อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 402 รัตติกาลอันมืดมิดและมีลมกระโชกแรง
ตอนที่ 402 รัตติกาลอันมืดมิดและมีลมกระโชกแรง
ตอนที่ 402 รัตติกาลอันมืดมิดและมีลมกระโชกแรง
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง หันมองหนานหนานที่แสดงสีหน้ามึนงงระคนน้อยใจ
“ท่านย่า เมื่อเช้าท่านยังบอกว่ารักหนานหนานอยู่เลย เหตุใดตอนนี้…หรือว่าการที่หนานหนานเกิดออกมา ถือเป็นเรื่องน่าอายสำหรับท่านย่า? เช่นนั้นหนานหนานก็ไม่ควรเกิดมาตั้งแต่แรกใช่หรือไม่? เช่นนั้น…เช่นนั้น…เช่นนั้นท่านย่าก็มอบโทษประหารชีวิตให้หนานหนานเถิด”
เหมิงกุ้ยเฟยถึงกับสำลัก พูดไม่ออกแม้แต่ครึ่งประโยค
“เหตุใดถึงต้องมอบโทษประหารด้วยเล่า?” ซ่างกวนจิ่นที่ยืนไม่พูดไม่จาอยู่ข้าง ๆ มาครู่ใหญ่ กล่าวเสียงสูง “หนานหนานฉลาดปราดเปรื่องถึงเพียงนี้ หากให้ตายไปเช่นนี้จะน่าเสียดายมากเพียงใด? สู้ไปอาณาจักรจิงเหลยกับเราไม่ดีกว่าหรือ? หากที่นี่ไม่มีที่ว่างสำหรับเจ้า อาณาจักรจิงเหลยรับประกันว่าจะมอบชีวิตกินดีอยู่ดีให้แก่เจ้าเอง”
แม้แต่ตัวซ่างกวนจิ่นเองก็ไม่รู้ว่าการที่ตนเองพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาในตอนนี้แท้จริงแล้วมีความคิดอย่างไร ทว่าคำพูดเช่นนี้ได้หลุดออกมาแล้ว ตอนที่พูดคำพูดนี้ สายตากำลังจ้องมองไปที่อวี้ชิงลั่ว
คำพูดเหล่านั้นของเหมิงกุ้ยเฟยเมื่อครู่กำลังต่อว่าเย่ซิวตู๋ ทว่าปลายหอกที่อยู่ในคำพูดกลับจ่อเข้าหาอวี้ชิงลั่ว เห็นได้ชัดว่าได้เปลี่ยนวิธีการพูดเป็นการพูดถึงเรื่องการไม่รักษาจรรยาบรรณของสตรีเพศของอวี้ชิงลั่ว ทำให้ราชวงศ์และอาณาจักรเทียนอวี่ต้องเสียหน้า
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อซ่างกวนจิ่นได้ยินคำพูดเช่นนี้ ภายในใจกลับรู้สึกรังเกียจอย่างมาก
เย่ซิวตู๋เบือนหน้าไปมองพลางขมวดคิ้วมุ่น ซ่างกวนจิ่นผู้นี้เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริง ๆ เมื่อเช้ายังคิดจะเล่นงานหนานหนานให้ถึงตาย ตอนนี้กลับช่วยพูดแทนเขาแล้ว?
อีกอย่าง การมองด้วยสายตาเช่นนั้นของอีกฝ่ายก็แปลกประหลาดเกินไปแล้ว แปลกจนทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
หนานหนานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้าด้วยท่าทางฉลาดปราดเปรื่องเป็นอย่างยิ่ง “ข้าไม่อยากไปอาณาจักรจิงเหลย มีงูพิษฉกข้า คงได้ตายแน่”
“ไม่มีปัญหา แม่ของเจ้าเป็นถึงหมอปีศาจ ก็แค่งูพิษ นางยังเห็นอยู่ในสายตาอีกหรือ?”
เหมิงกุ้ยเฟยตกตะลึง ฮ่องเต้ก็รู้สึกเย็นวาบโดยพลัน นี่มัน…อุปราชของอาณาจักรจิงเหลย ไม่เพียงแต่คิดจะพาตัวหนานหนานไป แต่ยังคิดจะพาตัวหมอปีศาจไปด้วย?
ใช่แล้ว คำพูดของซ่างกวนจิ่นกำลังเตือนทุกคนว่า สตรีผู้นี้ไม่เพียงแต่เป็นมารดาของหนานหนาน แต่ยังเป็นหมอปีศาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังใต้หล้า หมอปีศาจเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการช่วยเหลือมนุษย์มามากมาย ทั้งยังเป็นบุคคลที่สี่อาณาจักรต่างออกตามหามาโดยตลอด
บัดนี้ หมอปีศาจกำลังจะแต่งงานเข้ามาอยู่ในอาณาจักรเฟิงชางแล้ว ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ จะปล่อยให้อุปราชของอาณาจักรจิงเหลยพาตัวไปได้อย่างไรกัน?
ซ่างกวนจิ่นผู้นี้เป็นคนร้ายกาจมีแผนอุบายมากมาย หากคิดจะใช้ประโยชน์จากหมอปีศาจเพื่อทำบางสิ่ง เกรงว่าคงมิอาจขัดขวางความทะเยอทะยานของเขาได้
ตอนนี้ ไม่เพียงแต่องค์ชายสาม แม้แต่ขุนนางภายในท้องพระโรงเหล่านั้นที่คิดจะแสดงท่าทีว่าไม่พอใจ ก็ถึงกับปิดปากอย่างเชื่อฟัง ทั้งยังมองมาที่ซ่างกวนจิ่นด้วยสายตาโกรธขึ้ง
อวี้ชิงลั่วมองซ่างกวนจิ่นด้วยสายตาประหลาดใจปราดหนึ่ง เหตุใดนางถึงรู้สึกได้ว่า บุคคลผู้นี้จงใจพูดคำพูดเหล่านั้น? นี่เขากำลังช่วยนางอยู่หรือ?
ฮ่องเต้ดึงพระดำริกลับมา ทอดพระเนตรมองซ่างกวนจิ่นด้วยสายตาแฝงความหมายอันลึกซึ้ง ตรัสเคล้าพระสรวลว่า “อุปราชคิดมากไปแล้ว หนานหนานคือพระนัดดาของเรา ยังจะมีใครกล้าพูดว่าการกำเนิดของเขาเป็นเรื่องน่าอาย? ใครจะกล้ามอบโทษประหารแก่เขา? นั่นมิเท่ากับไม่เห็นเราอยู่ในสายตาหรอกหรือ?”
เหมิงกุ้ยเฟยที่กำลังจะอ้าปากพูดถึงกับรีบปิดปากเงียบสนิททันใด กลับไปนั่งที่ตำแหน่งเดิมอย่างไม่เต็มใจ
“แต่ซิวเอ๋อร์ เรื่องที่เจ้าทำเช่นนี้ ถือเป็นการดูหมิ่นอาณาจักรจริง ๆ เจ้าต้องอธิบายเรื่องนี้กับเราและขุนนางทั้งหมด ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นท่านอ๋องแห่งอาณาจักร เป็นบุคคลที่ผู้คนทั่วอาณาจักรให้ความเคารพ เรื่องนี้…ต้องอธิบายให้เข้าใจ”
ที่นี่มีขุนนางจำนวนมากขนาดนั้นมองอยู่ เรื่องนี้ ต่อให้ฮ่องเต้อยากแก้ปัญหาอย่างเป็นความลับ แต่ก็ต้องฝืนกัดพระทนต์ให้ทุกคนเป็นพยาน
ซิวเอ๋อร์เป็นคนฉลาด ย่อมคาดการณ์ถึงสถานการณ์ในวันนี้มาก่อนแล้ว คิดว่าภายในใจของเขาคงแผนในการรับมือแล้วกระมัง
ถึงกระนั้น แม้ว่าฮ่องเต้จะคิดเช่นนี้ ทว่าภายในพระทัยกลับยังรู้สึกกระสับกระส่าย หรี่พระเนตรทอดมองไปยังเย่ซิวตู๋
เย่ซิวตู๋เพียงแค่แย้มยิ้ม ยื่นมือออกมาดันหลังของหนานหนาน
เด็กน้อยทำราวกับตนเองต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งโดยพลัน เดินเชิดหน้ายืดอกออกมา “เสด็จปู่ เรื่องนี้หนานหนานรู้ดีที่สุด หนานหนานอธิบายได้”
“อ๋อ? หนานหนานรู้เรื่องด้วยรึ?” ไทเฮาเลิกพระขนงพลางตรัสถาม
ฮองเฮาที่ประทับอยู่ข้าง ๆ เม้มพระโอษฐ์แน่น ไทเฮาคือพระปิตุจฉาของพระนาง หลายปีที่อยู่ในวัง ฮองเฮารู้จักนิสัยของพระปิตุจฉาผู้นี้ดีที่สุด ไทเฮามีความคิดอนุรักษนิยม สิ่งที่ไทเฮาทนทอดพระเนตรมิได้มากที่สุดก็คือเรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้ ทว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ พระนางกลับไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เย่ซิวตู๋มีลูกทั้ง ๆ ที่ยังไม่แต่งงาน ดูเหมือนว่า ไทเฮาคงลำเอียงไปทางหนานหนานมากเกินไปหน่อยแล้ว
ฮองเฮาจึงรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
หนานหนานพยักหน้าให้ไทเฮาด้วยรอยยิ้ม เอ่ยปากกล่าวราวกับเป็นเช่นนั้นจริง ๆ “เรื่องนี้ หากให้เล่าก็คงยาว แต่ข้าสามารถสรุปให้สั้น ๆ ได้”
“ท่านแม่ของข้าผู้นี้มีความงดงามราวบุปผาเปล่งปลั่งสดชื่น ไร้เดียงสา น่ารัก กล้ายืนหยัดเพื่อความถูกต้อง เป็นอิสตรีที่มิได้ด้อยไปกว่าบุรุษ มีจิตใจงดงาม…โอ๊ย…ท่านแม่ ข้าอุตส่าห์ใช้สำนวนทั้งหมดที่ข้าพอจะนึกออกแล้วนะ ท่านยังไม่พอใจอีกรึ?
อวี้ชิงลั่วถึงกับมุมปากกระตุกวูบ ยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าบอกจะสรุปใจความสั้น ๆ มิใช่รึ? ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระมากมายขนาดนั้น”
“อ๋อ” หนานหนานพยักหน้าด้วยท่าทางน่าสงสาร จากนั้นจึงเชิดหน้าขึ้นอีกครั้งพลางส่ายหน้าอีกสองหน แสดงสีหน้าที่ดูค่อนข้างบิดเบี้ยวใส่ฮ่องเต้และไทเฮา กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ถึงอย่างไร ก็ถูกต้องแล้วที่ท่านแม่ของข้ามีข้อดีเยอะมาก ๆ”
เขาพูดประจบประแจงเช่นนี้ ท่านแม่ก็คงไม่คิดบัญชีเขาย้อนหลังแล้วกระมัง?
“ดังนั้น ตอนที่ท่านแม่ของข้ายังเด็กก็เป็นเช่นเดียวกับหนานหนาน ใครเห็นก็ต้องรักใคร่ ทุกคนล้วนโปรดปรานท่านแม่ของข้า ทั้งยังประคบประหงมท่านแม่ของข้า จากนั้น ท่านแม่ของข้าก็ไปเรียนแพทย์ เมื่อทักษะทางการแพทย์สูงแล้ว ก็เกิดเรื่องโหดร้ายจนคิดว่าไม่น่าจะมีอยู่บนโลกใบนี้ สวรรค์และปฐพีเปลี่ยนสี แล้วก็…”
หนานหนานหันมองอวี้ชิงลั่วที่มีสีหน้ามืดหม่น กลืนน้ำลายพร้อมกับหยุดพูด จากนั้นจึงพูดประโยคถัดไป
“ถึงอย่างไร เสด็จตาของข้าได้อนุญาตให้ท่านแม่ได้ทำในสิ่งที่นางปรารถนา ทั้งยังอนุญาตให้นางเสียสละตนเองเพื่อออกไปช่วยเหลือผู้อื่น เฮ้อ ท่านแม่ของข้าเป็นคนจิตใจดี ทั้งยังเป็นหมอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องรักษาโรคและช่วยชีวิตมนุษย์ พวกท่านคิดว่าจริงหรือไม่?”
องค์ชายรองแทบร่ำไห้ หนานหนาน วิธีการเล่าเรื่องเช่นนี้ของเจ้า เกรงว่าฟ้ามืดก็คงยังเล่าไม่ถึงช่วงเวลาที่เจ้าเกิดออกมากระมัง บอกจะเล่าสั้น ๆ มิใช่รึ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเล่าให้ยาวต่างหากเล่า เล่าเรื่องไร้สาระมากมายขนาดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการยกยอปอปั้นคุณธรรมอันดีงามของมารดาตนเอง
พอเถิด พวกเขารู้ดีว่าแม่ของเจ้ามีความเก่งกาจและจิตใจดีมากเพียงใด พูดเรื่องต่อไปเถิด
หนานหนานไม่สนใจสีหน้าของทุกคน เขาคิดว่านักเล่าเรื่องเหล่านั้นที่อยู่ในโรงเตี๊ยมช่างสุดยอดเหลือเกิน เป็นเรื่องยากกว่าเขาจะได้มาเป็นนักเล่าเรื่อง จะไม่บรรยายให้ชัดเจนได้อย่างไร จะไม่ทำให้คนอื่น ๆ เกิดความประทับใจอย่างสุดซึ้งได้อย่างไรกัน?
“ในรัตติกาลอันมืดมิดมีลมกระโชกแรงคืนนั้น ยามราตรีมืดสงัดถึงขั้นที่ยื่นมือออกมาแล้วไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้า ยื่นเท้าออกมาก็มองไม่เห็นเท้า จู่ ๆ ในเวลานี้เอง ก็เกิดเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายสะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดินทำให้ท้องนภาและผืนปฐพีเปลี่ยนสีอย่างคาดไม่ถึง หากให้เล่าจริง ๆ นั่นเป็นเรื่องราวความรักแสนงดงามอันน่าเศร้า ทุกคนเตรียมผ้าเช็ดหน้าให้พร้อม”
อวี้ชิงลั่วเกิดความคิดอยากตายขึ้นมาเสียแล้ว ตอนที่นางเบือนหน้า กลับพบว่าองค์ชายรองและเย่ซิวตู๋ต่างกำลังกลั้นขำ มุมปากของนางกระตุกวูบขณะถลึงตาใส่พวกเขาทั้งสองอย่างดุดัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไหนว่าจะเล่าสั้น ๆ ไงหนานหนาน ผู้แปลเองก็ใจร้อนอยากเผือกเหมือนกันนะ เอาล่ะค่ะอดทนฟังต่อว่าเจ้าเด็กนี่จะพูดอะไร
ไหหม่า(海馬)