อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 408 อับอาย
ตอนที่ 408 อับอาย
ตอนที่ 408 อับอาย
อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋เงยหน้ามองพร้อมกัน ก็พบว่าฮูหยินใหญ่ตระกูลอวี้กำลังประคองอวี๋จั้วหลินด้วยสภาพน้ำหูน้ำตาไหล กำลังก้าวเดินออกไปด้านนอกทีละก้าวอย่างเชื่องช้า
โบยสามสิบไม้ โบยเร็วเสียจริง
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วเหล่มอง บาดแผลเก่าของอวี๋จั้วหลินยังไม่หายดีก็มีแผลใหม่เข้ามาเพิ่ม เกรงว่าคงต้องนอนติดเตียงมิอาจเคลื่อนไหวได้อีกพักใหญ่
อันที่จริงนางกลับคิดว่า อวี๋จั้วหลินถูกจัดการทีละนิดเช่นนี้ นี่ต่างหากที่เป็นกลยุทธ์ชั้นยอด
ไม่รู้ว่าหากอวี๋จั้วหลินจอหงวนฝ่ายบู๊ผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีผู้นี้ไปยืนเฝ้าประตูเมือง สภาพจะเป็นอย่างไร
เพิ่งครุ่นคิด ก็พบว่าอวี๋จั้วหลินเดินกะเผลก ๆ มาตรงหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อเห็นเท้าคู่หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า ฮูหยินใหญ่และอวี๋จั้วหลินก็เงยหน้าขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ตอนที่เห็นอวี้ชิงลั่วยืนอยู่ด้านหน้าสุด รูม่านตาของอวี๋จั้วหลินพลันหดเล็ก โทสะถึงกับปะทุ “เจ้า…อุบ…”
ฮูหยินใหญ่รีบประคองเขาด้วยความประหม่า พร้อมกับตบเข้าที่หน้าอกของบุตรชายอย่างแรง พยายามไม่ให้เขาบันดาลโทสะ
“ใต้เท้าอวี๋ รสชาติของการถูกโบยสามสิบไม้เป็นเช่นไร?” อวี้ชิงลั่วรู้สดชื่นเป็นพิเศษ โลกช่างงดงามเหลือเกิน แสงแดดจ้า ปักษาส่งเสียงร้องผกาส่งกลิ่นหอม คนทำชั่วย่อมได้ชั่ว
อวี๋จั้วหลินขบฟันกรอด อยากปรี่ตัวไปตรงหน้าเพื่อฉีกทึ้งอวี้ชิงลั่วเหลือประมาณ
เพียงแต่บาดแผลบนร่างกายของเขาไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งด้านหลังของอวี้ชิงลั่วมีเย่ซิวตู๋และองค์ชายรองคุ้มกันประกบซ้ายขวา เขาจึงทำได้เพียงแค่ข่มความโกรธที่อัดแน่นอยู่กลางอกลงไป
นิ้วมือทั้งสองข้างกำเข้าหากัน เขากล่าวกับฮูหยินใหญ่ว่า “ท่านแม่ พวกเราไปเถอะ”
“ใต้เท้าอวี๋” อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ หนึ่งเสียง ยื่นมือออกมาลูบศีรษะอวี้เป่าเอ๋อร์ กล่าวเสียงเบาว่า “ข้าได้ยินมาว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลอวี้และท่านหมั้นหมายกันตั้งแต่เล็ก แต่ถึงกระนั้น ใต้เท้าอวี๋ก็ยังมีความสามารถกลายเป็นจอหยวนฝ่ายบู๊และเลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพหนุ่มได้ ทั้งยังหัวสูงเสียด้วย จึงดูหมิ่นคุณหนูใหญ่ตระกูลอวี้ ดังนั้นคืนวันแต่งงานจึงทำให้ภรรยาผู้มีสถานะต้อยต่ำกลายเป็นสตรีผู้ถูกทอดทิ้ง จุ๊ ๆ…”
“เหอะ เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?” ยังมีหน้ามาพูดว่าไม่ใช่อวี้ชิงลั่วอีก? เหอะ นางยังกล้าพูดว่าตนเองมิใช่อวี้ชิงลั่วอีก? คำพูดของนางแอบแฝงด้วยการกล่าวโทษถึงพฤติกรรมที่ตนเองเคยทำไว้ในตอนนั้น สตรีผู้นี้ เหอะ เห็นทีคงสนใจเรื่องในตอนนั้นอย่างมาก
จู่ ๆ ภายในใจของอวี๋จั้วหลินก็เปลี่ยนเป็นปวดใจบีบรัดจนบิดเบี้ยวอีกครั้ง นางสนใจเรื่องราวในตอนนั้น หรือหมายความว่า…จริง ๆ แล้วนางก็สนใจความคิดของเขาเช่นกัน?
อวี้ชิงลั่วไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยกระดับความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของนางไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ครั้นได้ยินอวี๋จั้วหลินเอ่ยถามเช่นนี้ กลับกลายเป็นการหุงข้าวประชดสุนัขไปเสียได้
“ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” อวี้ชิงลั่วทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์เหลือประมาณ “เพียงแต่เมื่อผ่านเรื่องนั้น ทำให้ข้ารู้สึกว่าใต้เท้าอวี๋ควรเห็นความสำคัญของความสูงต่ำของตำแหน่งทางการ ดังนั้นจึงอยากถามใต้เท้าอวี๋ว่าถูกส่งไปเป็นทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมืองหนึ่งเดือน ภายในใจรู้สึกเช่นใดบ้าง? อ่อ แล้วก็ถือโอกาสเตือนใต้เท้าอวี๋สักหน่อย ตอนนี้ตรงหน้าของเจ้ามีท่านอ๋อง องค์ชาย องค์หญิงและจวิ้นอ๋องหน่อยยืนอยู่ ใต้เท้าอวี๋ก็ควรทำความเคารพพวกเราก่อนมิใช่หรือ?”
หนานหนานหันมองซ้ายขวา เริ่มนับด้วยนิ้ว ท่านพ่อคือท่านอ๋อง ท่านแม่คือองค์หญิง ท่านลุงเหมียนฮวาถังคือองค์ชาย ท่านน้าเป่าเอ๋อร์คือจวิ้นอ๋องน้อย…อ้าว…แล้วเขาเล่า?
เขารู้สึกได้ถึงความไม่สมดุล รีบยืดอกกล่าวเสริมหนึ่งประโยคว่า “ยังมีอีก ๆ ยังมีซื่อจื่อน้อยอีกคน”
ซื่อจื่อน้อยก็สง่าน่าเกรงขามอย่างมาเช่นกัน พลาดสถานะของเขาไปมิได้
เย่ซิวตู๋หลุดหัวเราะ หนานหนานเป็นคนให้ความสนใจกับภาพลักษณ์สูงส่งของตนเองมากที่สุด ตอนนี้เมื่อลองนับ ๆ ดูแล้ว เขากลับกลายเป็นคนที่ไร้สถานะมากที่สุด
แค่ก…กลับไปเห็นทีคงโวยวายอีกแล้ว
อวี๋จั้วหลินถึงกับตกใจ สายตาเหี้ยมโหดทอดมองไปที่อวี้ชิงลั่ว ใช่ ก่อนหน้านี้เขาใช้ตำแหน่งทางการที่สูงกว่าอวี้เจี้ยนต๋า ใช้ประโยชน์จากการที่ตนเองถูกผู้คนแสวงหาและถูกจักรพรรดิเห็นความสำคัญ จึงดูหมิ่นคุณหนูใหญ่ตระกูลอวี้
คิดไม่ถึงเลย วันนี้เขากลับต้องมา…คารวะคนที่ตนเองเคยดูหมิ่น
ฝันไปเถอะ…ปล่อยนางฝันไปเถอะ…
“หม่อมฉันคารวะท่านอ๋องซิว องค์ชายรอง องค์หญิงเทียนฝู จวิ้นอ๋องน้อย ซื่อจื่อน้อยเพคะ”
ถึงกระนั้น ตอนที่ความโกรธของอวี๋จั้วหลินได้ปะทุถึงขีดสุด ฮูหยินใหญ่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับกดศีรษะของเขา ก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน
อวี๋จั้วหลินชะงัก ภายในใจรู้สึกถึงความเจ็บปวด ใช่สิ แม้แต่ท่านแม่ที่มีความเย่อหยิ่งและอาศัยอำนาจและอิทธิพลข่มเหงผู้อื่นก็ยังเห็นชัดเจนยิ่งกว่าเขาเสียอีก นางรู้ว่าหากไม่ก้มศีรษะลง ย่อมต้องถูกเล่นงานเป็นแน่ ต่อให้ภายในใจของเขาจะรู้สึกเกลียดมากกว่านี้ ต่อให้ไม่คิดเพื่อตนเอง ก็มิอาจทำให้ท่านแม่ของตนเองได้รับความเดือดร้อนไปด้วย
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลืนความหยิ่งผนองและความไม่พอใจทั้งหมดลงไป อวี๋จั้วหลินประคองร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บก้มศีรษะเพื่อทำความเคารพ
อวี้ชิงลั่วมองอวี๋จั้วหลินที่ยอมประนีประนอม เม้มปากไม่พูดไม่จา
ผ่านไปเนิ่นนาน ที่เอวของนางก็มีมือคู่หนึ่งปรากฏขึ้น โอบกายของนางที่สั่นเทาเบา ๆ อวี้ชิงลั่วชะงักขณะเงยหน้าก็พบสายตาอ่อนโยนของเย่ซิวตู๋ “พวกเขาไปกันแล้ว”
ความคิดของนาง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? อวี๋จั้วหลินทำร้ายนางจนระหกระเหินอยู่บนเส้นทางของความเป็นความตายหลายต่อหลายครั้ง ทำร้ายจนหนานหนานเกือบขาดอากาศหายใจเพราะภาวะคลอดยาก ทำร้ายจนทำให้หนานหนานป่วยหลายปี ความเกลียดชังเช่นนี้ ใครจะกลืนความโกรธนี้ได้ลง? ต่อให้เป็นเขา ต่อให้เขาไม่เคยมีประสบการณ์คลอดลูก เขาก็เกลียดอวี๋จั้วหลินจนแทบอยากจะสับร่างเป็นชิ้น ๆ
ความอับอายเพียงเล็กน้อย ก็ถือว่ายกผลประโยชน์ให้ไอ้เศษสวะนั่นแล้ว
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง คลายไหล่ที่เกร็งจนตึง หันกลับไปมองสองแม่ลูกที่ค่อย ๆ เดินหายไป ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
อวี๋จั้วหลินรู้สึกเกลียดและโกรธถึงขีดสุดอยู่ภายในใจ แต่ก็ไม่กล้าหันกลับมามองในตอนนี้ เขาแค่อยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หนีออกจากสายตาที่ดูหมิ่นเช่นนั้นของอวี้ชิงลั่วให้เร็วที่สุด
ฮูหยินใหญ่เม้มริมฝีปากตลอดเวลา นางประคองเขาขึ้นรถม้าของตระกูลอวี๋ ก่อนจะมองบาดแผลเหวอะหวะน่ากลัวบนแผ่นหลังของเขาด้วยความปวดใจ กล่าวทั้งน้ำตาว่า “จั้วหลิน เจ็บมากใช่หรือไม่”
เจ็บ? ความเจ็บแค่นี้มันจะมากมายอะไร ภายในใจของเขาต่างหากที่เจ็บปวด เจ็บเพราะถูกทำให้อับอาย ถูกวางแผนใส่ร้าย ทั้งยังถูกปรักปรำ
“ต้องมีสักวันที่ข้าจะถอนรากถอนโคนพวกมัน”
“จั้วหลิน พอเถอะ แม่ขอร้อง สถานะของอวี้ชิงลั่วในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว นางเป็นถึงองค์หญิง อีกไม่นานหลังจากนี้ก็จะกลายเป็นพระชายาซิวแล้ว พวกเราจะสู้พวกเขาได้อย่างไร? จั้วหลิน แม่แค่อยากให้ลูกปลอดภัยก็เท่านั้น”
“พระชายาซิว?” อวี๋จั้วหลินยิ้มเยาะ “นางก็ต้องนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้นให้ได้เสียก่อน”
“จั้วหลิน เจ้าอย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ…” ฮูหยินใหญ่รู้สึกตื่นตระหนกภายในใจ นางอยู่ในแวดวงเพื่อคบค้าสมาคมมาโดยตลอด แต่ก็รู้จักแค่เหล่าสตรีชั้นสูงที่มีสถานะธรรมดา นางไม่เคยเห็นการต่อสู้เหมือนอย่างวันนี้มาก่อน ฮ่องเต้ไทเฮาฮองเฮาเรียงรายเป็นแถว ไหนจะทูตจากสามอาณาจักร ดูท่าทางแล้วต่างก็ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับอวี้ชิงลั่วทั้งหมด บอกจะฆ่าก็ฆ่า บอกจะตบก็ตบ นางแทบจะกลายเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ
อวี๋จั้วหลินหลับตาลง เขาไม่คิดจะพูดกับฮูหยินใหญ่ให้มากมายไปกว่านี้อีกแล้ว จึงทำแค่เพียงสั่งสารถีให้ขับรถกลับจวนอวี๋
ครั้นรถม้าของพวกเขาออกเดินทาง กลุ่มเย่ซิวตู๋ก็เดินออกมาเช่นกัน
ตอนที่พวกเขาเพิ่งเดินมาถึงด้านหน้ารถม้าของตนเอง กลับพบว่ามีคนคนหนึ่งกำลังก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยืนรอพวกเขาอยู่
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กระจั๊วนี่ก็อีกคนที่ยังไม่สำนึก น่าจะโดนทุบให้ตายๆ ไปซะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ เรื่องนี้มีตั้งพันกว่าตอน ถ้ามันตายก่อนคงไม่สนุก
ไหหม่า(海馬)