อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 414 นางเป็นคนของเจ้า
ตอนที่ 414 นางเป็นคนของเจ้า
ตอนที่ 414 นางเป็นคนของเจ้า
อวี้ชิงลั่วถึงกับสำลัก สายตาที่ทอดมองหนานหนานแฝงแววตักเตือน
หนานหนานเพิกเฉยไม่สนใจ เมื่อครู่ท่านแม่เห็นคนตายแต่ก็ไม่ยอมช่วยเหลือ ครั้งนี้เขาเองก็จะซ้ำเติมเช่นกัน เขาพอจะเข้าใจแล้ว ณ ที่แห่งนี้แม่นมเซียวต่างหากเล่าคือคนที่มีอำนาจในการเจรจามากที่สุด ท่านแม่กลัวแม่นมเซียว หากเขากอดขาแม่นมไว้ให้แน่น ๆ ท่านแม่ก็มิอาจพูดอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว
แม่นมเซียวเหลือบมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง ก่อนจะหมุนกายเล็กน้อย ขวางสายตาของอวี้ชิงลั่วไว้พร้อมกับหันมองหนานหนาน “เพราะเหตุใด?”
“ท่านแม่รังเกียจที่วันนี้หนานหนานแต่งเรื่องเกินจริงภายในท้องพระโรง รังเกียจที่ท่านพ่อและหนานหนานยุ่งมากเกินไป ทำให้สถานะของท่านแม่ถูกเปิดเผยก่อน” หนานหนานพยักหน้า เน้นหนึ่งประโยคว่า “ถูกต้อง ความเข้าใจของข้าก็เป็นเช่นนี้”
ความเข้าใจของเจ้า? เจ้ายังมีหน้ามาพูดว่าเป็นความเข้าใจของเจ้าอีก?
อวี้ชิงลั่วแทบอยากจะปรี่ตัวเข้าไปดึงหูเจ้าตัวเล็กเสียเหลือเกิน ถึงกระนั้นตอนที่ร่างกายเพิ่งขยับ ก็เผชิญหน้ากับสายตานิ่งสงบอันเฉียบคมคู่นั้นของแม่นมเซียว
“องค์หญิง” เสียงของแม่นมเซียวขรึมลงแล้ว สายตาที่ทอดมองอวี้ชิงลั่วค่อย ๆ แฝงแววไม่เห็นด้วย ทั้งยังมีท่าทางผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง “หม่อมฉันมิได้อยู่ข้างกายองค์หญิงครึ่งปี คิดไม่ถึงเลยว่ามารยาทและหลักคุณธรรมของพระองค์จะถดถอยอย่างสมบูรณ์ถึงเพียงนี้”
“ข้า…แม่นม…คำพูดที่หนานหนานพูดท่านคิดว่า…”
“องค์หญิง เป็นเพราะเรื่องในวันนี้ ท่านอ๋องซิวและองค์ชายรองต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ อดตาหลับขับตานอน คิดหาวิธีเพื่อช่วยปิดบังเรื่องบางเรื่องของพระองค์ไว้ เพื่อให้องค์หญิงมีสถานะอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องถูกใครรังแก ไม่ต้องถูกใครดูหมิ่น ไม่เพียงแต่เรื่องในวันนี้ที่ซึ้งกินใจคนจำนวนมากขนาดนั้น ต่อให้เรื่องราวจะจืดชืดไร้สีสัน องค์หญิงก็ควรจะเผชิญหน้ากับท่านอ๋องซิวด้วยหัวใจแห่งความสำนึกบุญคุณนะเพคะ”
อวี้ชิงลั่วแทบอยากจะโก่งตัวกระอักเลือด นางกับหนานหนานก็เหมือนขมิ้นกับปูนที่มิอาจเข้ากันได้
เย่ซิวตู๋กลับลอบกระตุกยิ้มครั้งหนึ่ง ถอนหายใจ ‘เฮ้อ’ ออกมาในทันที “จะว่าไปก็เป็นความผิดของเราเอง เราไม่ควรปิดบังเรื่องในวันนี้กับชิงเอ๋อร์ เดิมทีคิดว่าชิงเอ๋อร์คงประหลาดใจที่เราแอบทำเรื่องดี ๆ ลับหลังนาง นางคงรู้สึกซึ้งใจไปกับเรา เห็นค่าเรามากยิ่งขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าในสายตาของนาง เรากลับกลายเป็นคนสร้างเรื่องยุ่งยากจนเป็นที่ลำบากใจ ยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไปเสียอีก เฮ้อ…”
อวี้ชิงลั่วยกเท้าเงื้อเตะเย่ซิวตู๋ที่แสร้งทำเป็นผู้บริสุทธิ์ที่น่าสงสาร
เย่ซิวตู๋ไม่หลบ เมื่อถูกนางเตะใส่ก็ส่งเสียงร้อง ‘โอ๊ย’ ขึ้นมาหนึ่งเสียง ยิ่งทำให้ดูคล้ายกับผู้เสียหายเข้าไปใหญ่
แม่นมเซียวถึงกับโกรธขึ้ง “องค์หญิงเทียนฝู พฤติกรรมของพระองค์ชักออกนอกลู่นอกทางเกินไปแล้วนะเพคะ”
“…” อวี้ชิงลั่วถึงกับตบฉาดเข้าที่หน้าผากตนเองโดยพลัน
“องค์หญิง ท่านเป็นถึงพระธิดาของราชวงศ์ พึงมีกฎและมารยาทตามฉบับราชวงศ์ กฎระเบียบและมารยาทเหล่านั้นที่หม่อมฉันเคยสอนพระองค์เมื่อครึ่งปีก่อน องค์หญิงลืมจนหมดสิ้นแล้วหรือเพคะ? องค์หญิง มิต้องพูดถึงสถานะของท่านอ๋องที่สูงศักดิ์ ต่อให้ท่านอ๋องเป็นแค่ประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เขาก็เป็นว่าที่พระสวามีขององค์หญิง เดิมทีสตรีก็ควรยึดหลักสามคล้อยตามสี่คุณธรรม[1] ควรรู้เรื่องความถูกต้อง ความยุติธรรม ศีลธรรมและเกียรติยศ ควรเห็นพระสวามีเป็นทุกสิ่ง พฤติกรรมเช่นนี้ของท่าน หากถูกคนนอกล่วงรู้เข้า ไม่รู้ว่าจะตกเป็นที่พูดถึงสักกี่มากน้อย สิ่งที่ท่านเสียมิได้มีแค่…”
อวี้ชิงลั่วถึงกับส่ายหน้า คำพูดของแม่นมเซียวในแต่ละครั้งก็ประมาณนี้ ก็มีแค่ห้ามทำให้อับอาย ห้ามทำให้ราชวงศ์มีมลทินมัวหมอง ห้ามทำให้ตนเองเสื่อมเสีย นางฟังมาเยอะแล้ว และนางก็เรียนรู้ที่จะปล่อยให้คำพูดนั้นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเช่นกัน
ถึงอย่างไรขอแค่ไม่เถียงคอเป็นเอ็นต่อหน้า รอให้นางบ่นจนเหนื่อย พูดจบก็นางก็ไปเอง
ก็แค่…รู้สึกได้ว่าหากในแต่ละวันหลังจากนี้ต้องฟังการอบรมสั่งสอนต่อหน้าเช่นนี้ บางทีนางอาจเป็นบ้าก็ได้
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิดด้วยความเศร้าโศก ถังป๋ายชือพาแม่นมเซียวมาที่นี่ต้องเป็นเพราะคิดจะเอาคืนนางเป็นแน่ คิดจะเอาคืนนางเป็นแน่
“อย่างไรก็ตาม นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป องค์หญิงต้องเรียนรู้วิธีปรนนิบัติพระสวามี เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ อย่างการทำความสะอาดเนื้อตัวและอาหารการกินก่อนก็แล้วกันเพคะ หม่อมฉันจะสอนใหม่ทีละนิดว่าองค์หญิงต้องดูแลพระสวามีของตนเองอย่างไร การให้สามีเป็นทุกสิ่งต้องทำอย่างไร”
“!!!” อวี้ชิงลั่วถึงกับเบิกตาโตโดยพลัน นางใช้มือชี้หน้าตัวเอง ก่อนชี้ไปทางเย่ซิวตู๋ เอ่ยถามว่า “แม่นมเซียว ความหมายของท่านคือ…พรุ่งนี้ข้าต้องปรนนิบัติเรื่องเสื้อผ้าและอาหารการกินของเขารึ?”
“เพคะ”
“แม่นมเซียว ท่านให้ความสำคัญกับมารยาทมากที่สุดมาโดยตลอดมิใช่หรือ? ข้ากับท่านอ๋องยังไม่แต่งงานกัน ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าพวกเราก็ไม่ควรเจอหน้ากันก่อนแต่งงาน? บุรุษและสตรีไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันท่านเป็นคนสอนข้ามิใช่หรือ? อีกอย่าง หากข้ายังไม่แต่งเข้าตำหนักอ๋องซิวแต่มาทำเรื่องเหล่านี้ ยิ่งทำให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเหลือเชื่อเสียเหลือเกิน สมองของแม่นมเซียวเลอะเลือนไปแล้วหรือ? หรือว่าสมองมีปัญหา? นางควรใช้โอกาสช่วงกลางดึกย่องเข้าไปในห้องของแม่นมเซียวเพื่อตรวจชีพจรให้นางหรือไม่?
แม่นมเซียวเหลือบมองนางปราดหนึ่ง แค่นเสียงเยาะกล่าวว่า “สถานการณ์ขององค์หญิงและท่านอ๋องเป็นกรณีพิเศษ ตอนนี้ท่านมีซื่อจื่อน้อยแล้ว คงเป็นการเสแสร้งเกินไปที่จะพูดว่าเป็นบุรุษและสตรีไม่ควรแตะเนื้อต้องตัว ยิ่งไปกว่านั้น มารยาทของพระองค์ก็แย่เกินไป หากไม่อบรมสั่งสอนให้ดีก่อนอภิเษกสมรส เกรงว่าหลังจากแต่งงานไปได้ไม่นานคงได้กลายเป็นสตรีผู้ถูกทอดทิ้ง หม่อมฉันยอมเห็นองค์หญิงถูกวิพากษ์วิจารณ์ก่อนแต่ง ถึงอย่างไรองค์หญิงก็ไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงเหล่านี้อยู่แล้ว แต่หม่อมฉันจะไม่ยอมให้องค์หญิงไร้ความสุขหลังอภิเษกสมรส หม่อมฉันคิดแทนองค์หญิงแล้ว ท่านอ๋องเข้าใจ องค์หญิงก็ควรเข้าใจด้วยถึงจะถูก ยิ่งไปกว่านั้น หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านอ๋องซิวนั้นราวกับกำแพงทองแดงผนังเหล็ก คนรับใช้ภายในจวนต่างก็ปิดปากเงียบสนิท ไม่ทำให้ชื่อเสียงขององค์หญิงเสื่อมเสียหรอกเพคะ”
“ถูกต้อง แม่นมเป็นแม่นมอาวุโสมากประสบการณ์ ดังนั้นเรื่องภายในตำหนัก รวมถึงสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก่อนแต่งเข้ามาเป็นพระชายาของเรา ก็มอบหมายให้แม่นมเซียวก็แล้วกัน เราสบายใจมาก” องค์ชายรอง…ได้มอบสมบัติชิ้นหนึ่งให้เขาจริง ๆ
เย่ซิวตู๋เม้มปาก พยายามควบคุมรอยยิ้มที่มุมปากของตนเอง
อวี้ชิงลั่วเบือนหน้าไปอีกด้านด้วยท่าทางอึมครึม ใจเย็นไว้ ใจเย็นไว้ หายใจเข้า หายใจออก อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับคนไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ หายใจเข้า…
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว องค์หญิงรีบพักผ่อนเถิดเพคะ เช้าวันพรุ่งหม่อมฉันจะเข้ามาปลุกองค์หญิงเอง” แม่นมเซียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย จูงมือหนานหนานเดินออกจากห้องของอวี้ชิงลั่วอย่างเนิบช้า
หงเย่และเยว่ซินยืนอยู่หน้าประตูอย่างใกล้ชิด เพื่อเปิดโอกาสให้เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วได้พูดคุยกันตามลำพัง
รอยยิ้มของอวี้ชิงลั่วอึมครึมมากยิ่งขึ้นแล้ว นางขยับเข้าใกล้เย่ซิวตู๋ ยิ้มจนมองไม่เห็นดวงตา “ท่านอ๋องซิว ท่านต้องการ…ให้ข้าดูแลท่านจริง ๆ รึ?”
“เรื่องนี้…เป็นความต้องการของแม่นมเซียว” เย่ซิวตู๋เป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดแม่นมเซียวจะพูดถึงความต้องการที่ทำให้ทั้งดีใจระคนตื่นตระหนกเช่นนี้ “ชิงเอ๋อร์ แม่นมเซียวเป็นคนของเจ้า”
“…”
“คนของเจ้า ข้าย่อมมิอาจพูดอะไรได้มากมายมิใช่รึ? มิเช่นนั้นหากเจ้าเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ถึงเวลานั้นจะไม่โทษว่าข้าปฏิบัติต่อคนรับใช้ข้างกายของเจ้าอย่างรุนแรง ทำให้เจ้าเสียหน้าหรอกหรือ? เช่นนั้นเจ้ามิยิ่งเกลียดข้าเข้าไปใหญ่หรอกรึ?”
ดังนั้นก็หมายความว่า…เขาเป็น…ผู้บริสุทธิ์จริง ๆ…ผู้บริสุทธิ์เหลือเกิน
“อีกอย่างนะชิงเอ๋อร์ วันนี้แม่นมเซียวก็ช่วยออกแรงภายในท้องพระโรงไปมิน้อย พวกเราก็ไม่ควรเสร็จงานฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล พอจบเรื่องก็ไม่เห็นความสำคัญของนางถูกต้องหรือไม่?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
[1] สามคล้อยตามสี่คุณธรรม (三从四德)
สามคล้อยตามประกอบไปด้วย…
1. หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของบิดา(未嫁从父)
2. แต่งงานแล้วก็ต้องเชื่อฟังคำสามี (出嫁从夫)
3. หากสามีตายต้องเชื่อฟังบุตรชาย (夫死从子)
สี่คุณธรรมประกอบไปด้วย…
1. ต้องมีคุณธรรมดี ดำรงอยู่ในกรอบที่ควร กิริยามารยาทเพียบพร้อม (妇德)
2. มีมธุรสวาจา พูดจาอ่อนน้อม อ่อนหวาน สัตย์ซื่อ ไม่เล่นลิ้น (妇言)
3. รูปร่างหน้าตาสะอาดสะอ้าน (妇容)
4. การบ้านการเรือนไม่ขาด (妇功)
สารจากผู้แปล
นรกแล้วชิงลั่วเอ๊ย โดนแม่นมเซียวบ่นทุกวันไม่พอยังต้องคอยปรนนิบัติท่านอ๋องอีกต่างหาก
ไหหม่า(海馬)