อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 392 จุดจบของหลี่หรานหร่าน
ตอนที่ 392 จุดจบของหลี่หรานหร่าน
ตอนที่ 392 จุดจบของหลี่หรานหร่าน
“ฝ่าบาท จริงอยู่ที่หลี่ซื่อมีความผิดมหันต์ แต่วัตถุประสงค์หลักในวันนี้คือต้องตรวจสอบสถานะของแม่นางชิงให้แน่ชัดเสียก่อนเพคะ” เหมิงกุ้ยเฟยตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะเสียเวลาอยู่กับเรื่องของหลี่หรานหร่านมากเกินไปแล้ว เดิมทีนางคิดจะใช้ประโยชน์จากหลี่หรานหร่านเพื่อทำลายชื่อเสียงของหมอปีศาจ แต่ในเมื่อทำเช่นนั้นไม่ได้ ก็ทำได้เพียงแค่ย้อนกลับเข้าประเด็นอีกหน ป้องกันมิให้วางลำดับความสำคัญสลับกัน
“ต่อให้แม่นางชิงไม่เคยวางแผนทำร้ายหลี่ซื่อ แต่หลี่ซื่อและฮูหยินใหญ่กลับรู้จักนาง ทั้งยังยืนยันว่านางคือภรรยาของรองเจ้ากรมอวี๋ที่ตายไปเมื่อหกปีก่อน”
“คำพูดนี้ของเหมิงกุ้ยเฟยหาได้มีความเหมาะสมไม่”
สิ้นเสียงเหมิงกุ้ยเฟย จู่ ๆ ด้านข้างก็มีเสียงเย้ยหยันดังขึ้น
แทบจะทุกคนที่หันมองไปทางต้นเสียงด้วยความฉงน แม้แต่ฮ่องเต้ก็ทอดพระเนตรไปยังคนที่เอ่ยปากพูดด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าซ่างกวนจิ่นที่เดิมทีแค่อยากร่วมดูเรื่องสนุกเท่านั้น กลับเอ่ยปากพูดเสมือนจ่อปลายหอกเข้าหาเหมิงกุ้ยเฟย
เหมิงกุ้ยเฟยขมวดคิ้วมุ่น เหลือบมองเขาอย่างครุ่นคิด “อุปราชหมายความว่าอย่างไรเพคะ? นี่เป็นเรื่องของอาณาจักรเฟิงชาง หรืออุปราชเองก็คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วย?”
“เหนียงเหนียงกล่าวผิดแล้ว” หาได้ยากยิ่งที่ซ่างกวนจิ่นจะกล่าววาจาสุภาพเรียบร้อยเช่นนี้ นัยน์ตาคู่นั้นอึมครึมลึกล้ำ “คนอย่างเราพูดตรงไปตรงมาเสมอ พบเจอเรื่องอยุติธรรมก็คิดอยากจะพูดสักประโยคสองประโยค ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าหลี่ซื่อไร้ศีลธรรมจรรยา แต่การที่นางกล้าโกหกหลอกลวงต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ ไทเฮา ตัวเรา และคนอื่น ๆ สตรีที่กล้าหาญโดยเพิกเฉยต่ออำนาจของฮ่องเต้เช่นนี้ ก็ควรจัดการกับนางเสียก่อน ส่วนเรื่องระบุตัวตนของแม่นางชิงนั้น เหนียงเหนียงคิดว่าคำพูดของคนอย่างหลี่ซื่อ ท่านยังเชื่อถือได้อีกหรือ? เราไม่เชื่อหรอก”
เหมิงกุ้ยเฟยถึงกับขบฟันกรอด ซ่างกวนจิ่นสมควรตาย เขาจะเข้ามายุ่งเพื่อกงการใดกัน?
ฮ่องเต้ได้สดับฟังเช่นนี้ จึงพยักพระพักตร์แล้วตรัสว่า “ที่อุปราชพูดก็มีเหตุผล ทหาร ลากตัวหลี่ซื่อผู้มีจิตใจชั่วร้ายหลอกลวงเบื้องสูงออกไป ใช้กระบองทุบตีให้ตาย”
“เฮือก…” หลี่หรานหร่านรูม่านตาหดลงด้วยความตะลึงงัน
ใช้กระบองทุบตีให้ตาย…ไม่นะ…นางไม่อยากมีจุดจบเช่นนี้
ครั้นแลเห็นทหารองครักษ์เดินเข้ามาลากตัวนาง หลี่หรานหร่านถึงกับสติแตก ยื่นมือต่อต้านอย่างสุดชีวิต “ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว ฝ่าบาทไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ ฝ่าบาท เหนียงเหนียง ช่วยหม่อมฉันด้วย เหนียงเหนียงช่วยหม่อมฉันด้วย…ไม่นะ…พวกเจ้าถอยออกไป ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตาย”
หลี่หรานหร่านใช้มือตบตีองครักษ์ที่เข้ามาจับตัวนางอย่างบ้าคลั่ง ทหารองครักษ์ทั้งสองไม่ใส่ใจ และทิ้งตัวนางลงกับพื้น
หลี่หรานหร่านยืนซวนเซก่อนจะล้มลงด้านข้าง กระทั่งนางเงยหน้าขึ้นมาอีกหนก็พบว่าอวี้ชิงลั่วยืนอยู่ข้างกาย คงเป็นเพราะสถานการณ์ถึงขั้นวิกฤตจึงต้องหาความช่วยเหลือแบบส่งเดช นางจับชายกระโปรงของอวี้ชิงลั่ว ขอร้องอ้อนวอนอย่างขมขื่น “อวี้ชิงลั่ว…ไม่สิ…แม่นางชิง แม่นางชิงช่วยข้าด้วย ข้าทำผิดต่อท่าน ข้าสำนึกผิดแล้ว หลังจากนี้ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว แม่นางชิงช่วยข้าด้วย…”
อวี้ชิงลั่วยืดกายเหยียดตรงอยู่กลางท้องพระโรง ชายกระโปรงของนางถูกอีกฝ่ายดึงจนตึง นางย่อตัวลงอย่างช้า ๆ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้าหรอกนะ แต่เป็นเพราะเจ้ายืนกรานรนหาที่ตาย ตอนแรกที่ข้าเปิดเผยว่าร่างกายของเจ้าบกพร่อง ตระกูลอวี๋เดิมทีก็อยากจะขับไล่เจ้าออกไปอยู่แล้ว หากเป็นเช่นนั้น ชีวิตของเจ้าก็ยังดำเนินต่อไปได้ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักพอ ตอนนี้มาถึงท้องพระโรงแห่งนี้แล้ว อยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ แต่กลับกล้าแต่งเรื่องเท็จตามอำเภอใจ โทษฐานลบหลู่เบื้องสูง ต่อให้ข้าอยากช่วย ก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี”
ระหว่างที่พูด นางก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูนางด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคน “หลี่หรานหร่าน เมื่อหกปีก่อนตอนที่เจ้ากับอวี๋จั้วหลินร่วมมือกันวางแผนทำร้ายข้า ทำลายความบริสุทธิ์ของข้า ก็ควรคิดถึงผลลัพธ์เช่นนี้ไว้ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ฉากชู้สาวนั่นก็เป็นแผนของเจ้า เดิมทีข้ายังคิดอยากไว้ชีวิตเจ้า เพื่อให้เจ้าได้ดื่มด่ำกับครึ่งชีวิตที่ต้องถูกทอดทิ้ง น่าเสียดายนัก เจ้ากลับยืนกรานจะขุดหลุมฝังตัวเองที่นี่ เอ๋ จริงสิ ข้าเกือบลืมบอกเจ้าไปเรื่องหนึ่ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าบุรุษผู้นั้นที่ทำให้ข้าแปดเปื้อนเมื่อหกปีก่อนคือใคร? ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่คนคนนั้นไม่ใช่ขอทานอย่างที่พวกเจ้าคิด คนคนนั้น…คือท่านอ๋องซิว ข้าให้กำเนิดบุตรแก่ท่านอ๋องซิวหนึ่งคน เป็นข้าต่างหากที่ควรขอบคุณเจ้า จริงหรือไม่?”
หลี่หรานหร่านเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง นางมองอวี้ชิงลั่วราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่รับรู้ เสียงของอวี้ชิงลั่วที่พูดประโยคเหล่านั้นดังก้องในหัวไม่หยุด
ท่านอ๋องซิว…บุรุษผู้นั้นที่มีความสัมพันธ์กับอวี้ชิงลั่วคือท่านอ๋องซิว?
พูด…พูดแบบนี้ก็หมายความว่า ท่านอ๋องซิวรู้ต้นสายปลายเหตุทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้ว หมอปีศาจมิใช่คนที่อวี๋จั้วหลินแนะนำให้ท่านอ๋องซิวตั้งแต่แรก เหตุการณ์นี้แม้แต่ท่านอ๋องซิวก็เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่แรก
ส่วนตัวนางเอง อวี๋จั้วหลิน รวมถึงสองแม่ลูกเฉินจีซินคู่นั้น ต่างก็ถูกอวี้ชิงลั่วบดขยี้อยู่ในกำมือ
หลี่หรานหร่านเงยหน้าขึ้นโดยพลัน ไม่ได้การแล้ว นางต้องบอกอวี๋จั้วหลิน นางต้องบอกเขาว่าทุกสิ่งที่พวกเขาทำในวันนี้ ไม่มีทางส่งผลกระทบต่ออวี้ชิงลั่ว และจะไม่เกิดผลลัพธ์ใด ๆ บางทีอาจตกลงไปในกับดักที่พวกเขาจัดเตรียมไว้เสียเอง
หลี่หรานหร่านหันมองอวี๋จั้วหลิน จากนั้นจึงอ้าปาก ทว่ากลับมิอาจเปล่งเสียงได้แม้เพียงประโยคเดียว
จากนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่แข็งทื่ออย่างช้า ๆ ทั่วทั้งสรรพางค์กายไร้เรี่ยวแรง ราวกับร่างกายของนางมิได้อยู่ภายใต้การควบคุมของนางอีกต่อไป
หลี่หรานหร่านกลอกดวงตา สูดลมเข้าปอดหนึ่งเฮือก อวี้ชิงลั่วเป็นคนทำเรื่องบ้า ๆ นี้…เป็นฝีมือของนางสินะ
“จุ๊ ๆ รีบนำตัวนางออกไปเถิด” อวี้ชิงลั่วโบกมือพร้อมกับลอบเก็บเข็มเงินในมือ สั่งให้ทหารองครักษ์หน้าตาบูดบึ้งทั้งสองคนลากตัวหลี่หรานหร่านผู้สิ้นหวังออกไป
เหมิงกุ้ยเฟยนั่งอยู่บนที่นั่งด้านบน ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก เพียงแต่นางรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของหลี่หรานหร่านที่ผิดแผกไปจากเดิม ราวกับนางมีบางอย่างที่อยากจะพูด ทว่ากลับเปล่งเสียงไม่ออก ราวกับว่าจู่ ๆ สตรีที่พยายามเปล่งเสียงตะโกนเพื่ออ้อนวอนขอความช่วยเหลือเมื่อครู่ได้กลายเป็นคนใบ้ไปเสียแล้ว
นางเหลือบมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง หรี่ตาลงเล็กน้อย “แม่นางชิง เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรกับหลี่ซื่อรึ?”
“กราบทูลเหนียงเหนียง หม่อมฉันเพียงแค่บอกนางไปว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ใช่ไม่ต้องชดใช้ เพียงแต่เวลายังไม่ถึง เมื่อเวลานั้นมาถึง สิ่งที่ควรชดใช้ก็ต้องชดใช้ เหนียงเหนียง ท่านคิดว่าคำพูดนี้ถูกต้องหรือไม่เพคะ?”
เหมิงกุ้ยเฟยแค่นเสียงออกมา รู้สึกได้ว่าคำพูดของนางแอบแฝงนัยยะ
นางเองก็ไม่อยากพัวพันอยู่กับอวี้ชิงลั่วให้มาก จึงหันไปหาฮ่องเต้ กล่าวเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท หลี่ซื่อก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เมื่อครู่อุปราชพูดถูก หลี่ซื่อเป็นคนไร้ศีลธรรมจรรยา คำพูดไม่น่าเชื่อถือ แต่ฮูหยินใหญ่ตระกูลอวี๋ก็เป็นหลักฐานในการยืนยันว่าแม่นางชิงคืออวี้ชิงลั่ว”
“อ๋อ ท่านหมายถึงหญิงเฒ่าผู้นั้นน่ะรึ…” ไม่รอให้ฮ่องเต้ได้ตอบ ซ่างกวนจิ่นกลับหัวเราะเยาะขึ้น “ตอนนี้ตกใจจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด เกรงว่าในสมองคงว่างเปล่าไปแล้ว คนเช่นนี้ จะเชื่อถือในคำพูดได้หรือ?”
อวี๋จั้วหลินได้สติกลับมาในบัดดล หลี่หรานหร่านถูกไม้กระบองทุบตีจนตายไปแล้ว แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อนึกถึงกลอุบายและการหลอกลวงของนาง ความรู้สึกเศร้าใจเล็ก ๆ นั้นก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว
บัดนี้เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนจิ่น เขาถึงกับกำหมัดแน่น ถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างดุดัน ก่อนจะล่าวว่า “ฝ่าบาท ครอบครัวของฮูหยินอวี้รออยู่ด้านนอกประตูแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จบเกม นังหร่านเท่งทึงไปแล้ว ใครจะเท่งทึงเป็นรายต่อไป
ไหหม่า(海馬)