อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 400 ท่านแม่...อยู่กับข้านี่ไง
ตอนที่ 400 ท่านแม่…อยู่กับข้านี่ไง
ตอนที่ 400 ท่านแม่…อยู่กับข้านี่ไง
อวี้ชิงโหรวรู้สึกเจ็บทั้งใบหน้าและร่างกาย เส้นประสาททั่วสรรพางค์กายราวกับถูกขึงตึง ทรมานจนนางหลั่งน้ำตาออกมา
เมื่อครู่เฉินจีซินพูดสิ่งใดไว้ ข้างหูของนางมีเพียงเสียงหึ่ง ๆ ทำให้ได้ยินไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ทว่าคำพูดของท่านแม่ เพียงแค่นางเห็นด้วยก็เพียงพอแล้ว
ด้วยเหตุนี้ตอนที่แม่นมเซียวเอ่ยถาม นางจึงพยักหน้าตามสัญชาตญาณ
แม่นมเซียวยิ้มด้วยรอยยิ้มอึมครึม “เช่นนั้นแม่ของเจ้าอยากรับโทษแทนเจ้า เจ้าเองก็เห็นด้วยงั้นรึ?”
อวี้ชิงโหรวได้ยินชัดเจน รับโทษแทนนาง?
นางชะงักพลางหันมองเฉินจีซิน เมื่อประสานเข้ากับสายตาที่อ่อนโยนของอีกฝ่าย ในใจพลันเกิดความรู้สึกปะปนยุ่งเหยิง
แม่นมเซียวรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของนาง จึงง้างฝ่ามือขึ้นเพื่อตบนางในทันที “ดูเหมือนว่าเจ้าคงไม่เห็นด้วยสินะ เช่นนั้นตบเจ้าต่อก็แล้วกัน”
ฝ่ามือนั้นเหวี่ยงลงมาอย่างดุดัน ดูมีพละกำลังรุนแรงยิ่งกว่าฝ่ามือก่อนหน้านี้ อวี้ชิงโหรวถูกตบจนรู้สึกมืดฟ้ามัวดิน รีบตะโกนเสียงดังว่า “ข้าเห็นด้วย ข้าเห็นด้วย ข้าเห็นด้วยที่ให้ท่านแม่ของข้ารับโทษแทนข้า”
เจ็บมาก…เจ็บเกินไปแล้ว…เจ็บราวกับถูกตะปูตอกลงบนใบหน้า เจ็บปวดราวกับอวัยวะภายในร่างกายของนางกำลังบิดเข้าหากันก็มิปาน
เมื่อนางตะโกนออกมาเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างก็พากันกระซิบกระซาบ
“แม่ของนางถูกตบจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นแล้ว นางยังพูดว่าเห็นด้วยอีก?”
“อวี้ชิงโหรวผู้นี้แรกเริ่มยังแสดงท่าทางน่าสงสาร มีความกล้าหาญและคิดเพื่อครอบครัวอยู่เลย จุ๊ ๆ ที่แท้ก็ดีแต่พูดนี่เอง”
“ดูไม่ออกเลย ดูไม่ออกเลยจริง ๆ”
แม่นมเซียวรู้สึกพึงพอใจที่ได้ยินเสียงเหล่านั้นดังขึ้นข้างหู นางเลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า “แม่ของเจ้าจะรับโทษแทนเจ้า หากนางทนไม่ไหวแต่ยังตบตีต่อไป นางอาจเป็นลมหมดสติหรืออาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต”
อวี้ชิงโหรวชะงักอีกหน นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อเห็นแม่นมเซียวง้างฝ่ามือขึ้นสูง ความรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อครู่ก็กลับมาอีกหน นางรีบส่งเสียงร้องไห้ออกมาดัง ๆ ตอนที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายกำลังจะตบลงมา “ตบท่านแม่ของข้าเถิด ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของท่านแม่ มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า”
คนที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ ภายในท้องพระโรงเกิดความโกรธขึ้งภายในใจ ต่างพากันชี้หน้ากล่าวตำหนิอวี้ชิงโหรว
“มิใช่มนุษย์ ทั้ง ๆ ที่บอกว่าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นางกลับยังไม่สนใจ”
“นั่นสิ ข้าว่านะ คนที่โหดเหี้ยมอำมหิตมากที่สุดก็คือนางนี่แหละ”
“น้องชายของนางเพิ่งจะอายุสิบกว่าขวบ ยังมีความกตัญูรู้คุณคนมากกว่านางเสียอีก จุ๊ ๆ ไม่แปลกใจเลยที่นางวางแผนทำร้ายน้องชายผู้มีความฉลาดปราดเปรื่องเช่นนั้น คงรู้สึกอิจฉานั่นแหละ”
อวี้ชิงโหรวย่อมได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางก็…หมดเรี่ยวแรงที่จะรับฟัง และไม่รู้ว่าควรโต้แย้งอย่างไร
นางถูกเอาอกเอาใจมากกว่าเฉินจีซินเสียอีก นางรับความเจ็บปวดขนาดนั้นไม่ไหวจริง ๆ
‘เพียะ’
อวี้ชิงโหรวเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงงัน ริมฝีปากสั่นระริก…นางบอกให้ท่านแม่รับโทษแทนนางแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดยังตบหน้านางอยู่อีก?
“ลูกเนรคุณแบบเจ้าเช่นนี้ ข้าทุบตีให้ตาย ๆ ไปได้ก็ดี” แม่นมเซียวจ้องมองนางอย่างไม่แยแส
“ดี” มีคนที่อยู่ภายในท้องพระโรงส่งเสียงออกมา มีคนอีกไม่น้อยที่เปลี่ยนจากความเห็นอกเห็นใจเมื่อครู่เป็นความเกลียดชัง
แม่นมเซียวไม่ลังเลอีกต่อไป น้ำหนักฝ่ามือแต่ละครั้งไม่แผ่วลงแม้แต่น้อย ทั้งยังฟาดใส่หน้าอวี้ชิงโหรวเต็ม ๆ
อวี้ชิงโหรวอยากร้องไห้ทว่ากลับไร้น้ำตา นางอยากเป็นลมแต่ก็เป็นลมมิได้ ฝ่ามือที่ฟาดลงมายิ่งเจ็บเท่าไรก็ยิ่งเรียกสตินางได้มากขึ้นเท่านั้น
อวี้เจี้ยนต๋ารู้ดีว่าต่อให้พูดมากกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์ จึงทำได้เพียงแค่ทนต่อความปวดใจและเบือนหน้าไปทางอื่น
เฉินจีซินเม้มปาก ท้ายที่สุดก็ก้มหน้าลง ขอบตาร้อนผ่าวเล็ก ๆ ทว่ากลับมิได้พูดอะไรต่อจากนั้น ราวกับว่าการรับโทษแทนเมื่อครู่มิเคยเล็ดลอดออกมาจากปากของนาง
ใบหน้าของอวี้ชิงโหรวดูสาหัสยิ่งกว่าเฉินจีซิน ครั้นแม่นมเซียวตบนางจนรู้สึกหมดแรงจึงหยุดลง
นางก้าวเท้ามาด้านหน้า คุกเข่าลงต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้และทำความเคารพอีกหน “ฝ่าบาท คนชั่วทั้งสองถูกลงโทษเสร็จสิ้นแล้ว ฝ่าบาทโปรดอภัยให้หม่อมฉันที่ตัดสินใจเองโดยพลการด้วยเพคะ”
ฮ่องเต้แย้มพระสรวล สั่งให้แม่นมเซียวลุกขึ้นยืน
ตัดสินใจเองโดยพลการ? แม่นมเซียวผู้นี้เป็นตัวละครที่มีความยอดเยี่ยมจริง ๆ ตบตีสองแม่ลูกเฉินจีซิน อวี้เป่าเอ๋อร์ยังมิทันได้กล่าวสิ่งใดแม้แต่ประโยคเดียว เดิมทีก็ทำให้คนบางคนไม่พอใจอยู่แล้ว ทว่าเป็นเพราะการกระทำเมื่อครู่ของแม่นมเซียว กลับทำให้ทุกคนหันปลายหอกเข้าใส่อวี้ชิงโหรว ทั้งยังรู้สึกได้ว่านางสมควรถูกตบและสมควรถูกฆ่าแล้ว
“ฝ่าบาท ในเมื่อคนชั่วถูกลงโทษแล้ว องค์หญิงมีร่างกายบอบบางล้ำค่า ยืนอยู่ที่นี่นานแล้ว หม่อมฉันขอพาตัวองค์หญิงไปพักผ่อนได้หรือไม่เพคะ?”
ฮ่องเต้แอบถอนหายพระทัยเฮือกหนึ่ง เหลือบมองอวี๋จั้วหลินปราดหนึ่งด้วยสายพระเนตรที่แฝงความไม่พอพระทัยต่อเขา เรื่องเกิดขึ้นเพราะบุรุษผู้ลุ่มหลงสตรี ทำให้วันนี้พระองค์ต้องเสียกำลังกายและกำลังใจไปมิน้อย
อวี๋จั้วหลินก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าเขาคงทำอะไรมิได้อีกแล้ว
อวี้ชิงลั่วได้รับการปกป้องจากองค์ชายรองแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ ได้รับความลำเอียงจากท่านอ๋องซิว ตอนนี้มิอาจตรวจค้นร่างกายของนางได้อีก ยิ่งทำให้มิอาจยืนยันสถานะของนางได้
ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “นี่ก็สายแล้ว แยกย้ายเถิด”
“ช้าก่อน” ท่ามกลางกลุ่มฝูงชน จู่ ๆ กลับมีคนหนึ่งก้าวเท้าออกมา ทุกคนถึงกับชะงัก ค้นพบว่าองค์ชายสามเดินมาถึงกลางท้องพระโรง ยกมือคารวะฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ ลูกยังมีบางอย่างอยากพูดพ่ะย่ะค่ะ”
เหมิงกุ้ยเฟยแย้มยิ้ม ดูเหมือนว่า ชองค์ชายสามก็คิดอยากใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความยากลำบากให้ซิวตู๋เช่นกัน
สายพระเนตรของฮ่องเต้แฝงความเกลียดลังเล็กน้อย ตรัสด้วยสีพระพักตร์อึมครึม “ยังมีเรื่องใด?”
“เสด็จพ่อ จู่ ๆ ลูกก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า ในเมื่อแม่นางชิงคือองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ เช่นนั้นย่อมต้องมีตราประทับประจำตัวองค์หญิง” เมื่อครู่องค์ชายสามใช้เวลาตรึกตรองอยู่นาน เขาคิดว่าจะปล่อยให้เรื่องราวจบลงเพียงเท่านี้มิได้
อันที่จริงทุกคนต่างก็ทราบดี องค์หญิงเทียนฝูผู้นี้มีความเป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วนที่จะเป็นอวี้ชิงลั่ว มิเช่นนั้น บนโลกใบนี้จะเกิดเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
องค์ชายสามก็กลายเป็นคนมีสายตาเฉียบคมที่หาได้ยากยิ่งแล้ว
เหมิงกุ้ยเฟยดวงตาเป็นประกาย องค์ชายสามเองก็มีช่วงเวลาที่ชาญฉลาดเช่นกันสินะ
“ท่านอ๋องสามคิดว่าเรายืนยันคนที่ไม่เกี่ยวข้องว่าเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่แบบสุ่มสี่สุ่มห้า เห็นสายเลือดราชวงศ์อาณาจักรเทียนอวี่เป็นของไร้ค่างั้นรึ?” องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่ถึงกับโกรธขึ้ง ชิงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ถูกศัตรูล้อมสี่ทิศ คนเหล่านี้กระตือรือร้นที่จะจัดการกับชิงเอ๋อร์เสียเหลือเกิน
องค์ชายสามแอบหวั่นเกรงต่อรัศมีที่อยู่บนตัวขององค์ชายรอง เขารู้สึกได้ว่าคนคนนี้มีแรงกดดันเช่นเดียวกับเย่ซิวตู๋ ทว่ามาถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องถอย “องค์ชายรองกล่าวจริงจังแล้ว เราเองก็คิดแทนองค์ชายรอง เมื่อครู่คุณชายน้อยตระกูลอวี้ก็พูดเอง แม่นางชิงคนนี้เหมือนกับพี่สาวของเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้ที่อวี้ชิงลั่วยังไม่ตายและสวมรอยเป็นองค์หญิงเทียนฝู ถึงเวลานั้น คนที่ถูกหลอกคงมิได้มีแค่องค์ชายรอง อนาคตอาจส่งผลถึงราชวงศ์ของอาณาจักรเทียนอวี่ด้วย ดังนั้น แม่นางชิง…เจ้านำตราประทับประจำตัวองค์หญิงออกมาให้ทุกคนดูเพื่อพิสูจน์สถานะของตนเองได้หรือไม่เล่า?”
อวี้ชิงลั่วเม้มริมฝีปาก ตราประทับนี้…นางไม่มีจริง ๆ องค์ชายสามผู้นี้ ถือว่าเลือกจี้จุดได้ไม่เลวเลย
“ตราประทับน่ะรึ ข้ามี ข้ามี อยู่กับข้านี่ไง ท่านแม่ อยู่กับข้านี่ไง”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานช่วยชีวิตแม่ได้ทันเวลาพอดีเลยลูกเอ๊ย
จริง ๆ ชิงลั่วก็อาจเป็นองค์หญิงเทียนฝูนั่นแหละ มีช่วงหนึ่งที่ระหกระเหินอยู่ในอาณาจักรเทียนอวี่ไง
ไหหม่า(海馬)