อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 397 สั่งสอนสองแม่ลูกเฉินจีซิน
ตอนที่ 397 สั่งสอนสองแม่ลูกเฉินจีซิน
ตอนที่ 397 สั่งสอนสองแม่ลูกเฉินจีซิน
ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อยเพื่อหยุดพระดำรัสของไทเฮา
ไทเฮาขมวดพระขนงพลางเม้มพระโอษฐ์ นี่คือป้ายละตายอาญาสิทธิ์ เป็นของล้ำค่าอย่างยิ่ง นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงขุนนางที่สร้างความดีความชอบในการสู้รบเพื่อก่อตั้งอาณาจักรเฟิงชางที่จะได้รับสิ่งนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงในตอนนี้ คนที่มีป้ายละตายอาณาสิทธิ์จึงมีน้อยคนนัก
เหตุใดจึงได้มอบสิ่งของเช่นนี้ให้กับเด็กที่ไม่เป็นโล้เป็นพายอะไร? ฮ่องเต้ผู้นี้นับวันก็ยิ่งเลอะเลือนมากขึ้นทุกทีแล้ว หรือคิดจะสู้กับองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่?
ทว่าฮ่องเต้กลับเม้มพระโอษฐ์มิได้ตรัสสิ่งใด ภายในพระทัยกำลังพิจารณาตนเอง หากมองผิวเผิน ป้ายแผ่นนี้ได้มอบให้อวี้เป่าเอ๋อร์เพราะพระองค์คิดจะสู้กับองค์ชายรอง ทว่ามีเพียงพระองค์เท่านั้นที่รับรู้ว่าป้ายแผ่นนั้น แท้จริงแล้วมอบให้ซิวเอ๋อร์
บัดนี้ซิวเอ๋อร์และองค์หญิงเทียนฝูอยู่ด้วยกันแล้ว ในอาณาจักรเฟิงชางมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดจะเล่นงานองค์หญิงเทียนฝู พระองค์ก็พอจะทราบดี เพราะนิสัยของพวกเขาเป็นเช่นนั้น เกรงว่าคงได้พบกับปัญหาอีกมาก ป้ายละตายอาญาสิทธิ์แผ่นนั้น มิอาจมอบให้ซิวเอ๋อร์อย่างเปิดเผยได้ จึงทำได้เพียงแค่ใช้วิธีนี้
ในใจของหนานหนานรู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรมอย่างมาก เขาพยายามจะมุดออกมาจากด้านหลังเย่ฮ่าวหรานอยู่หลายหน เพราะอยากให้ฮ่องเต้มอบให้เขาหนึ่งแผ่น ทว่ากลับถูกเย่ฮ่าวหรานดันกลับมา ท้ายที่สุดก็ถูกเย่ฮ่าวหรานบังคับยึดตัวไว้ตรงหน้า มิอาจขยับเขยื้อนได้อีก
“ท่านอาแปด ท่าน…”
“ชู่ หนานหนาน เจ้าดูด้านหน้าสิ มีเรื่องสนุกอีกแล้ว”
อวี้เป่าเอ๋อร์เก็บแผ่นป้ายอย่างระมัดระวัง ในใจรู้สึกกระสับกระส่าย ทว่าหลังจากมองเย่ซิวตู๋ปราดหนึ่ง จึงยืดตัวตรงขึ้นอีกหน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็คุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง หมอบตัวลงกล่าวว่า “ฝ่าบาท ท่านพ่อของเป่าเอ๋อร์คิดถึงท่านพี่มากเกินไป จึงทำให้จำผิดคิดว่าแม่นางชิงคือบุตรีของตนเอง ท่านพ่อมิได้มีความคิดหลอกลวงฝ่าบาทและไทเฮา โปรดฝ่าบาทไว้ชีวิตท่านพ่อของกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เป่าเอ๋อร์…” อวี้เจี้ยนต๋าที่จิตใจซึมเศร้าหมองหม่นไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ อวี้เป่าเอ๋อร์จะเอ่ยปากขอร้องแทนตนเอง
นั่นสิ เป่าเอ๋อร์มีความฉลาดปราดเปรื่อง กตัญญูรู้คุณและพูดจาชัดเจนเช่นนี้ เขาจะสติฟั่นเฟือนได้อย่างไรกัน? เขานี่มันตาแก่เลอะเลือน… ตาแก่เลอะเลือนจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เป่าเอ๋อร์ใจอ่อนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น อวี้เจี้ยนต๋าก็เป็นบิดาของเขา แม้ว่าภายในใจของเขาจะบ่นถึงเรื่องที่อวี้เจี้ยนต๋ากักขังเขาเป็นเวลาหลายปีโดยไม่รู้จักแยกแยะ แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะทนเห็นเขาเกิดปัญหา
เด็กคนนี้ นิสัยเช่นนี้ไม่ไหวเลย หลังจากนี้คงเสียเปรียบผู้อื่น
หลังจากนี้ ไม่เพียงแต่นางต้องปรับนิสัยของหนานหนานกลับมา แม้แต่นิสัยของอวี้เป่าเอ๋อร์ก็ต้องขัดเกลาด้วย
ฮ่องเต้เม้มพระโอษฐ์ ทอดพระเนตรไปยังอวี้เป่าเอ๋อร์ปราดหนึ่ง เด็กคนนี้ช่างเป็นคนกตัญญู เอาเถิด สถานะของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว เห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่ก็แล้วกัน
“เป่าเอ๋อร์มีความจริงใจและกตัญญู เราจะช่วยเติมเต็มความปรารถนาจิตแห่งความกตัญญูของเจ้า ไม่สืบสาวเอาความเรื่องนี้”
อวี้เป่าเอ๋อร์แสดงความดีใจผ่านสีหน้า “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ครั้นกล่าวจบ กลับพบว่าอวี้ชิงลั่วกำลังจ้องเขาด้วยความไม่พอใจ อวี้เป่าเอ๋อร์จึงเม้มปาก รีบก้มหน้าลง ไม่กล้าส่งเสียงดังอีก
สองแม่ลูกเฉินจีซินแอบสบตากัน ทั้งยังถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ยังดีที่อวี้เป่าเอ๋อร์เป็นเด็กคนหนึ่ง โชคดีที่เขายังรู้ความและมีความกตัญญู มิเช่นนั้นวันนี้พวกนางคงจบเห่
ทว่าระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังมีความสุข ตอนที่กำลังจะขอบพระทัยฮ่องเต้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเงาดำหนึ่งเงาปรากฏขึ้น
อวี้ชิงโหรวเงยหน้าขึ้น จึงพบว่าองค์ชายรองกำลังจ้องมองพวกนางด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึง
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากบางที่ดูดีก็เผยอขึ้นช้า ๆ น้ำเสียงยังคงฟังดูเกียจคร้าน ทว่ากลับดังฟังชัดเป็นอย่างยิ่ง “ใต้เท้าอวี้อายุมากจึงเลอะเลือน ไม่ติดใจเอาความก็คงไม่เป็นไร แต่คนที่ลงมือกับจวิ้นอ๋องน้อยอย่างเหี้ยมโหด มิอาจปล่อยตัวไปง่าย ๆ เช่นนี้”
สองแม่ลูกเฉินจีซินถึงกับตกตะลึง ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ร่างกายก็เริ่มสั่นระริกอีกหน
องค์ชายรองหมุนกายกลับมาแย้มยิ้ม แล้วกล่าวกับฮ่องเต้ว่า “ฝ่าบาท จวิ้นอ๋องน้อยของอาณาจักรเทียนอวี่ถูกคนอิจฉาริษยา จึงถูกกักขังอย่างไร้เหตุผลเป็นเวลาถึงหกปี เด็กตัวเล็ก ๆ ถูกคนทรมานราวกับไม่ใช่มนุษย์ ตอนนี้กลับมองดูคนชั่วร้ายหนีไป นี่มิเท่ากับกำลังตบหน้าอาณาจักรเทียนอวี่ของเราหรอกหรือ? ฝ่าบาท พระองค์เองก็ตรัสไว้ว่าเป่าเอ๋อร์เป็นคนจริงใจและกตัญญู ความกล้าหาญก็ไม่ธรรมดา หากมิใช่เพราะตอนนั้นเขาหนีออกมา เกรงว่าคงได้ถูกคนชั่วทารุณกรรมจนตายโดยที่ไม่มีใครรู้ เช่นนั้นมิเท่ากับสูญเสียผู้มีความสามารถที่เป็นเสาหลักไปหนึ่งคนหรอกหรือ?”
ฮ่องเต้ถึงกับสำลัก พยักพระพักตร์แสดงออกว่าเห็นด้วย
ฉีหานเว่ยที่อยู่ข้าง ๆ เสริมขึ้นมาหนึ่งประโยคอย่างไม่ยอมแพ้ “เราเองก็เคยได้สัมผัสเป่าเอ๋อร์ เด็กคนนี้นิสัยดี มีความแข็งแกร่ง ถือเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก”
สองแม่ลูกเฉินจีซินมีสีหน้าซีดขึ้นมาเรื่อย ๆ อวี้เจี้ยนต๋ามองพวกนางปราดหนึ่งก็เกิดอาการอึก ๆ อัก ๆ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นภรรยาและบุตรีของเขา เขาไม่อยากเห็นพวกนางต้องทุกข์ทรมาน
ตอนที่กำลังจะอ้าปากพูด จู่ ๆ ก็มีคนปรากฏกายขึ้นตรงหน้า ขวางหน้าเขาขณะกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “อันที่จริง เป่าเอ๋อร์ได้รับความทรมานมากขนาดนั้น ไม่เรียกคืนกลับมาสักหน่อย คนอื่นคงคิดว่าอาณาจักรเทียนอวี่จะถูกรังแกเมื่อใดก็ได้”
คำพูดที่มาถึงกลางลำคอของอวี้เจี้ยนต๋าถึงกับหยุดโดยพลัน อวี้ชิงลั่วได้ขึ้นไปอยู่จุดสูงของอาณาจักรแล้ว เกรงว่าคงห้ามไว้ไม่อยู่
เขาก็ได้แต่หวังว่า ความใจดีโดยธรรมชาติของเป่าเอ๋อร์ จะไม่คิดพรากชีวิตสองแม่ลูกคู่นี้ มิเช่นนั้นบ้านก็คงมิใช่บ้านอีกต่อไป
สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้นมองอวี้เป่าเอ๋อร์ ตรัสถามว่า “เป่าเอ๋อร์ เจ้าบอกมา จะจัดการกับคนที่รังแกเจ้าอย่างไร?”
“ฝ่าบาท กระหม่อม…”
“เช่นนี้ดีหรือไม่ ให้คุณชายอวี้ลงมือด้วยตนเอง ทำให้สองแม่ลูกคู่นั้นปริปากสารภาพออกมา ก็นับว่าเป็นการให้บทเรียนแล้ว” ซ่างกวนจิ่นพูดแทรกเข้ามา “คุณชายอวี้ คิดเห็นอย่างไรเล่า?”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ซ่างกวนจิ่นผู้นี้เอาแน่เอานอนไม่ได้จริง ๆ ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเสียเหลือเกิน
อวี้เป่าเอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง หันกลับมามองสองแม่ลูกคู่นั้น จากนั้นจึงหลุบตาลง ประสานเข้ากับสายตาที่กำลังตั้งตารอคอยของอวี้เจี้ยนต๋า ก็จริง หากอวี้เป่าเอ๋อร์ลงมือด้วยตนเอง บางทีสองแม่ลูกเฉินจีซินก็คงไม่ต้องรับโทษหนักเกินไป ถึงอย่างไรก็ดีกว่าการที่ฮ่องเต้ส่งคนให้เข้ามาโบยพวกนาง
องค์ชายรองแค่นเสียงยิ้มเยาะใส่ซ่างกวนจิ่น อุปราชของอาณาจักรจิงเหลยผู้นี้หวังให้ใต้หล้าวุ่นวายเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของตนเองจริง ๆ
ถึงอย่างไรเฉินจีซินก็เป็นแม่เลี้ยงของอวี้เป่าเอ๋อร์ หากเขาลงมือตีจริง ๆ เช่นนั้นก็เท่ากับเขาไร้ความปรานีและอยุติธรรม ภายในท้องพระโรงแห่งนี้มีสายตาจำนวนมาก มีคนตั้งมากมายที่กำลังรอชมเรื่องสนุกอยู่
องค์ชายรองเพิ่งจะส่งเสียงเพื่อหยุด ทว่าเหมิงกุ้ยเฟยกลับกล่าวเสียงสูงว่า “เราเองก็คิดว่าข้อเสนอของอุปราชไม่เลวเลย”
เหอะ ที่นี่มีอีกคนที่คิดอยากจะเล่นงานอวี้ชิงลั่วอีกแล้ว
ถึงอย่างไรอวี้เป่าเอ๋อร์ก็มิอาจใจดำเพิกเฉยต่อสายตาวิงวอนของบิดาได้ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลงความคิดเห็นของซ่างกวนจิ่น
อวี้เป่าเอ๋อร์เดินเข้าไปหาสองแม่ลูกเฉินจีซินอย่างช้า ๆ ทุกคนถึงกับกลั้นหายใจ สายตาของแต่ละคนจับจ้องมาที่เขา พวกเขาเองก็อยากเห็นเช่นนี้ อวี้เป่าเอ๋อร์ผู้นี้จะลงมือจริง ๆ หรือไม่
ฝ่ามือเล็ก ๆ ของเขายกขึ้นสูง เพียงแต่ หยุดค้างอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง ไม่ยอมฟาดลงไป
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเกลียดที่มิอาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ นางก้าวเท้าไปด้านหน้า ดึงอวี้เป่าเอ๋อร์ให้ถอยไปด้านหลัง แล้วกล่าวเสียงดังว่า “หากเป่าเอ๋อร์ทำไม่ลง ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ครั้นกล่าวจบ นางก็ยกฝ่ามือขึ้นสูง ก่อนจะฟาดลงมาแรง ๆ ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของสองแม่ลูกเฉินจีซิน
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ฝ่ามืออยู่ตำแหน่งห่างจากใบหน้ารูปไข่ของเฉินจีซินเพียงหนึ่งกำปั้น จู่ ๆ ด้านนอกท้องพระโรงก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นหนึ่งเสียง “หยุด”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มาดูกันว่าสองแม่ลูกนี่จะโดนทำโทษอะไรบ้าง
ใครมาอีกเนี่ย ขัดใจจริง ๆ เล้ย
ไหหม่า(海馬)