อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 407 ท่านจะดุใส่ทำไม
ตอนที่ 407 ท่านจะดุใส่ทำไม
ตอนที่ 407 ท่านจะดุใส่ทำไม
แค่โดนโบยสามสิบไม้ และเป็นทหารชั้นผู้น้อยหน้าประตูเมืองหนึ่งเดือน
ดูเหมือนว่า ฮ่องเต้ยังคงโปรดปรานอวี๋จั้วหลิน พระองค์ยังตั้งความหวังกับอวี๋จั้วหลินไว้สูง อนาคตอาจมีโอกาสพลิกกลับคืน
อวี๋จั้วหลินเองก็คิดถึงจุดนี้เช่นกัน ดวงตาที่หลุบต่ำลอบปรากฏแสงสว่างวาบผ่านหนึ่งสาย มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น แอบยิ้มเยาะเงียบ ๆ
เพียงไม่นานก็มีองครักษ์เดินเข้ามาจากด้านนอก เข้ามาลากตัวอวี๋จั้วหลินในทันที
ฮูหยินใหญ่ตระกูลอวิ๋คิดจะรั้งแต่ก็ไม่กล้ารั้ง ทำได้เพียงแค่มองบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเองถูกลากตัวออกไปต่อหน้าต่อตา เพียงไม่นาน ด้านนอกก็เกิดเสียง ‘เพียะ ๆๆ’ ดังขึ้น
ฮ่องเต้มิได้ยินคำคัดค้านของเย่ซิวตู๋ อวี้ชิงลั่วและคนอื่น ๆ จึงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ทั้งยังคลึงหว่างพระขนงของตนเองด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ตรัสว่า “เราเองก็เหนื่อยแล้ว แยกย้ายเถิด”
ครั้นตรัสจบ ก็พบเหมียวเชียนชิวสาวค้อมกายสาวเท้าสั้น ๆ เข้ามายืนข้างพระวรกาย ใช้มือประคองฮ่องเต้ลงจากพระที่นั่ง ก่อนจะเสด็จออกจากท้องพระโรงด้วยการย่างก้าวที่มั่นคง
ไทเฮา ฮองเฮา เหมิงกุ้ยเฟยและคนอื่น ๆ ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน สายพระเนตรทอดมองไปด้านหน้าขณะเสด็จตามออกไป
“กระหม่อมน้อมส่งเสด็จฝ่าบาท” ภายในท้องพระโรงเกิดเสียงแสดงความเคารพของเหล่าขุนนางดังเซ็งแซ่ เพียงไม่นานก็ทยอยออกไปด้านนอก
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ภายในท้องพระโรงขนาดใหญ่จึงเหลือแค่เย่ซิวตู๋ อวี้ชิงลั่ว หนานหนาน รวมถึงครอบครัวของอวี้เจี้ยนต๋าอีกสามคน ฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลอวี๋รีบปรี่ตัวออกจากท้องพระโรงเพราะอดทนรอต่อไปไม่ไหว มองดูอวี๋จั้วหลินถูกโบยพลางร้องไห้สะอื้นอยู่ภายในใจ
ภายในท้องพระโรงเงียบสงัดเหลือประมาณ หัวใจที่บีบรัดอยู่นานของอวี้เจี้ยนต๋าผ่อนคลายลงในที่สุด เขาเงยหน้ามองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาที่ดูซับซ้อนเหลือหลาย
ผ่านไปเนิ่นนาน จึงได้ยินเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของอวี้เจี้ยนต๋าดังขึ้น “ชิงลั่ว…พ่อ…ขอโทษ”
อวี้ชิงลั่วก้มหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูหมิ่น สำหรับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาผู้นี้ แรกเริ่มนางยังแอบมีหวังเล็ก ๆ หวังว่าอย่างน้อย ๆ เขาจะให้ความเป็นธรรมกับอวี้เป่าเอ๋อร์ เห็นความสำคัญกับต้นกล้าเพียงต้นเดียวของตระกูลอวี้
คิดไม่ถึงเลย เขาจะทำให้รู้สึกผิดหวังถึงเพียงนี้
“ใต้เท้าอวี้” อวี้ชิงลั่วย่อตัวลง สายตามองตรงไปที่อีกฝ่าย “คนที่ท่านขอโทษคือบุตรีที่แท้จริงของท่าน มิใช่ข้า วันนี้หากมิใช่เพราะเห็นแก่เป่าเอ๋อร์ที่ขอร้องเพื่อท่าน ข้าไม่มีทางปล่อยท่านไปง่าย ๆ เช่นนั้น”
อวี้เจี้ยนต๋าร่างกายสั่นเทา มองอวี้ชิงลั่วที่มีสีหน้านิ่งสงบทว่าน้ำเสียงกลับอาฆาตพยาบาทด้วยความตกตะลึง เขาอ้าปากค้างทว่ากลับพูดอะไรไม่ออก
“ใต้เท้าอวี้ ดูแลสตรีทั้งสองของตระกูลท่านให้ดี นับจากนี้ให้พวกนางประพฤติตนอย่างเหมาะสมและปฏิบัติตนอย่างสงบเสงี่ยม หากยังเกิดความคิดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เมื่อถูกข้าจับได้แม้เพียงเล็กน้อย ข้าจะทำให้พวกนางต้องตาย ไม่มีทางลงโทษด้วยฝ่ามือเพียงไม่กี่ครั้งแบบนั้นอีกเป็นแน่” อวี้ชิงลั่วยิ้มด้วยรอยยิ้มน่าขนพองสยองเกล้า จนองค์ชายรองที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ ถึงกับเนื้อตัวสั่นเทิ้มไปด้วย
คำพูดเหล่านี้ที่อวี้ชิงลั่วเอ่ยมิใช่เรื่องล้อเล่น นางเป็นคนที่มีแค้นต้องชำระ พูดจริงทำจริงมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นคนที่…มิอาจสร้างความขุ่นเคืองได้
สองแม่ลูกเฉินจีซินถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอด จากเดิมที่เกิดความคิดอยากเงยหน้าถลึงตาใส่นางก็ถูกบีบกลับลงไปอย่างหนัก
“ชิงลั่ว…พวกนาง…ถึงอย่างไรพวกนางก็…ถึงแม้ว่าจีซินจะมิใช่แม่แท้ ๆ ของเจ้า แต่ชิงโหรวก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเจ้านะ” อวี้เจี้ยนต๋าแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหตุใดชิงลั่วถึงได้เปลี่ยนเป็นชั่วร้าย…โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้?
อวี้เป่าเอ๋อร์ทนฟังต่อไปไม่ไหว เดินมาหยุดตรงหน้าอวี้เจี้ยนต๋าด้วยความฉุนเฉียว กล่าวอย่างโกรธขึ้งว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่าได้เอาแต่ปีนเกลียวถึงความสัมพันธ์ของท่านพี่อีก เป่าเอ๋อร์เคยบอกท่านพ่อไปก่อนหน้านี้แล้ว ท่านพี่มิใช่คนของตระกูลอวี้ นางคือองค์หญิงเทียนฝูของอาณาจักรเทียนอวี่ ไม่ว่าจะกับท่านพ่อหรืออวี้ชิงโหรวก็มิได้มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย อีกอย่าง เมื่อครู่ท่านพี่ก็พูดไปแล้วว่าหากพวกนางประพฤติตนเหมาะสมและปฏิบัติตนสงบเสงี่ยมไม่คิดยั่วโทสะพวกเราก่อน ท่านพี่ย่อมไม่คิดจะทำอะไรพวกนาง หากมีวันใดที่เกิดปัญหาขึ้นกับพวกนาง ท่านพ่อก็ควรจะตรึกตรองดูถึงสาเหตุ มิใช่เอะอะก็เอาแต่กล่าวโทษว่าท่านพี่ใจร้าย…ท่านพ่อ…หลายปีมานี้…วันนี้เป็นวันที่เป่าเอ๋อร์ผิดหวังในตัวท่านพ่อมากที่สุด”
อวี้เจี้ยนต๋าถึงกับร่างแข็งทื่อ ผิดหวัง? เขาเงยหน้ามอง ก็พบกับความผิดหวังที่ฉายชัดอยู่ภายในนัยน์ตาคู่นั้นของอวี้ชิงลั่วและอวี้เป่าเอ๋อร์ เป็นความผิดหวังที่มีต่อบุคคลผู้เป็นบิดาอย่างเขา
สีหน้าของอวี้เจี้ยนต๋าขาวซีดโดยพลัน ทั่วทั้งร่างกายราวกับถูกสูบพลังไปจนหมดสิ้น เขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรง
อวี้เป่าเอ๋อร์กล่าวจบ ก็จับมืออวี้ชิงลั่วพลางกระซิบว่า “พวกเราไปกันเถิด”
“ประเสริฐ” อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม ก่อนจะเดินนำออกจากห้องพระโรง
เย่ซิวตู๋และองค์ชายรองหันสบตากัน พวกเขาไม่อยากมองคนของตระกูลอวี้อีกต่อไปแล้ว ตระกูลเช่นนี้ไม่คุ้มค่าที่จะถูกใครรำลึกถึง
ภายในท้องพระโรงไม่มีเงาของพวกเขาแล้ว ความหดหู่และความเงียบงันรุนแรงเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง
มือทั้งสองข้างของอวี้เจี้ยนต๋าที่กำลังค้ำยันอยู่บนพื้น เขาคิดจะลุกขึ้นยืน ทว่ายืนไปได้เพียงครึ่งทาง เรี่ยวแรงภายในร่างกายก็เหมือนกับถูกสูบจนหมดสิ้น จึงล้มกลับลงไปอีกครั้ง เขาพยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็มิอาจที่จะลุกขึ้นยืนได้
อวี้เจี้ยนต๋ามองมือทั้งสองข้างที่ทิ้งลงอย่างไร้เรี่ยวแรงของตนเองด้วยความตื่นตระหนก นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?
“เหอะ มีอะไรให้น่าภาคภูมิใจนักหนา? คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้นังแพศยานั่นได้เห็นดี…ซี๊ด… ”
จู่ ๆ ข้างหูก็มีเสียงของเฉินจีซินดังขึ้น อวี้เจี้ยนต๋าเงยหน้ามองนางด้วยความโกรธขึ้ง “เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก? เจ้าด่าใครว่านังแพศยา?”
“สามี นี่ท่านจะดุใส่ข้าทำไม? ตอนนี้มีแรงด่าข้าแล้วรึ? เมื่อครู่ตอนที่ข้ากับชิงโหรวถูกตบตี เหตุใดถึงไม่กล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียว? ข้าจะด่านางว่านังแพศยาแล้วจะทำไม? นางไม่ยอมรับแม้กระทั่งท่าน นางไม่ยอมรับว่าตนเองคือบุตรีของตระกูลอวี้ ท่านยังจะปกป้องนางไปเพื่ออะไร? นางมันทรยศต่อบรรพบุรุษ ลืมกำพืดตนเอง ขอให้ฟ้าผ่าตายไปซะ” เฉินจีซินพักอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ความเจ็บบนใบหน้าจึงลดลงไปมิน้อย แม้ว่าระหว่างที่พูดจะรู้สึกตึงและเจ็บปวดอยู่ ทว่าภายในใจของนางมีความโกรธอัดแน่นอยู่ ต่อให้เจ็บกว่านี้ก็ต้องระบายออกมา
“หุบปากไปซะ” อวี้เจี้ยนต๋าง้างฝ่ามือขึ้น ทว่าแก้มที่ทั้งแดงและบวมเป่งเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงกลับทำให้เขาตบไม่ลง
เขากระชากมือกลับมาอย่างดุดัน รวบรวมเรี่ยวแรงลุกขึ้นยืนจากพื้นโดยพลัน
“ข้าขอเตือนพวกเจ้าทั้งสอง นับจากวันนี้ประพฤติตัวให้เรียบร้อยอย่าได้ออกนอกลู่นอกทาง หากยังกล้าทำเรื่องอะไรอีก ข้าจะไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเจ้าอีก หลายปีมานี้ข้าตาบอดจริง ๆ ถึงได้ปล่อยให้เจ้าทำร้ายบุตรชายเป็นคนเดียวของตระกูลอวี้”
“ข้าทำร้ายเขาตรงไหน? ตอนนี้อวี้เป่าเอ๋อร์ก็ไม่เห็นพ่ออย่างท่านอยู่ในสายตาแล้วมิใช่รึ? เหอะ ตอนนี้เขาเก่งแล้ว เป็นถึงจวิ้นอ๋องน้อย สถานะของเขาช่างสูงส่งนัก เหตุใดท่านถึงไม่พูดว่าที่เขามีสถานะและตำแหน่งอย่างทุกวันนี้ก็เป็นเพราะข้าที่มอบให้เขา?”
“เจ้านี่มันเถียงข้าง ๆ คู ๆ”
“ข้าพูดผิดตรงไหน? ข้า…”
เสียงทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเฉินจีซินและอวี้เจี้ยนต๋าดังก้องภายในท้องพระโรง ต่อให้อวี้ชิงลั่วและคนอื่น ๆ เดินออกไปไกลแล้ว แต่ความสามารถในการได้ยินของเย่ซิวตู๋และองค์ชายรองกลับได้ยินเสียงทะเลาะนั้นเข้ามาในหูโดยไม่พลาดแม้แต่พยางค์เดียว
ทั้งสองคนยิ้มให้กัน ดูเหมือนว่า เฉินจีซินผู้นั้นคงไม่ได้รับบทเรียนใด ๆ เลย เช่นนี้…ก็อย่ามาโทษพวกเขาก็แล้วกัน
“อ้าว…โบยเสร็จแล้วหรือ?” หนานหนานที่เดินนำอยู่ด้านหน้าหยุดฝีเท้าโดยพลัน เอียงศีรษะมองคนสองคนที่กำลังเดินโซเซอยู่ด้านหน้า
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดูเหมือนไม่ได้สำนึกในบทเรียนเลยสินะนังแก่ เช่นนี้ก็อย่ามีชีวิตอยู่ให้รกหูรกตาอีกเลย ฮึ่มมม อ่านแล้วอิน
ไหหม่า(海馬)