อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 413 เหตุใดถึงได้ถลึงตาใส่เย่ซิวตู๋
ตอนที่ 413 เหตุใดถึงได้ถลึงตาใส่เย่ซิวตู๋
ตอนที่ 413 เหตุใดถึงได้ถลึงตาใส่เย่ซิวตู๋
หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ ศีรษะค่อย ๆ เงยขึ้น ทอดมองไปยังอวี้ชิงลั่ว เอ่ยขึ้นมา “ท่านแม่ เสียงนี้ ฟังดูคุ้น ๆ หูนะขอรับ”
“มิได้แค่คุ้นหู” ระหว่างทางตอนที่ได้ฟังคำอธิบายของเยว่ซิน นางก็รู้สึกแล้วว่านิสัยของทั้งสองคนที่นางกำลังเอ่ยถึง…ค่อนข้างคุ้นเคยนัก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพวกนางจริง ๆ
อืม คิดแล้วอวี้ชิงลั่วก็เห็นอกเห็นใจต่อหนานหนานขึ้นมา
นางยื่นมือออกไปลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเจ้าตัวน้อย ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “จำคราวก่อนตอนที่เจ้าเคาะประตูสุ่มสี่สุ่มห้าทั้งยังพูดจาเหลวไหลโดยไม่ถามไถ่ถึงเหตุผลได้หรือไม่ เหตุใดมาในเวลานี้กลับยังไม่ได้รับบทเรียนจากความผิดพลาด ทั้งยังกล้าตะโกนส่งเสียงด่าโดยที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่อยู่ด้านในนั้นคือใคร?”
หนานหนานมองอวี้ชิงลั่วด้วยความตื่นตกใจ นิ้วมือที่ชี้หน้านางสั่นระริกเล็กน้อย “ท่าน…ท่านแม่…ท่านรู้ว่าเป็นใครรึ?”
“เพราะท่านแม่ฉลาดปราดเปรื่อง ถึงได้คาดเดาถูก”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่บอกข้าก่อน?” นัยน์ตาของหนานหนานทอดมองเงาที่กำลังเดินตรงมาหาเขาอย่างเนิบช้า แววตาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกตกใจขึ้นมา จนกระทั่งแม่นมเซียวมาหยุดยืนตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หนานหนานถึงกับตกใจจนสะดุ้งโหยง
“แม่…แม่นมเซียว…ท่าน…ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ท่านแม่นิสัยไม่ดี คนนิสัยไม่ดีที่แย่ที่สุดในโลก นางกำลังแก้แค้นเขาด้วยวิธีการน่ารังเกียจและไร้ซึ่งความเที่ยงตรง โชคดีที่ภายในท้องพระโรงวันนี้เขาสรรเสริญนางว่าเป็นคนโชคร้ายอนาถาไปมากขนาดไหน ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีแม้แต่ส่งสายตาบอกเขาสักนิด
แม่นมเซียวถอนสายบัวตรงหน้าหนานหนาน “หม่อมฉันคารวะซื่อจื่อน้อย เมื่อครู่ซื่อจื่อน้อยพูดว่าอย่างไรนะเพคะ?”
“เหอะ ๆ เหอะ ๆ” หนานหนานจิ้มมือเล็ก ๆ แรง ๆ กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า ขาทั้งสองข้างเริ่มถอยหลังออกไป “คือว่า…แม่นมเซียว จันทร์มืดลมกระโชกแรง ลมเย็นยะเยือกพัดหวิว ๆ คำพูดบางคำอาจถูกลมพัดจนเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นคำพูดเมื่อครู่ที่ท่านได้ยิน ย่อมต้องเป็นเพราะหูแว่ว…อืม…ถูกต้อง…หูแว่ว”
ครั้นพูดจบ เขาก็เริ่มพยักหน้าอย่างจริงจังด้วยท่าทางมั่นใจเหลือประมาณ
เย่ซิวตู๋เบือนหน้า สัมผัสลมภายในลานที่ไม่มีแม้แต่น้อย
แม่นมเซียวยังคงอยู่ในท่าทางจริงจัง นางทำความเคารพเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่ว “หม่อมฉันคารวะท่านอ๋องซิว คารวะองค์หญิงเพคะ”
“แม่นมเซียวไม่จำเป็นต้องมากพิธี” เย่ซิวตู๋ยกมือขึ้น เขารู้สึกนับถือแม่นมเซียวผู้เป็นที่เล่าลือผู้นี้อยู่หลายส่วน ได้ยินองค์ชายรองเล่าว่าแม่นมเซียวผู้นี้เป็นแม่นมอาวุโสภายในพระราชวัง ก่อนหน้านี้นางอยู่ปรนนิบัติข้างพระวรกายฮองเฮามาโดยตลอด เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง
ครั้งนี้นางเดินทางไกลพันลี้มาที่อาณาจักรเฟิงชางเพื่อชิงเอ๋อร์และหนานหนาน คาดว่าคงลำบากไม่น้อยเช่นกัน แต่ก็เพราะจริงใจต่อชิงเอ๋อร์และหนานหนาน
แม่นมเซียวกล่าวขอบคุณ ลุกขึ้นก่อนจะหลุบสายตามองหนานหนานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ซื่อจื่อน้อยคิดว่าด้านนอกมีลมเย็นพัดหวิวหรือเพคะ?”
หนานหนานออกแรงพยักหน้า
“เช่นนั้นซื่อจื่อน้อยเข้ามาด้านในห้องเถิดเพคะ ก่อนหน้านี้ซื่อจื่อน้อยสุขภาพไม่แข็งแรง มิอาจเป็นหวัดได้” ครั้นกล่าวจบ แม่นมเซียวก็ลากมือหนานหนานก้าวเข้าไปด้านในห้องทีละก้าว
“เอ่อ…แม่นม…แม่นม ไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้ ข้ามีห้องเป็นของตัวเองแล้ว แม่นม…ท่านแม่…” คำพูดสองพยางค์สุดท้ายช่างน่าสงสารเหลือประมาณ หนานหนานเดินตามแม่นมเซียวพลางออกแรงหันหน้ากลับมา โบกมือส่งสายตามาหาอวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ยืนอย่างมั่นคงอยู่กลางลาน ทว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ยอมก้าวเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว
แม่นมเซียวเดินมาถึงหน้าประตูห้อง จู่ ๆ ก็หันหน้ากลับมากล่าวว่า “องค์หญิงก็เข้ามาด้วยเถิดเพคะ แม้ว่าทักษะทางการแพทย์ขององค์หญิงจะไม่ธรรมดา แต่ถ้าเป็นหวัดจากลมหนาว คนที่ทรมานกายก็คือองค์หญิงเอง”
เรือนกายของอวี้ชิงลั่วที่เดิมคิดจะถอยออกไปถึงกับชะงัก นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยอมรับชะตากรรมเดินตามเข้าไป
เย่ซิวตู๋ถึงกับหัวเราะออกมา เป็นอย่างที่องค์ชายรองกล่าวไว้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอวี้ชิงลั่วหรือหนานหนาน ทั้งสองต่างก็ ‘กลัว’ แม่นมเซียวเป็นอย่างมากทั้งคู่
ห้องของอวี้ชิงลั่วแตกต่างจากก่อนหน้านี้แล้ว ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยสีสันของสตรีเพศจนดูสว่างสดใส เครื่องประทินผิวและเครื่องประดับก็มีไม่น้อย กระจก โต๊ะ และเก้าอี้สะอาดสะอ้าน บนโต๊ะถูกรมด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้กลิ่นยาจาง ๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้หายไปจนไม่เหลือ
แม้แต่ตอนที่เย่ซิวตู๋เดินเข้ามาด้านในประตู เขาก็ชะงักไปอย่างห้ามไม่อยู่เช่นกัน
ห้องเช่นนี้…ดูเหมือนจะทำให้คนรู้สึกถึงความอบอุ่น และเติมเต็มส่วนหนึ่ง
“แม่นม ไม่ต้องคลุมแล้ว” เสียงอันน่าสงสารของหนานหนานดังออกมาจากด้านในห้อง อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋มองผ่านม่านมุกระย้าปราดหนึ่ง มุมปากถึงกับขึงตึง
พวกเขาเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
แม่นมเซียวกำลังนำผ้าห่มสองผืนที่วางอยู่บนเตียงคลุมบนตัวหนานหนาน คำพูดที่ออกมาจากปากยังคงใจเย็นและเย็นเยือก “ในเมื่อซื่อจื่อน้อยหนาว ย่อมต้องคลุมผ้าห่มให้มาก ๆ หากไม่สบายขึ้นมา เช่นนั้นคงเป็นความผิดของหม่อมฉัน หงเย่ ผ้าห่มสองผืนยังไม่พอ ไปเอามาอีกผืน”
หนานหนานเบิกตาโตโดยพลัน เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
อากาศเช่นนี้ แม้แต่ตอนนอนเขายังไม่เต็มใจที่จะห่มผ้าห่ม ทว่าแม่นมเซียว…
หนานหนานอ้าปากกว้าง ๆ หอบหายใจ ยื่นมือออกไปคว้าแขนเสื้อของแม่นมเซียวด้วยท่าทางเศร้าโศก กล่าวเสียงเบาว่า “แม่นม ข้าผิดไปแล้ว”
“ซื่อจื่อน้อยพูดอะไรกัน? ซื่อจื่อน้อยทำผิดได้อย่างไร? ซื่อจื่อน้อยมีเสด็จปู่ทั้งยังมีเสด็จตาสนับสนุนอยู่ ผิดตรงไหนหรือเพคะ?”
“แม่นม…หลังจากนี้ข้าจะเป็นเด็กดี ข้าสาบาน”
แม่นมเซียวแค่นเสียงเบาหนึ่งเสียง ก่อนจะโบกมือให้หงเย่ว่าไม่จำเป็นต้องไปแล้ว นางยื่นมือออกไปดึงผ้าห่มสองผืนออกจากตัวหนานหนาน พร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของหนานหนานให้เรียบร้อย ก่อนจะอุ้มหนานหนานลงจากเตียง
หนานหนานลอบถอนหายใจ ยกมือขึ้นมาตบหน้าอกเล็ก ๆ ของตนเอง
อวี้ชิงลั่วเห็นว่าพวกเขาเสร็จธุระแล้ว จึงไอกระแอมเสียงเบา เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นมเซียวมาทำอะไรที่นี่รึ?”
นี่ถือเป็นเรื่องยุ่งยาก การมาถึงของแม่นมเซียวคงทำให้ชีวิตของนางเปลี่ยนเป็นมืดสนิท
“กราบทูลองค์หญิง” แม่นมเซียวถอนสายบัวให้นางอีกหน “องค์ชายรองกำชับว่า ในเมื่อองค์หญิงพักอยู่ในตำหนักอ๋องซิว หม่อมฉันและหงเย่เป็นผู้ปรนนิบัติถวายการรับใช้องค์หญิงและซื่อจื่อน้อย ย่อมต้องติดตามย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักอ๋องด้วย เพียงแต่ตอนที่หม่อมฉันมาถึง กลับเห็นว่าห้องของพระองค์จืดชืดถึงเพียงนี้ เพื่อป้องกันมิให้พระองค์รู้สึกอึดอัดขณะพักอาศัย หม่อมฉันจึงถือวิสาสะให้คนมาปรับเปลี่ยน ของที่อยู่ในห้องนี้ มีหลายสิ่งที่นำมาจากตำหนักองค์หญิงที่อาณาจักรเทียนอวี่ องค์หญิงน่าจะหยิบใช้สะดวก หวังว่าท่านอ๋องซิวจะไม่กล่าวโทษ”
“แม่นมเซียวเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านทำเพราะหวังดีต่อชิงเอ๋อร์ เราจะกล่าวโทษได้อย่างไร?”
อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเขาด้วยสายตาดุดัน ตอนนี้ท่านเชิญดีใจไปเถิด ต้องมีสักวันที่ท่านจะหลั่งน้ำตา
แม่นมเซียวสายตาเฉียบแหลม เห็นท่าทางดุร้ายของนาง จึงอดถามมิได้ “ดูเหมือนองค์หญิงจะไม่ค่อยพอใจที่หม่อมฉันมาอยู่ที่นี่นะเพคะ?”
“ใช่ที่ไหนกัน? แม่นมเซียวอย่าคิดมาก”
“เช่นนั้นเมื่อครู่ตอนที่ท่านอ๋องซิวตอบว่าไม่ตำหนิหม่อมฉัน เหตุใดองค์หญิงถึงได้หันไปถลึงตาใส่ท่านอ๋องซิวเพคะ?”
“…” บัดซบ…แม่นมท่านก็อายุอานามมากแล้วหรือว่าท่านไม่มีโรคตาพร่ามัวบ้างเลยหรือ?
อวี้ชิงลั่วอยากร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตา หนานหนานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกมือขึ้นสูง “แม่นม หนานหนานรู้ หนานหนานบอกท่านได้ ว่าเพราะเหตุใดท่านแม่ถึงได้แสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรใส่ท่านพ่อ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานน่าสงสาร โดนแม่นมจัดการแล้ว
อย่าเพิ่งโป๊ะนะชิงลั่ว เล่นตามน้ำไปก่อน
ไหหม่า(海馬)