงว่าเส้นทางหลังจากนี้คงลำเค็ญอย่างมาก
ได้แต่หวังว่าองค์หญิงเทียนฝูของอาณาจักรเทียนอวี่ผู้นั้นจะเป็นคนดี และใจดีกับหนานหนานหลังจากอภิเษกสมรสกับซิวเอ๋อร์
แต่ในเมื่อซิวเอ๋อร์พูดว่าแม่ของหนานหนานคือสตรีผู้เป็นที่รักของเขา ทั้งยังเคยสาบานว่าชาตินี้ทั้งชาติจะมีสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เหตุใดเขาถึงได้ตอบรับคำขอเรื่องงานแต่งขององค์ชายรอง?
ภายในใจของซิวเอ๋อร์กำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่?
ดูเหมือนว่า พระองค์คงต้องคุยเชิงลึกกับซิวเอ๋อร์สักครั้งแล้ว
ฮ่องเต้เม้มพระโอษฐ์ ทอดพระเนตรมองหนานหนานปราดหนึ่ง
ถึงอย่างไร มิได้มีแค่พระองค์ที่นึกถึงแม่ของหนานหนาน แม้แต่เหมิงกุ้ยเฟยก็นึกถึงชื่อของสตรีผู้นั้นในทันทีเช่นกัน แต่เมื่อเห็นท่าทางของเย่ซิวตู๋ ดูเหมือนว่าคงยังไม่อยากเปิดเผยสตรีผู้นั้นให้ใต้หล้ารับรู้ เหอะ จะทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? นางจะใช้โอกาสในครั้งนี้เพื่อดึงตัวนางออกมาให้ได้
เหมิงกุ้ยเฟยมองเย่ซิวตู๋ด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “ซิวเอ๋อร์ เกี่ยวกับหนานหนาน…
“หิวจังเลย” หนานหนานยกแขนบิดขี้เกียจ ก่อนจะถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเหมิงกุ้ยเฟย ยิ้มแฉ่งพลางพูดด้วยท่าทางออดอ้อน “ท่านย่า หนานหนานหิวแล้ว หนานหนานต้องแข่งขันอยู่ตลอด ทั้งกระหายทั้งหิว อยากหาอะไรกินแล้ว”
ฮ่องเต้หัวเราะร่า “ดี นี่ก็สายแล้ว ช่วงบ่ายเป็นการแข่งขันของอาณาจักรเทียนอวี่และอาณาจักรหลิวอวิ๋น มิอาจล่าช้าได้ มีเรื่องอะไรก็ค่อยคุยกันหลังการแข่งขันช่วงบ่ายเสร็จสิ้น เวลานี้ไปกินข้าวก่อน”
เหมิงกุ้ยเฟยกำลังคิดหยุดคำพูดของหนานหนาน ทันใดนั้นก็ได้ยินฮ่องเต้ตรัส คิ้วพลันขมวดมุ่น คำพูดที่มาถึงปากจึงถูกกลืนกลับลงไปทันใด
ฮ่องเต้ตรัสขนาดนี้แล้ว นางย่อมมิอาจตอแยไม่เลิกรา
ทุกคนน้อมส่งเสด็จฮ่องเต้ด้วยท่าทีพินอบพิเทา ใครจะไปคิดว่าตอนที่พระองค์เพิ่งก้าวพระบาทเพียงสองสามก้าว จู่ ๆ ก็หยุดลงอีกหน หมุนกายมองหยางหลินที่พยายามประคองเท้าข้างหนึ่งของตนเองไว้ สายพระเนตรแฝงด้วยท่าทีพินิจพิเคราะห์เล็ก ๆ “เจ้าชื่อหยางหลิน?”
หยางหลินได้ยินเช่นนี้ก็รีบลุกเข่าลงบนพื้น ก้มหน้าขานตอบ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ดีมาก ไม่เลวเลย ถือเป็นต้นกล้าชั้นดี ในเมื่อมีความทะเยอทะยานที่จะเอาชนะเพื่อความรุ่งโรจน์ให้อาณาจักร เช่นนั้นก็พยายามให้ดี เราเชื่อว่าเจ้าจะมีอนาคตไกล เสนาบดีฝั่งขวา ให้ความสนใจต่อเด็กคนนี้สักหน่อย อบรมสั่งสอนให้ดี เราฝากให้เจ้าดูแลเขาด้วย”
หลีจื่อฟานก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ยกมือคารวะเล็กน้อยพลางตอบด้วยความเคารพนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
หยางหลินถึงกับชะงัก ยังไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ จนกระทั่งเย่หลานเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กระทุ้งเรียกเขา เขาจึงตะโกนเสียงดัง “ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ กระหม่อมจะพยายามทำให้ดี เป็นกำลังให้กับอาณาจักรพ่ะย่ะค่ะ”
คิดไม่ถึงเลย…โอกาสเช่นนี้จะมาถึงเขาด้วย ได้ติดตามเสนาบดีฝั่งขวาผู้เป็นตำนานผู้นี้ หลังจากนี้ เขาต้องได้เรียนรู้ความสามารถอีกมากโขเป็นแน่
หยางหลินแอบรู้สึกตื่นเต้น หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงช้อนสายตามองหนานหนาน สายตาของเขาแฝงด้วยความซับซ้อน เขาทราบดีว่าที่ฮ่องเต้เห็นความสำคัญของเขาก็เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับหนานหนาน
เด็กคนนี้ อันที่จริงไม่ได้เหมือนกับที่เขาคิดไว้ตั้งแต่แรก
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ จากนั้นจึงเบือนสายพระเนตรไปยังเด็กสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วจึงแย้มพระสรวลเย็นชา “ผิงหยวนโหว”
ผิงหยวนโหวถึงกับตกใจ ลอบถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ มาถึงแล้วจริง ๆ เขาทราบดีว่าเขาคงหนีเรื่องในวันนี้ไม่พ้น ฮ่องเต้ต้องไม่ยอมยุติเรื่องราวเป็นแน่
“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้อบรมเลี้ยงดูลูกให้ดี ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ผิงหยวนโหว เราไม่คิดเลยว่าเด็ก ๆ ตระกูลโหวเหล่านี้จะมีความรับผิดชอบสู้สามัญชนธรรมดาทั่วไปมิได้ กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ทว่ากลับเอาแต่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องความแค้นส่วนตัวภายในสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้อาณาจักรอื่นเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน เหอะ เรื่องนี้ เราจะจดจำไว้ก่อน หากยังมีครั้งหน้า เราจะสะสางทั้งบัญชีเก่าและบัญชีใหม่รวมกัน”
ผิงหยวนโหวรีบจับศีรษะของลูกชายที่บัดนี้หวาดกลัวจนสีหน้าขาวซีดให้โขกลงพื้น “ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณ กระหม่อมจะกลับไปอบรมสั่งสอนเขาให้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เหอะ” จักรพรรดิแค่นเสียงเย็น ก่อนจะหมุนกายสาวพระบาทออกไปด้านนอก
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเด็กเหล่านั้นที่ตกใจจนร่างกายอ่อนปวกเปียกลงไปกองอยู่บนพื้น นางเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้จึงจัดการด้วยวิธีนี้ ถึงอย่างไรการแข่งขันชู่จวีก็ยังไม่สิ้นสุด หลังจากนี้อีกครึ่งเดือนยังจำเป็นต้องให้พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขัน ย่อมมิอาจลงโทษสถานหนักได้
ถึงกระนั้น เด็กเหล่านี้ก็ยังตกใจจนสติกระเจิงอยู่ดี เกรงว่าครั้งหน้าคงมิกล้าลงมือกับหนานหนานเช่นนี้อีกแล้ว
อวี้ชิงลั่วยักไหล่ เดินตามหลังเย่ซิวตู๋ออกจากสนามแข่งขันไปพร้อม ๆ กัน
อวี๋จั้วหลินยืนอยู่ไกล ๆ เขาคิดอยากจะเดินเข้ามาใกล้อวี้ชิงลั่ว ทว่ากลับถูกฝูงชนเบียดออกไป จนกระทั่งออกจากสนามแข่งขัน เงาของอวี้ชิงลั่วก็หายไปเสียแล้ว
เขาแอบส่งเสียงหงุดหงิดอย่างเงียบ ๆ ช่างเถิด ช่วงบ่ายยังมีโอกาส ถึงอย่างไรเขาก็ต้องได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางอยู่ดี
ทว่า เรื่องที่เด็กคนนั้นเป็นบุตรของท่านอ๋องซิว ถือเป็นเรื่องที่ทำให้คนตกตะลึงทั่วสนามจริง ๆ
เป็นเพราะการหยดเลือดพิสูจน์ล่าช้าเช่นนี้ เวลาจึงถูกลากออกไปไม่น้อย เพียงไม่นาน การแข่งชู่จวีในช่วงบ่ายก็เริ่มต้นขึ้น
ฮ่องเต้เสวยพระกระยาหารแล้วก็กลับมาประทับบนพระที่นั่งโดยไม่แม้แต่จะหยุดพักในช่วงบ่าย ยังคงแย้มพระสรวลพูดคุยกับอุปราช ฉีหานเว่ยและองค์ชายรอง ราวกับว่าเมื่อเช้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือ ข้างกายของเย่ซิวตู๋มีเด็กน้อยแสนฉลาดเข้ามาเพิ่มอีกหนึ่งคน
หนานหนานได้รับบาดเจ็บ ฮ่องเต้จึงประทานอนุญาตให้นั่งชมการแข่งขันอยู่ที่นี่เป็นพิเศษ ไม่ต้องไปนั่งเบียดอยู่บนอัฒจันทร์ของผู้เข้าแข่งขัน เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกระเทือนต่อบาดแผล สิ่งนี้นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แล้ว
ซ่างกวนจิ่นเหลือบตามองเด็กน้อยคนนั้น สายตาฉายแววเย็นเยือก
การแข่งขันช่วงบ่ายยังคงดุเดือด ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรหลิวอวิ๋นและอาณาจักรเทียนอวี่สะสมพลังความแข็งแกร่งได้อย่างล้นเหลือ ทั้งยังระเบิดพลังออกมาในทันใด เงานั้นมากมายจนละลานตา
หลังจากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของฉีหานเว่ยกลับหรี่ลงเล็กน้อย น่าประหลาดนัก ผู้เข้าแข่งขันฝ่ายบู๊ของอาณาจักรเทียนอวี่ถือเป็นผู้มีฝีมือชั้นยอดเมื่ออยู่ในสนามแข่งขันอื่น อีกทั้งยังอยู่ในแนวหน้า เหตุใดผู้เข้าแข่งขันการแข่งวรยุทธ์และการละเล่นชู่จวีกลับอ่อนแอลงยิ่งนัก?
องค์ชายรองยังคงอยู่ในท่าทางเกียจคร้าน เขาเพียงแต่หรี่ตากวาดสำรวจหนานหนาน ต่อให้การแข่งขันเข้าใกล้ช่วงท้าย ต่อให้คะแนนของอาณาจักรเทียนอวี่จะถูกอาณาจักรหลิวอวิ๋นนำไปแล้ว ต่อให้แพ้การแข่งขันสนามนี้ สีหน้าของเขากลับยังเรียบเฉยไร้อารมณ์แปรปรวน
ตอนที่ฮ่องเต้ประกาศผล เขาจึงลุกขึ้นเล็กน้อย กล่าวกับผู้เข้าแข่งขันเพียงไม่กี่ประโยคก็หมุนกายทำท่าจะออกไป
ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่เพิ่งหมุนกาย กลับพบว่าบนที่นั่งอัฒจันทร์ด้านหลัง มีคนแอบลุกขึ้นยืนอย่างเงียบ ๆ และเดินตรงไปทางฝั่งสุภาพสตรี
คนคนนั้น…ดูเหมือนจะชื่ออวี๋จั้วหลินกระมัง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทีนี้หนานหนานก็ไม่โดนรังแกแล้ว ใครกล้ารังแกโดนตัดหัวแน่
ไหหม่า(海馬)