อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 387 นางคือภรรยาของกระหม่อมเมื่อหกปีก่อน
ตอนที่ 387 นางคือภรรยาของกระหม่อมเมื่อหกปีก่อน
ตอนที่ 387 นางคือภรรยาของกระหม่อมเมื่อหกปีก่อน
อวี๋จั้วหลินก็ชะงักไปเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เย่หว่านเยียนจะโหวกเหวกเสียงดังราวอสนีบาตเช่นนี้ ส่งผลให้ทุกสายตาหันมองมาทางพวกเขา
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ก่อนจะยิ้มมุมปาก สั่งให้หนานหนานไปกับเย่ฮ่าวหราน ส่วนตนเองลอยตัวเข้ามาหยุดลงข้าง ๆ อวี้ชิงลั่วอย่างมั่นคง ทอดมองอวี๋จั้วหลินด้วยสายตาเย็นชา “ใต้เท้าอวี๋ นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”
“พี่ห้า ใต้เท้าอวี๋คนนี้ทำเกินไปแล้ว จู่ ๆ ก็วิ่งมารั้งแม่นางชิงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งยังคิดจะดึงมือแม่นางชิงด้วย” แม้ว่าเย่หว่านเยียนจะไม่ได้สนิทสนมกับเย่ซิวตู๋ ทั้งยังเกิดความหวาดกลัวเมื่อเข้าใกล้เขาเพียงเล็กน้อย แต่ต่อให้นางหวาดกลัวมากกว่านี้ ครั้งนี้ก็ต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างชัดแจ้งแจ่มชัด “ใต้เท้าอวี๋บอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับแม่นางชิง แม่นางชิงเป็นสตรีบริสุทธิ์ผุดผ่อง จะออกไปกับเขาแบบสองต่อสองได้เยี่ยงไรกัน? คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากแม่นางชิงปฏิเสธคำขอของใต้เท้าอวี๋ ใต้เท้าอวี๋ก็ถึงกับกระชากผ้าคลุมหน้าของแม่นางชิงจนหลุด”
เย่หว่านเยียนยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธขึ้ง ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งดัง ท้ายที่สุดจึงหันไปถลึงตาใส่อวี๋จั้วหลินด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด
เย่ซิวตู๋หรี่ตาพลางผินหน้ามองอวี้ชิงลั่ว อีกฝ่ายยักไหล่ให้ เพื่อเป็นการบอกว่าสิ่งที่เย่หว่านเยียนเล่านั้นถูกต้อง เรื่องราวเป็นเช่นนี้
เย่ซิวตู๋จึงหันมองอวี๋จั้วหลิน เปล่งน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงด้วยอันตรายเล็ก ๆ “ใต้เท้าอวี๋ เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”
“กระหม่อม…” อวี๋จั้วหลินคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้ ทว่าเสียงร้องแหลมของเย่หว่านเยียนได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้ว แม้แต่ฮ่องเต้และทูตจากต่างอาณาจักร รวมถึงไทเฮา ฮองเฮา เหมิงกุ้ยเฟยและคนอื่น ๆ ก็ทยอยเดินมาทางนี้
“ใต้เท้าอวี๋ ใครอนุญาตให้เจ้ามาจับไม้จับมือคนของตำหนักเรา?” เย่ซิวตู๋เห็นบุรุษผู้นี้ก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา เพียงแต่สายตาคู่นั้นที่มองอวี้ชิงลั่วกลับเอาอกเอาใจและอ่อนโยน
อวี๋จั้วหลินเงยหน้าขึ้น ประสานเข้ากับสายตาของเย่ซิวตู๋ที่ไม่เคยปรากฏต่อหน้าใครมาก่อนเช่นนี้ ภายในใจพลันเกิดอาการกระสับกระส่าย
เอาอกเอาใจ? สายตาเช่นนี้ของท่านอ๋องซิวที่จ้องมองอวี้ชิงลั่ว เห็นได้ชัดว่าเป็นสายตาแสดงถึงความรักระหว่างบุรุษและสตรี
สติสัมปชัญญะของอวี๋จั้วหลินถึงกับขาด ‘ผึง’ ขณะจ้องมองท่าทางของอวี้ชิงลั่ว ราวกับกำลังจะกินนางเข้าไปก็มิปาน สำส่อนจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแนะนำนางให้ท่านอ๋องซิว สตรีไร้ยางอายผู้นี้กลับฉวยโอกาสนี้อ่อยท่านอ๋องแล้ว
เหตุใดเขาถึงปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ง่าย ๆ? เขาจะปล่อยให้นางสมใจปรารถนาได้เยี่ยงไรกัน?
“ท่านอ๋อง กระหม่อมทำเช่นนี้เพราะมีเหตุผล กระหม่อมแค่ไม่อยากให้ท่านอ๋องถูกสตรีผู้นี้หลอก เป็นเพราะความรีบร้อนจึงดึงผ้าคลุมหน้าของนางออก”
“หลอก?” ฮ่องเต้เสด็จตรงมาทางนี้แล้ว ครั้นเห็นอวี้ชิงลั่ว พระองค์ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน ใบหน้าของแม่นางชิง ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองรึ?
แม้ก่อนหน้านี้พระองค์เคยเกิดความฉงนสนเท่ห์มาก่อน ว่าคราก่อนตอนที่องค์ชายสามดึงผ้าคลุมหน้าของแม่นางชิงอาจมิใช่โฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ทว่าบัดนี้เมื่อได้เห็นนางเช่นนี้ ก็ถึงกับตะลึงงันภายในชั่วพริบตา
สตรีผู้นี้…คือมารดาของหนานหนานจริง ๆ รึ? ดูเหมือนว่าจะอ่อนเยาว์ไปสักหน่อย มิได้เหมือนกับสตรีที่ผ่านการมีบุตรชายที่โตขนาดนี้สักกะผีก
หรือว่าพระองค์จะคาดเดาผิด? มารดาผู้ให้กำเนิดหนานหนานคือคนอื่น?
องค์ชายสามที่ยืนอยู่ด้านหลังพระองค์ถึงกับเบิกตาโต ถลึงตามองอวี้ชิงลั่วด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด สตรีผู้นี้…คราก่อนสตรีผู้นี้หลอกเขา บนใบหน้าของนางมิได้มีแผลเป็นแต่อย่างใด
ไม่สิ ควรพูดว่าตรงกันข้ามต่างหากเล่า ใบหน้าของแม่นางชิงผู้นี้ เมื่ออยู่ใต้แสงอาทิตย์ส่องยิ่งทวีความขาวผุดผ่องเป็นยองใย เนียนนุ่มราวกับไข่ไก่ที่ถูกปอกเปลือก เมื่อเทียบกับที่เจอกันคราก่อนช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
สตรีผู้นี้เล่นกลอุบายเช่นนั้น ทำให้เขาต้องถูกเสด็จพ่อลงโทษ สมควรตายยิ่งนัก
อวี๋จั้วหลินเห็นว่าฮ่องเต้เสด็จเข้ามาใกล้ จึงคุกเข่าลงบนพื้น กล่าวอย่างเคารพนอบน้อมว่า “ฝ่าบาท แม่นางชิงผู้นี้แอบแฝงตัวเข้าไปอยู่ในตำหนักอ๋องซิว เกรงว่าคงคิดไม่ซื่อ วัตถุประสงค์ยากแท้หยั่งถึง”
ฮ่องเต้ขมวดพระขนง ผินพระพักตร์มองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง สตรีผู้นี้สีหน้าเรียบเฉยดวงตาเป็นประกาย มิได้มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
ครั้นเห็นพระองค์ นางจึงถอนสายบัวเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ถวายบังคมฝ่าบาท หม่อมฉันมีความผิด คราก่อนตอนที่เข้าวังเป็นเพราะป่วยจึงทำให้เกิดตุ่มทิ้งบาดแผลบนใบหน้า จนทำให้องค์ชายสามตกใจ ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นใบหน้าที่แท้จริงของหม่อมฉัน เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ โปรดฝ่าบาทประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย”
มุมพระโอษฐ์ของฮ่องเต้ถึงกับกระตุก คราก่อนนางมิได้พูดเช่นนี้
“พูดจาเหลวไหล เห็น ๆ อยู่ว่าคราก่อนเจ้าเป็นคนพูดเองว่ามีหน้าตาน่ากลัว บนใบหน้ามีปานขนาดใหญ่ เหตุใดตอนนี้กลับพูดว่ามีตุ่มทิ้งรอยแผลไว้?” องค์ชายสามมิใช่คนที่ถูกหลอกได้ง่าย ๆ ตอนนี้เขากำลังคิดหาวิธีจับไต๋อวี้ชิงลั่ว เขาเกลียดจนแทบอยากจะฆ่านางให้ตาย
อวี้ชิงลั่วกะพริบตาปริบ ๆ หันมองเขาอย่างไร้เดียงสา “องค์ชายสามอายุยังน้อย หูเสื่อมแล้วหรือเพคะ? หม่อมฉันเคยพูดคำพูดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? อ๋อ หม่อมฉันรู้มาว่ามีโรคหูแว่วกับโรคเห็นภาพหลอน องค์ชายสามอย่าได้เป็นกังวล หม่อมฉันคือหมอปีศาจ ขอแค่ท่านฟังในสิ่งที่หม่อมฉันบอก หม่อมฉันย่อมรักษาให้ท่านหายขาดได้ แต่ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก อายุยังน้อยแต่กลับป่วยหนักถึงเพียงนี้ เฮ้อ…”
“เจ้า…เจ้ามันเถียงข้าง ๆ คู ๆ” องค์ชายสามโกรธถึงขีดสุด ตอนนั้นไม่ได้มีแค่เขาเพียงคนเดียว คนอื่น ๆ ก็ได้ยินชัดเต็มสองหู นางยังกล้าพลิกลิ้นที่นี่อีก
เขาหันกลับไปมององค์ชายคนอื่น ๆ ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้
องค์ชายสี่กลับอยู่ฝั่งเดียวกับเขา คิดอยากจะพูดเสริมคำพูดขององค์ชายสาม ใครจะไปคิดว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด กลับได้เย่ซิวตู๋พูดเสียงเย็นชาว่า “ไม่ทราบว่าโรคหูแว่วนี้เป็นโรคติดต่อหรือไม่ อยู่กับพี่สามของข้ามานาน จะติดโรคด้วยหรือไม่?”
องค์ชายสี่ได้ยินเช่นนี้ ถึงกับกลืนคำพูดที่ติดอยู่ข้างปากลงไปในทันที ขุนนางเหล่านั้นที่จากเดิมยืนอยู่ข้างองค์ชายสาม เริ่มถอยออกไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัวเพื่อรักษาระยะห่างจากเขาไว้
รัชทายาทขมวดคิ้วมุ่น คิดจะเอ่ยปากพูดบางสิ่ง ทว่าไท่จื่อเฟยกลับเดินมาด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้ ทั้งยังกระซิบข้างหูเขาอีกสองสามประโยค รัชทายาทจึงหยุดชะงักลงทันใด ทำได้เพียงมองกลุ่มคนเหล่านั้นราวกับกำลังดูเรื่องสนุก
ส่วนไท่จื่อเฟยกลับมองไปที่อวี้ชิงลั่วด้วยความเป็นกังวล
ใต้เท้าอวี๋ผู้นั้น คิดจะทำอะไรกันแน่?
อวี๋จั้วหลินกำนิ้วมือเข้าหากัน ครั้นได้ยินคำพูดนั้นของเย่ซิวตู๋ ก็ชัดเจนแล้วว่ากำลังปกป้องอวี้ชิงลั่ว ท่านอ๋องซิวคงมิได้โปรดปรานสตรีผู้นั้นจริง ๆ หรอกกระมัง? เหอะ เพียงแต่ไม่รู้ว่า หากท่านอ๋องซิวได้รู้อดีตของอวี้ชิงลั่ว จะลงมือสังหารนางในลมหายใจเดียวหรือไม่
ถึงกระนั้น เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ อวี๋จั้วหลินก็เกิดความลังเล
แต่ยังมีคนที่ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้เขาได้ลังเล เหมิงกุ้ยเฟยมองอวี้ชิงลั่วด้วยท่าทีเย็นชา ผินหน้าเอ่ยถามว่า “คำพูดนี้ของใต้เท้าอวี๋หมายความว่าอย่างไร? แม่นางชิงแอบแฝงเข้าไปในตำหนักอ๋องซิว มีวัตถุประสงค์ใดกันแน่? เราจำได้ว่า แม่นางชิงคือคนที่ใต้เท้าอวี๋แนะนำให้ซิวเอ๋อร์”
“กระหม่อมสมควรตาย เป็นเพราะกระหม่อมไม่ตรึกตรองให้รอบด้าน ทำให้สตรีผู้นี้สบโอกาส” อวี๋จั้วหลินถูกต้อนถามเช่นนี้แล้ว จึงทำได้เพียงแค่เอ่ยปากตอบ “ฝ่าบาท สตรีผู้นี้หาใช่หมอปีศาจไม่ นางคืออวี้ชิงลั่วภรรยาที่กระหม่อมต้องการเลิกราเมื่อหกปีก่อน คนที่กระหม่อมคิดว่าตายไปตั้งแต่ตอนที่ถูกฟ้าผ่าในครานั้นพ่ะย่ะค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ศัตรูเยอะเหมือนกันนะเนี่ยชิงลั่ว นี่มันช่วงดวงตกหรือไงเนี่ย
จ้า เขากลายเป็นหญิงสำส่อนก็เพราะแผนชั่วของแกอะอิกระจั๊วแซ่อวี๋ น่ากระทืบให้แบนตรงนั้นนัก
ไหหม่า(海馬)