อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 41 ขออภัย
ตอนที่ 41 ขออภัย
ไม่ทันสิ้นเสียงของอวี้ชิงลั่ว นางก็รู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว เย่ซิวตู๋มายืนอยู่ด้านหน้าของนางแล้ว เขายื่นมือออกมาปิดปากพร้อมกับกระซิบเสียงเบา
นางและเย่ซิวตู๋ไม่เคยอยู่ในท่าทางที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้นางรู้สึกได้ว่าปราณบนร่างกายของเขากำลังเจาะทะลวงผ่านเข้าไปยังปลายจมูกของนางไม่หยุดหย่อน ทำให้นางถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ พยายามขยับตัวเพื่อรักษาระยะห่างจากเขาอีกเล็กน้อย
“อย่าส่งเสียงดัง” เสียงของเย่ซิวตู๋กดทุ้มต่ำลงอีกหลายส่วน สายตาของเขามองผ่านหลังคาไปยังด้านนอกประตูอย่างรวดเร็ว
อวี้ชิงลั่วสะกดกลั้นไว้ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร
ทว่าด้านนอกกลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ อย่างฉับพลัน ตามมาด้วยเสียงของสตรีแสนอ่อนโยน “ท่านหมอปีศาจ ท่านหมอ?”
อวี้ชิงลั่วไม่กล่าวสิ่งใด และไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างหายแม้แต่น้อย แต่ภายในใจก็เริ่มคิดได้แล้ว
เย่ซิวตู๋ยิ่งหรี่ตาลง จ้องมองไปที่ด้านนอกประตูด้วยสีหน้ามืดครึ้ม บุคคลผู้นี้กระโดดลงมาจากหลังคาอย่างเงียบ ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนที่มาขอเข้ารับการรักษาที่อยู่ในห้องโถงด้านนอกแน่นอน
“หมอปีศาจ ข้าเข้าไปได้หรือไม่? น้องสาวของข้าอยู่ด้านในนานแล้ว ข้าค่อนข้างเป็นกังวล” คนที่อยู่ด้านนอกดูเหมือนว่ากำลังถามหยั่งเชิง
อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋หันสบตากัน ก่อนจะมองไปยังอูตงซึ่งนอนสลบเหมือดอยู่ตรงมุมห้อง
ดูเหมือนว่า สตรีที่อยู่ด้านนอกประตู จะเป็นสตรีที่จับตัวอูตงมาที่นี่
เย่ซิวตู๋ปล่อยมือจากอวี้ชิงลั่ว ก้าวไปข้าง ๆ อูตง จากนั้นลากเท้าของนางย้ายมาด้านหลังม่านกั้น การเคลื่อนไหวที่ดูเรียบง่ายและป่าเถื่อนทำให้อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะแอบปรบมือชื่นชม ภายในใจก็ยิ่งเห็นใจอูตงมากขึ้น
วินาทีต่อมา จู่ ๆ บริเวณเอวของนางก็มีมือข้างหนึ่งโผล่ออกมา ใต้ฝ่าเท้ารู้สึกเบาหวิว นางถูกเย่ซิวตู๋โอบและกระโดดขึ้นมาอยู่บนหลังคาแล้ว ร่างกายแนบชิดอิงแอบ
รังแกนางที่ทำได้แค่ใช้สองเท้าปีนงั้นเหรอ? วิชาตัวเบาอะไรกัน น่ารังเกียจเกินไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วหันไปถลึงตามองเขา แสดงความไม่พอใจที่เขาขยับมือเท้าตามอำเภอใจโดยไร้การบอกกล่าว
ด้วยความทนไม่ได้ที่จะต้องพูดกล่าวอะไรมากมาย ในที่สุดสตรีที่อยู่นอกประตูก็หมดความอดทน น้ำเสียงอ่อนโยนพลันเปลี่ยนไป เผยความดุดันจาง ๆ ในวินาทีต่อมา “ท่านหมอปีศาจ ขอล่วงเกินท่านแล้ว แต่ข้าเป็นห่วงน้องสาว หวังว่าท่านจะไม่โกรธเคือง”
สิ้นเสียงของนาง ก็เกิดเสียง ‘แอ๊ด’ ดังขึ้น พร้อมกับประตูที่ถูกผลักเข้ามา
เย่ซิวตู๋ย่อมทราบดีว่านางคือใคร ตั้งแต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายที่เริ่มเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าโลกจะกลมถึงเพียงนี้ ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วันก็กลับมาเจอกันอีกครั้งที่นี่ ดูเหมือนว่าแผนของอวี้ชิงลั่วจะไม่เลวเลย มีความเป็นไปได้มากกว่าครึ่งที่สตรีผู้นี้จะบุกมาหานาง
ครั้นกุมบาดแผลที่บริเวณหน้าอก ดวงตาของเย่ซิวตู๋พลันเปลี่ยนเป็นเฉียบคมแสนเย็นชา
อวี้ชิงลั่วสังเกตได้ถึงพลังปราณของเขาที่เปลี่ยนไปในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งยังเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมองไปยังสตรีที่ผลักประตูเดินเข้ามา
ครั้นเหลือบมอง นางก็อดชื่นชมหนึ่งประโยคไม่ได้ สตรีผู้นี้ช่างสดใสงดงามน่าดึงดูด ท่าทางดูมีเสน่ห์ บุรุษส่วนมากคงยากที่จะทนต่อความงามของนางได้
ซวงเคอก้าวเข้าประตูมา ขาทั้งสองข้างก็ชะงักไปอย่างห้ามไม่อยู่ เส้นประสาททั้งหมดตึงเกร็งขึ้นมา ความสนใจทั้งหมดถูกดึงออกมา และกวาดมองทั่วทั้งห้องอย่างระมัดระวัง
ห้องทั้งห้องเงียบสงัดจนน่ากลัว ภายในห้องไม่เพียงแต่ไม่มีใคร แม้แต่อูตงก็หายไปด้วย
ซวงเคอขบเม้มปากเป็นเส้นตรงอย่างห้ามไม่อยู่ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน หากไม่ใช่เพราะอูตงเข้ามาด้านในนานกว่าครึ่งชั่วยามและยังไม่ยอมออกมา นางคงไม่ตั้งใจมาตามหาถึงที่นี่ นางกลัวว่าอูตงจะทำตามแผนไม่สำเร็จและมิอาจทำให้หมอปีศาจตอบตกลงที่จะหาเวลารักษาเป็นการส่วนตัวได้ ซึ่งความพยายามทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
โชคดีที่มีลูกสมุนมารายงาน บอกว่าเจอรอยแยกของเรือนด้านหลังที่ถูกปิดมิดชิดโดยผู้อารักขา และบอกให้นางหลบหลีกเถ้าแก่เนี้ยจินเข้ามา
เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าภายในห้องจะไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว อย่าว่าแต่หมอปีศาจ แม้แต่อูตงที่ถูกนางข่มขู่เพื่อทำภารกิจสำคัญ ก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงาเช่นกัน
คนพวกนี้หายไปไหนกันหมด?
ซวงเคอถอยหลังเล็กน้อย ภายในใจเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีที่ปะทุอยู่กลางอก
ยังไม่ทันที่นางจะถอยไปถึงประตู จู่ ๆ ประตูห้องก็เกิดเสียง ‘ปัง’ แรงปิดประตูดังขึ้นจากทางด้านหลัง เหลือนางเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่กลางห้องที่ว่างเปล่า
“ใคร? ออกมา” ซวงเคอใช้มือคลำที่กระบี่ข้างเอว เตรียมพร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ
เย่ซิวตู๋กระตุกยิ้มเยือกเย็น ในที่สุดเขาก็ดึงมือที่โอบเอวของอวี้ชิงลั่วกลับมา เพียงออกแรงเล็กน้อย เท้าก็แตะลงสู่พื้น
ซวงเคอหันกลับมาในทันที ก็พบดวงตาคู่นั้นของเย่ซิวตู๋ เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น กระบี่ถูกดึงออกมา ปลายกระบี่จ่อเข้าที่ปลายจมูกของเย่ซิวตู๋
การปรากฏตัวของเย่ซิวตู๋ เป็นการเปิดเผยตัวตนของอวี้ชิงลั่วอย่างสมบูรณ์เช่นกัน อีกฝ่ายถึงกับขมวดคิ้ว ครุ่นคิดว่าจะหาสถานที่เพื่อหนีออกไป เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปพัวพันกับการต่อสู้นองเลือดและการฆ่าฟันที่รุนแรงเช่นนี้
นางเป็นหมอใจดีผู้มีความเมตตา เห็นเลือดไม่ได้ เห็นไม่ได้
“เย่ซิวตู๋ เจ้ามาจริง ๆ ด้วยสินะ” ตอนที่ซวงเคอเห็นเขา ดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา แฝงประกายความตื่นเต้นจาง ๆ
แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเย่ซิวตู๋ถึงปรากฏตัวภายในห้องของหมอปีศาจ แต่สำหรับนางแล้วก็ไม่ได้มีความแตกต่างกัน อีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาก็ดี วันนี้ นางต้องปลิดชีพเขาเพื่อจะได้กลับไปหาฮูหยิน
นิ้วมือของซวงเคอเคลื่อนไปที่เอว หยิบไม้ไผ่ที่มีขนาดเท่ากับนิ้ว โยนไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดอยู่…
“ปัง”
“พรึ่บ”
สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งเป็นเสียงของเสาด้ามหนึ่งที่ค้ำหน้าต่างหล่นลงมาทำให้หน้าต่างปิดลง นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเสียง เป็นเสียงระเบิดส่งสัญญาณของซวงเคอที่กระแทกเข้ากับไม้กระดาน หลังจากหมุนอยู่บนพื้นสองครั้งก็ถูกเย่ซิวตู๋เหยียบจนดับสนิท
ซวงเคอหรี่ตาลง มองไปยังอวี้ชิงลั่วที่อยู่บนคานบ้านทันที
อวี้ชิงลั่วยักไหล่อย่างไร้เดียงสา “ขอโทษด้วย ตอนแรกข้ากะว่าจะจัดการกับระเบิดส่งสัญญาณของเจ้า เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าฝีมือจะไม่ไหว จึงทำพลาด ชนเข้ากับเสาของหน้าต่างเสียได้ ขออภัย ขออภัย”
กำลังเสริมอะไรพวกนั้นน่ารำคาญจะตายไป มากคนมาสู้กันก็ทำลายความสุนทรียภาพ ทั้งยังทำลายแผนของนางด้วย
เย่ซิวตู๋อยากหัวเราะเสียเหลือเกิน สตรีนางนี้…
ซวงเคอขบฟันสีเงินแน่น ผ่านไปครู่หนึ่งจึงแค่นหัวเราะ “ไม่เป็นไร ต่อให้มีข้าแค่คนเดียว รับมือกับพวกเจ้าก็มากเกินพอแล้ว เย่ซิวตู๋ ดูแลบาดแผลบนร่างกายของเจ้าให้ดีเถอะ อย่าได้เหมือนกับครั้งก่อน ที่แม้แต่ชีวิตก็มิอาจรักษาไว้ได้”
เย่ซิวตู๋สีหน้าเย็นเยียบ ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกับคำพูดของซวงเคอ เพียงแต่พลังบนร่างกายกลับหนักอึ้งทันใด นิ้วมือก็กางออกเล็กน้อย
ซวงเคอแค่นเสียงเย็น แสงสว่างแหลมคมเย็นวาบวาดผ่าน ปลายกระบี่เล็งไปยังเย่ซิวตู๋ที่ใกล้เข้ามา ทั้งยังเล็งไปที่อกทางขวาของเขาอย่างไม่ลังเล…ตรงแผลเส้นนั้นที่ลากยาวไปจนถึงเอว
เย่ซิวตู๋ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ร่างของเขาพลิ้วหลบวูบหนึ่ง ย้ายไปยืนด้านหลัง ปลายนิ้วชี้ไปที่ท้ายทอยของนาง
ซวงเคอตกใจวูบ ร่างกายอ่อนยวบและงอตัว ปลายนิ้วเท้าเตะเล็งไปทางด้านหลัง ข้อมือกดลงอย่างรวดเร็ว กดไปที่หน้าอกของเขาอีกครั้ง
ดวงตาทั้งคู่ของอวี้ชิงลั่วเป็นประกายขณะนั่งมองอยู่บนคาน รู้สึกได้ว่าเลือดกำลังพลุ่งพล่าน ฝีมือของเย่ซิวตู๋ดุดันและเด็ดขาด มองไม่ออกเลยว่าเมื่อสองวันก่อนเป็นคนไข้ที่บาดแผลปริ สตรีผู้นั้นท่าทางนุ่มนวลการเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ไม่แปลกใจที่จะมีความมั่นใจสู้กับเย่ซิวตู๋แบบซึ่ง ๆ หน้าขนาดนี้
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเบิกบานใจ นางมองจนถึงขั้นกลั้นหายใจไปแล้ว
ยังไม่ทันที่นางจะประเมินทักษะของทั้งสองฝ่ายเสร็จ จู่ ๆ ร่างของซวงเคอก็กระโดดขึ้นมา ใช้ปลายกระบี่จ่อเข้าที่กลางลำคอของอวี้ชิงลั่ว…
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจอนักฆ่าเข้าแล้ว แถมกำลังจะโดนทะลวงคออีก จะรอดไหมเนี่ยชิงลั่ว
ไหหม่า(海馬)