อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 401 อับอาย
ตอนที่ 401 อับอาย
ตอนที่ 401 อับอาย
ด้านหลังฝูงชน เงาเล็ก ๆ เงาหนึ่งวิ่งกระโดดโหยงเหยงพร้อมกับส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายอย่างฉับพลัน
เย่ฮ่าวหรานไม่ทันได้ห้ามเขา หนานหนานก็วิ่งกระโจนออกไปแล้ว ในมือของเขากำลังยกตราประทับทรงกลมสีทองชิ้นหนึ่ง
ทุกคนถึงกับชะงักงัน ทอดสายตามองเด็กน้อยผู้มีความโดดเด่นในช่วงระยะเวลานี้ หนานหนานยิ้มตาหยีขณะยื่นของที่อยู่ในมือใส่มือของอวี้ชิงลั่วด้วยท่าทางประจบสอพลอ
“ท่านแม่ ข้าช่วยท่านแม่ดูแลตราประทับนี้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ข้าเป็นเด็กดีมาก ๆ เลยใช่หรือไม่…ข้าให้”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย แรกเริ่มนางเงยหน้ามององค์ชายรองและเย่ซิวตู๋ที่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา จากนั้นจึงย่อตัวลงพร้อมกับหยิกแก้มเล็ก ๆ แสนตุ้ยนุ้ยของหนานหนาน ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเขาว่า “ดูเหมือนว่า เจ้าเองก็เป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมของแผนการนี้สินะ วอนโดนตีเสียแล้ว”
หนานหนานร่างกายสั่นเทา มององค์ชายรองด้วยท่าทางน่าสงสาร ทั้ง ๆ ที่ท่านลุงเหมียนฮวาถังบอกว่าให้เก็บสิ่งนี้ไว้กับตัว ท่านแม่ย่อมมีความสุขเป็นแน่ เหตุใดความเป็นจริงถึงได้แตกต่างจากที่จินตนาการนัก
บัดซบ…ท่านลุงเหมียนฮวาถังต้องหลอกเขาเป็นแน่
หนานหนานบุ้ยปาก ยื่นมือออกไปกอดขาของอวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่ หนานหนานเป็นเด็กดี เมื่อเช้าหนานหนานได้รับบาดเจ็บที่แขน เจ็บปวดเหลือเกิน แต่ก็ต้องทนความเจ็บปวดสุดชีวิตเพื่อช่วยถือตราประทับนี้ให้ท่านแม่ แม้มันจะหนักหนานหนานก็ไม่นึกรังเกียจ”
อวี้ชิงลั่วมองของชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือ น้ำหนักแค่สองตำลึงเงิน เขายังกล้าพูดโดยไม่ละอายใจว่าไม่รังเกียจถึงน้ำหนักของมัน?
ช่างเถิด กลับไปค่อยไปคิดบัญชีกับเขา
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งเฮือก เงยหน้าพร้อมกับกางตราประทับไปด้านหน้า กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “องค์ชายสาม ของที่ท่านอยากเห็น คือสิ่งนี้รึ?”
องค์ชายสามตกใจเพราะน้ำเสียงเจื้อยแจ้วของหนานหนานจนลืมความตั้งใจเดิมของตนเองไปเสียสนิท เมื่อครู่เขาได้ยินว่าอะไรนะ? หนานหนานเรียกแม่นางชิงว่า…ท่านแม่?
ฮ่องเต้ขมวดพระขนง พระองค์มั่นพระทัยเกี่ยวกับความสงสัยเรื่องที่แม่นางชิงเป็นมารดาของหนานหนานแล้ว ทว่าในเวลานั้นพระองค์ไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องที่นางคือองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่มาก่อน ถึงอย่างไรคนคนหนึ่งที่เป็นถึงองค์หญิงของอาณาจักรหนึ่ง จะเกิดเรื่องท้องก่อนแต่งกับคนอื่นได้อย่างไรกัน
ตอนนี้ หนานหนานเรียกนางว่าท่านแม่อย่างสนิทสนมและน่าเอ็นดู…ท่านแม่? นางเป็นถึงองค์หญิง เปิดเผยเรื่องที่นางมีลูกก่อนแต่งงานต่อหน้าธารกำนัลภายในท้องพระโรง อาณาจักรเทียนอวี่…จะมองนางอย่างไร?
สายพระเนตรของฮ่องเต้เหลือบมองไปยังองค์ชายรองที่อยู่ข้าง ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
ผ่านไปครู่หนึ่งพระองค์ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย สายตาขององค์ชายรองประกายความอ่อนโยนและเอาอกเอาใจ ทอดมองท่าทางหัวเราะคิกคักของหนานหนานโดยมิได้รู้สึกหงุดหงิดแม้แต่น้อย สีหน้านั้นเห็นได้ชัดว่าเอาอกเอาใจหนานหนานจากก้นบึ้งของหัวใจ
ฮ่องเต้แอบรู้สึกหนักอึ้งกลางหทัยเล็กน้อย ดูเหมือนว่าองค์ชายรองจะรู้เรื่องนี้มากกว่าที่พระองค์รู้เสียอีก หรืออาจพูดได้ว่าฮ่องเต้ของอาณาจักรเทียนอวี่รู้เรื่องราวต่าง ๆ มากกว่าพระองค์
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ภายในพระทัยของฮ่องเต้กลับรู้สึกเสียสมดุลขึ้นมา หนานหนานเป็นพระนัดดาของพระองค์ เป็นเด็กที่พระโอรสของพระองค์รักสุดหัวใจ ทว่าพระองค์กลับเพิ่งมารู้ถึงการมีตัวตนของหนานหนานตอนที่เขาอายุห้าขวบ จากท่าทางของหนานหนาน เห็นได้ชัดว่าคงสนิทชิดเชื้อกับอาณาจักรเทียนอวี่มากกว่า
“แค่ก หนานหนาน เมื่อครู่เจ้า…เรียกแม่นางชิงว่า ท่านแม่?” ไทเฮาเห็นว่าผ่านไปครู่ใหญ่แต่ฮ่องเต้กลับยังมิตรัสสิ่งใด ทำแค่เพียงแสดงสีพระพักตร์ลึกซึ้งจนยากเกินกว่าจะคาดเดาได้ ท้ายที่สุดพระนางจึงเป็นคนตรัสออกมาก่อน เพื่อเป็นการทำลายความเงียบภายในห้องโถง
เพียงแต่แม้กระทั่งไทเฮาก็รู้สึกยากเกินกว่าจะเชื่อได้เช่นกัน
นางรู้สึกประหลาดพระทัยมาโดยตลอดและเคยลองส่งคนไปสืบหาประวัติความเป็นมาของหนานหนาน กลับไม่เคยคิดเลยว่าบิดาของหนานหนานคือพระนัดดาของนาง ส่วนมารดา…กลับเป็นองค์หญิงของอาณาจักรเทียนอวี่ ไม่แปลกใจที่เด็กคนนี้ทำตัวหยิ่งยโส สถานะเช่นนี้ ทั้งยังได้รับความรักและมีความสามารถดี ๆ ติดตัว เขายังต้องกลัวใครอีก?
หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ ท้ายที่สุดจึงปล่อยมือเล็ก ๆ ที่กำลังกอดขาของอวี้ชิงลั่ว จากนั้นจึงหันมาทำความเคารพไทเฮาด้วยความเฉลียวฉลาด “ใช่แล้ว ไทเฮา นางคือท่านแม่ของข้าเอง แม้ว่านางจะมิได้มีความหล่อเหลาสง่างามสุภาพอ่อนโยนใครเห็นก็ต้องรักแบบหนานหนาน แต่ท่านแม่ก็ยังเป็นสตรีที่หนานหนานรักมากที่สุดในโลก”
ฮ่องเต้ยิ่งรู้สึกขาดความสมดุลทางหทัย รักมากที่สุดในโลก? ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้ก็เคยพรรณนาเช่นนี้กับพระองค์มาก่อนเช่นกัน
ไทเฮาถูกคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของหนานหนานทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ส่ายพระพักตร์พลางถลึงพระเนตรใส่หนานหนานเล็กน้อย จากนั้นจึงช้อนสายพระเนตรทอดมองสตรีที่ยืนอยู่เบื้องพระพักตร์เพื่อพิจารณาอีกหน นี่เป็นครั้งแรกที่ไทเฮาและอวี้ชิงลั่วได้เจอหน้ากัน คราวก่อนตอนแข่งวรยุทธ์แม้ว่าจะเคยพูดคุยกัน ทว่าก็ยังไม่เคยได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง
บนโลกใบนี้ช่างบังเอิญเสียกระไร คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีที่นางคิดว่ามีความฉลาดปราดเปรื่องในตอนแรก ปรากฏว่าเป็นมารดาของหนานหนาน ไม่แปลกใจเลยที่ตอนแรกหลังจากได้ยินคำพูดให้ร้ายหนานหนานเพียงไม่กี่ประโยค จะทำให้นางกระฟัดกระเฟียดถึงขนาดนั้น ไม่แปลกใจเลยที่หนานหนานก็มีความฉลาดและซุกซนเช่นนี้
“เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อนางมีตราประทับ ทั้งยังเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักร องค์หญิงคนหนึ่งจะมีลูกก่อนแต่งงานได้อย่างไรกัน?” องค์ชายสามอุทานด้วยความตกใจขณะได้สติกลับมา เขาเม้มริมฝีปากขณะถลึงตามองเย่ซิวตู๋ด้วยสายตาดุดัน
เย่ซิวตู๋มีบุตรชายยังพอทน แต่บุตรชายของเขากลับมีความสามารถเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ ตอนนี้แม้แต่ไทเฮาที่แสดงท่าทางไม่แยแสต่อเย่ซิวตู๋มาโดยตลอด ก็เปลี่ยนแปลงมุมมองต่อเด็กคนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
เขาคิดว่า มารดาของเด็กคนนี้คงมีสถานะที่ไม่เป็นที่รู้จัก เขาคิดว่าหลังจากเย่ซิวตู๋แต่งงานกับองค์หญิงเทียนฝู หลังจากนี้เด็กคนนี้อาจมิได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี
ใครจะไปคิด ไม่เพียงแต่เป็นบุตรชายของเย่ซิวตู๋ แต่ยังเป็นบุตรชายของเย่ซิวตู๋กับองค์หญิงอาณาจักรเทียนอวี่ มีโล่คุ้มหลังที่มีความแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างอาณาจักรเทียนอวี่เช่นนี้ หลังจากนี้เขาจะสู้กับเย่ซิวตู๋ได้อย่างไร?
เย่ซิวตู๋หัวเราะเยาะหนึ่งเสียง หันมององค์ชายสามปราดหนึ่ง เจ้าสามยังคงมีหน้าตาโฉดเขลาเบาปัญญาเหมือนอย่างเคย “พี่สาม ความจริงก็คือความจริง เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ หรือท่านอยากให้หยดเลือดพิสูจน์อีกครั้ง เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกระหว่างชิงเอ๋อร์และหนานหนาน?”
องค์ชายสามอ้าปากค้าง เมื่อครู่เขากำลังคิดจะพูดเช่นนี้ ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของเย่ซิวตู๋ก็พอจะทราบได้ ทำสิ่งเหล่านี้ไปก็มีแต่จะสูญเปล่า บุรุษผู้นี้…บุรุษผู้นี้ไม่เคยทำในสิ่งที่ไม่มั่นใจ ต่อให้วันนี้มีเงื่อนไขแต่ละอย่างที่ไม่เอื้ออำนวยสำหรับเย่ซิวตู๋ ต่อให้อีกฝ่ายยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนโดยไม่พูดสิ่งใดแม้แต่ประโยชน์เดียว เขาก็ยังเป็นผู้ชนะอยู่ดี
องค์ชายสามแอบหดหู่ มองเย่ซิวตู๋ด้วยท่าทางราวกับไม่ค่อยเต็มใจ จากนั้นจึงหัวเราะเยาะออกมา
เอาสิ เจ้าภาคภูมิใจไปเถิด ข้าจัดการกับเจ้าไม่ได้ ก็มิได้หมายความว่าคนอื่นจะจัดการกับเจ้าไม่ได้ ถึงอย่างไรการมีลูกโดยที่ยังไม่แต่งงาน เรื่องนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไร้เหตุผล ต่อให้เสด็จพ่อไม่กล่าวโทษ เหมิงกุ้ยเฟยไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้โดยไม่ซักถามมูลเหตุ อวี้สื่อเหล่านั้นย่อมต้องกล่าวหากันอย่างบ้าคลั่ง
เหอะ อีกอย่างก็ยังมีทูตของสามอาณาจักรนั่งอยู่ที่นี่ด้วย
ความคิดขององค์ชายสามยังไม่ทันสิ้นสุด เหมิงกุ้ยเฟยพลันลุกพรวดขึ้น สีหน้าตึงเครียดขณะกล่าวด้วยความโกรธขึ้งว่า “ไร้สาระ ซิวเอ๋อร์ หมู่เฟยอบรมสั่งสอนเจ้าอย่างไร? เหตุใดเจ้าถึงได้ทำเรื่องหยามเหยียดราชวงศ์เช่นนี้? ไม่เพียงแต่ทำให้ราชวงศ์ต้องอับอาย แม้แต่ตระกูลเหมิงก็ต้องอับอายเพราะเจ้าด้วย”
“แบบนี้จะเรียกว่าอับอายได้อย่างไรกัน?” ระหว่างที่ทุกคนกำลังเลือดพลุ่งพล่านเพราะคำพูดของเหมิงกุ้ยเฟย จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยที่แฝงด้วยความสับสนของหนานหนานดังขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีหลักฐานชัดเจนด้วยเอ้า องค์ชายสามไปไม่เป็นเลยทีนี้
นังกุ้ยเฟยนี่ขัดตลอด กินปูนร้อนท้องใช่ไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)