อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 405 กล่าวเกินจริงเกินไปแล้ว
ตอนที่ 405 กล่าวเกินจริงเกินไปแล้ว
ตอนที่ 405 กล่าวเกินจริงเกินไปแล้ว
ทุกคนได้ยินก็ถึงกับชะงักงัน เรื่องสำคัญที่สุด?
“จะว่าไป ก็เป็นยามราตรีเดือนดับที่มีลมกระโชกแรงคืนหนึ่ง”
“เจ้าไปเอาเดือนดับที่มีลมกระโชกแรงมากมายเหล่านั้นมาจากที่ใด?” อวี้ชิงลั่วถึงกับขัดอย่างอดไม่ได้ เจ้าเด็กคนนี้ไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ สินะ?
หนานหนานบุ้ยปาก “ข้าก็แค่บรรยายตามสถานการณ์จริง ท่านแม่อย่าขัดจังหวะสิ”
“นั่นสิ ๆ แม่นางชิงอย่ารบกวน หนานหนานเล่าต่อเลย” ไม่รู้ว่าเป็นนางสนมคนใด จู่ ๆ ก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นมาหนึ่งเสียง
คนอื่น ๆ ภายในท้องพระโรงจึงพยักหน้าเออออตามไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่
อวี้ชิงลั่วถึงกับสำลัก ขอร้องเถอะ นางคือตัวละครหลักในเรื่องนี้มิใช่รึ? นางไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยปากพูดเชียวหรือ?
หนานหนานยิ้มให้นางด้วยความภาคภูมิใจ ทว่าเป็นเพราะสายตาเหี้ยมโหดของอวี้ชิงลั่ว เขาจึงรีบดึงสายตากลับไปอีกหน
หนานหนานหดคอ เล่าต่อไปว่า “สรุปก็คือ ในยามราตรีคืนนั้น มีลมกระโชกแรง บรรยากาศก็มืดสงัดอย่างน่าประหลาด จู่ ๆ ท่านแม่ก็รู้สึกไม่สบายท้องอย่างมาก นางนอนอยู่ในบ้านเก่าคร่ำคร่าแห่งหนึ่งเพียงลำพัง ตกที่นั่งลำบากปราศจากคนช่วยเหลือ ตรงนั้นไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมอตำแย”
“ศีรษะของท่านแม่เต็มไปด้วยเหงื่อบนใบหน้าเปื้อนด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลริน หากมิใช่เพราะนางมีทักษะทางการแพทย์ติดตัว ป้อนยาเพื่อต่อลมหายใจให้ตนเอง เกรงว่าคงทนไม่ไหวไปแล้ว ท่านแม่เจ็บปวดมาก ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดถึงขีดสุด ในที่สุด ข้างบ้านหลังนั้นก็มีสตรีนางหนึ่งได้ยินเสียงร้องของท่านแม่จึงวิ่งเข้ามา มีคนเข้ามาช่วยเหลือ ในที่สุดท่านแม่ก็พอได้ผ่อนคลายลงบ้าง ทว่าสตรีผู้นั้นมิใช่หมอตำแย จึงไม่รู้ว่าควรจะทำคลอดอย่างไร จึงเกิดความวุ่นวายจนมือพันเป็นระวิง”
“แม้ว่าท่านแม่ของข้าจะหมดสติไปแล้ว แต่เป็นเพราะห่วงลูกที่อยู่ในท้อง…อ๋อ…ก็คือข้านั่นเอง…นางมิอาจปล่อยให้เกิดเรื่องกับข้าได้ ดังนั้นนางจึงหยิกแขนตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่า หยิกจนแขนแดงเป็นปื้น ในที่สุดก็ได้สติกลับมา นางพยายามทำให้ลมหายใจกลับมาเป็นปกติ เพื่อให้ตนเองใจเย็นลง จากนั้นจึงสั่งให้สตรีผู้นั้นช่วยทำคลอดให้”
ระหว่างที่หนานหนานพูด เขาก็เงยหน้ามองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง
อันที่จริงเขาก็พอจะทราบดี ตอนที่ท่านแม่คลอดเขาออกมา คงทรมานกว่าเรื่องเหล่านี้ที่เขาเพิ่งเล่าไปเมื่อครู่หลายร้อยเท่า ตอนนั้นคนของอวี๋จั้วหลินกำลังไล่สังหารท่านแม่และแม่นมเก๋อ ตอนนั้นต้องอยู่ในวัดร้างสุดแสนจะสกปรก ตอนนั้นท่านแม่เผชิญกับภาวะคลอดยากจนทำให้เสียเลือดมาก ส่งผลให้นางหมดสติไป
ตอนนั้นแม่นมเก๋อคิดว่าท่านแม่ตายไปแล้วจริง ๆ ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด คาดว่าคงคิดอยากจะคลอดลูกออกมากระมัง จู่ ๆ นางก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับใช้พลังทั้งหมดที่มีเบ่งหนานหนานออกมา
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ภายในใจของหนานหนานก็รู้สึกเศร้าโศก เสียงก็หยุดลงด้วย
ภายในท้องพระโรงเข้าสู่ความเงียบสงัดไร้สิ้นเสียง ทุกคนต่างก็รอให้หนานหนานเล่าต่อ คนที่รู้สึกบีบหัวใจเพราะคำบรรยายของหนานหนาน บัดนี้กำลังมองไปที่เด็กน้อยที่ยืนอยู่กลางท้องพระโรงด้วยความประหลาดใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง มีคนเตือนขึ้นมาว่า “เหตุใดถึงไม่เล่าต่อ?”
ราวกับหนานหนานไม่ได้ยินคำพูดนั้น จู่ ๆ เขาก็วิ่งเข้ามาหาอวี้ชิงลั่ว มือเล็ก ๆ โอบกอดรอบเอวของนาง พูดด้วยอารมณ์เศร้าโศกว่า “ท่านแม่…ขอบคุณท่านแม่…ขอบคุณที่ท่านแม่พยายามปกป้องข้า…มอบชีวิตให้กับข้า…ท่านแม่…หนานหนาน…หลังจากนี้หนานหนานจะกตัญญูต่อท่านแม่ จะทำดีกับท่านแม่”
อวี้ชิงลั่วแอบถอนหายใจ ย่อตัวลงเล็กน้อย กอดร่างเล็ก ๆ ทว่ามั่นคงของหนานหนาน กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เอาเถอะ แม่รู้ว่าหนานหนานเป็นเด็กดี”
อวี้ชิงลั่วไม่รู้ว่าแม่นมเก๋อเล่าเรื่องเหล่านี้ให้หนานหนานฟังตั้งแต่เมื่อใด แต่นางรู้ว่าทุกครั้งที่เด็กคนนี้นึกถึงอดีตเหล่านี้ ก็จะมองมาที่นางด้วยความรู้สึกปวดใจ และเข้ามากอดนางอย่างไม่มีเหตุผล
เย่ซิวตู๋กำมือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวเล็กน้อย จ้องมองเงาของสองแม่ลูกคู่นี้ มีแวบหนึ่งที่เขาอยากจะปรี่ตัวเข้าไปหา กอดคนสองคนที่เขารักสุดหัวใจไว้ในอ้อมกอด บอกพวกเขาว่า หลังจากนี้ยังมีเขาอยู่ เขาจะไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องรับความอยุติธรรมเช่นนั้นอีกแล้ว
ภายในท้องพระโรงเงียบสงัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไทเฮาที่ประทับอยู่บนพระที่นั่งประธาน ก็รับผ้าเช็ดหน้าที่ลวี่ฝูยื่นให้เพราะทนมิไหว นางตรัสด้วยอารมณ์ความรู้สึกว่า “นั่นสิ สตรีคนหนึ่งเมื่อเป็นแม่คนแล้ว เพื่อลูก ต่อให้ทรมานและเจ็บปวดมากกว่านี้ก็ไม่กลัว ฮ่องเต้ แม่นางชิงเป็นคนดีคนหนึ่ง นางได้ปกป้องผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งแก่อาณาจักรเฟิงชางของเรา”
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ สายพระเนตรกวาดมองไปรอบ ๆ ท้องพระโรงรอบหนึ่ง ก็พบว่าขุนนางและสุภาพสตรีจำนวนมากมีสายตาที่อ่อนโยนลง มองดูสองแม่ลูกคู่นั้นด้วยอารมณ์หวั่นไหว แม้แต่อวี้สื่อที่มีความเข้มงวดและค่อนข้างอวดดีไม่กี่คนเหล่านั้นก็แอบถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ เม้มปากราวกับยอมประนีประนอมแล้ว
หนานหนานร้องไห้น้ำตาหยดลงมาหลายเม็ด ก่อนจะผลักอวี้ชิงลั่วที่อยู่ตรงหน้าออกไป ทว่าอารมณ์ของเขากลับยังดูหมองหม่น
องค์ชายรองถอนหายใจ ก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวกล่าวว่า “เรื่องราวหลังจากนั้นให้เราเล่าก็แล้วกัน หลังจากชิงเอ๋อร์คลอดลูก ร่างกายของนางก็ไม่แข็งแรงเท่ากับเมื่อก่อน อีกอย่างเป็นเพราะตอนที่หนานหนานอยู่ในครรภ์เกิดภาวะคลอดยากอยู่นาน จึงทำให้เขาป่วยอยู่บ่อย ๆ หากคิดจะรักษาให้หายย่อมต้องใช้สมุนไพรล้ำค่า จากสภาพร่างกายของชิงเอ๋อร์ ทำให้นางมิอาจขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนหน้าผาเขาสูงเหล่านั้นเพียงลำพังได้ เงินเก็บของชิงเอ๋อร์ก็ถูกใช้จนหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งนางเห็นหนานหนานเป็นลมหมดสติไปต่อหน้าต่อตาถึงครึ่งค่อนวันกว่าจะช่วยกลับมาได้ ชิงเอ๋อร์ตระหนักได้ว่าหากไม่ใช้ยาชั้นดีให้กับหนานหนาน ชีวิตของหนานหนานคงน่าเป็นกังวล นางจึงสั่งให้คนส่งจดหมายกลับมาถึงมือของเรา”
“พวกเราไม่ได้รับข่าวคราวจากชิงเอ๋อร์หนึ่งปีกว่า ๆ เสด็จพ่อก็เป็นกังวลพระทัยมาก หลังจากได้รับจดหมายด่วน ก็สั่งให้เรารีบนำคนมารับตัวชิงเอ๋อร์และหนานหนานกลับไปโดยเร็วที่สุด เมื่อมียาที่ดีที่สุด สภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด คนปรนนิบัติรับใช้ที่คุ้นเคยที่สุด ร่างกายของชิงเอ๋อร์ก็ค่อย ๆ ดีขึ้น ในที่สุดร่างกายของหนานหนานก็แข็งแรง สามารถกระโดดโลดเต้นได้”
“ชิงเอ๋อร์มีลูกโดยที่ยังไม่แต่งงาน ตอนที่ถามนางว่าพ่อของลูกคือใคร ชิงเอ๋อร์ก็ไม่ยอมบอก เสด็จพ่อทรงกริ้วมาก เพียงแต่ถึงอย่างไรชิงเอ๋อร์ก็เป็นพระธิดาที่พระองค์รักมากที่สุด หนานหนานก็เป็นเด็กที่ใคร ๆ ต่างก็รักใคร่ ท้ายที่สุดเสด็จพ่อจึงมิได้ลงโทษชิงเอ๋อร์อย่างโหดเหี้ยม เพียงแต่ เสด็จพ่อต้องการหาคู่หมั้นให้ชิงเอ๋อร์ ภายในใจของชิงเอ๋อร์ยังมีท่านซิวอ๋อง จึงทำใจมิได้ที่จะให้หนานหนานยอมรับบุรุษอื่นเป็นพ่อ นางจึงออกจากวัง พาหนานหนานประกอบอาชีพเป็นหมอรักษาโรคช่วยเหลือมหาชนต่อไป ชื่อเสียงของหมอปีศาจก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ”
“เมื่อสี่ปีก่อน ท่านอ๋องซิวได้ทราบเรื่องหมอปีศาจบุคคลหมายเลขหนึ่งผู้นี้ ข่าวและคำอธิบายที่เขาได้รับมีความคล้ายคลึงกับชิงเอ๋อร์ที่เขารู้จักอย่างมาก ต่อให้มีความหวังเล็ก ๆ ท่านอ๋องซิวก็ยังเลือกที่จะออกจากเมืองหลวง เริ่มเสาะหาหมอปีศาจ การตามหานี้ใช้เวลานานมาก”
ทุกคนจึงตระหนักขึ้นได้ “ที่แท้ที่ท่านอ๋องซิวหายตัวไปจากเมืองหลวงอย่างฉับพลันเมื่อสี่ปีก่อน ก็เป็นเพราะตามหาแม่นางชิงนี่เอง”
“นั่นสิ สวรรค์ย่อมเมตตาคนที่มีความเพียร ครอบครัวของพวกเขา ในที่สุดก็ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที”
อวี้ชิงลั่วลอบกลอกตามองบน กล่าวเกินจริงเกินไปแล้วจริง ๆ เหตุใดคนเหล่านี้ถึงเชื่อ ปักใจเชื่อไปได้อย่างไรกัน? อะไรกัน ไม่เคยมีเรื่องราวคล้ายคลึงกันผ่านหูพวกเขาเลยหรือ?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ศีลเสมอกันจริงๆ เลยทั้งหนานหนานทั้งองค์ชายรอง แต่งเรื่องจนแนบเนียนไร้รอยต่อเลย ทั้งคู่ควรจับมือกันแต่งฟิคนะคะ
ไหหม่า(海馬)