อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 415 ท่านจะเสียเปรียบ
ตอนที่ 415 ท่านจะเสียเปรียบ
ตอนที่ 415 ท่านจะเสียเปรียบ
อวี้ชิงลั่วเถียงสู้เขาไม่ได้ จนได้แต่ยกนิ้วมือขึ้นลงสองถึงสามครั้ง แต่มิได้เปร่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียว
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นว่า “ประเสริฐ…ประเสริฐเหลือเกิน…ท่านภาคภูมิใจงั้นสิ เชื่อฟังแม่นมเซียวงั้นสิ คอยดูเถิด รอดูว่าแม่นมเซียวจะทำทุกสิ่งอย่างสมดั่งที่ท่านปรารถนาจริง ๆ หรือไม่ ข้าจะบอกอะไรให้ ระยะเวลาครึ่งเดือน มากสุดก็แค่ครึ่งเดือน คนที่ต้องเจอความยากลำบากจากการหาเหาใส่หัวย่อมต้องเป็นตัวท่านเอง”
เขาคิดว่าการที่แม่นมเซียวอยู่ในวังมานานหลายปีขนาดนี้เป็นการอยู่อย่างสูญเปล่างั้นสิ?
นางอดทนอดกลั้น นางจะรอวันที่เย่ซิวตู๋ยกหินขึ้นมาทุ่มใส่เท้าตนเอง รอดูสีหน้ารู้สึกเสียใจในภายหลังของเขาที่ปล่อยให้แม่นมเซียวอยู่ที่นี่ อืม นางรอคอยอย่างมีความหวังเหลือประมาณ
ปรนนิบัติดูแลเขางั้นรึ? ขอแค่เขาไม่กลัวตาย ก็แค่คนคนเดียวนางจะปรนนิบัติดูแลมิได้เชียวหรือ?
เย่ซิวตู๋ได้ฟังคำพูดของนางก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก ทว่าเขาก็มิได้เก็บไปใส่ใจ ทว่าภายในใจก็เริ่มรอคอยที่จะได้รับการปรนนิบัติจากสตรีผู้นี้แล้ว
“รีบพักผ่อน เช้าวันพรุ่งเราจะรอเจ้าที่ห้อง” เย่ซิวตู๋กล่าวจบก็เดินออกจากประตูห้องอย่างมีความสุข
เรื่องราวดำเนินไปในทิศทางที่ทำให้เขารู้สึกเหนือความคาดหมายจริง ๆ เขาคิดว่าหลังจากกลับมาในวันนี้ อวี้ชิงลั่วย่อมต้องระเบิดอารมณ์และคิดบัญชีกับเขาเป็นแน่ เขาคิดวิธีที่จะรับมือไว้มากมายจนนับไม่ถ้วน คิดไม่ถึงเลย แค่แม่นมเซียวเพียงคนเดียว ไม่เพียงแต่จะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย แต่ยังมอบประโยชน์ครั้งใหญ่แบบพิเศษให้เขาด้วย
“ไปกินขี้เถอะไป” อวี้ชิงลั่วกำหมัดแน่นใส่หลังของเย่ซิวตู๋ด้วยท่าทางดุดัน เย่ซิวตู๋ทำเป็นไม่ได้ยิน เดินออกจากเรือนของนางด้วยความสุขที่มิได้ลดน้อยลงเลย
หงเย่และเยว่ซินหันสบตากัน ก่อนจะเดินเข้ามาด้านในห้อง
“คุณหนู บ่าวจะไปตักน้ำมาให้นะเจ้าคะ เหนื่อยมาทั้งหมดแล้ว หลังอาบน้ำเสร็จคุณหนูก็รีบพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้าง ๆ ไม่พูดไม่จา
ถึงอย่างไรเยว่ซินก็ติดตามอยู่ข้างกายนางมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว และได้เห็นแม่นางอวี้โกรธจนหัวร้อนเพราะเย่ซิวตู๋มาหลายหน เมื่อเห็นนางไม่พูดไม่จา ภายในใจก็พอจะทราบแล้ว จึงเดินออกไปยกน้ำ
หงเย่ยืนอย่างเงียบสงบ การจัดห้องในวันนี้ นางเข้าใจถึงการจัดการภายในภายในห้องแห่งนี้ดีที่สุดแล้ว เมื่อเห็นเยว่ซินเดินไปยกน้ำ นางจึงเดินไปที่ตู้ที่วางอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนออกมาให้อวี้ชิงลั่ว
รอจนกระทั่งทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมแล้ว อารมณ์ของอวี้ชิงลั่วก็ถูกปรับไปพอสมควร นางหลับตาลงขณะแช่อยู่ในอ่างน้ำ ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งด้วยความรู้สึกสบายตัว
แสงจันทร์ค่อย ๆ มืดหม่นลง หงเย่เก็บของเรียบร้อยแล้ว ครั้นแลเห็นอวี้ชิงลั่วเอนกายลงบนเตียงจึงเดินออกไป
เยว่ซินช้ากว่านางหนึ่งก้าว นางถือพัดนั่งพัดเบา ๆ อยู่ข้างเตียงเบา ใช้โอกาสตอนที่ลมพัดเย็นสบาย เยว่ซิวเม้มปากกระซิบถามว่า “คุณหนู เหตุใดท่านถึง…เชื่อฟังแม่นมเซียวผู้นั้นขนาดนั้นรึเจ้าคะ? นายน้อยก็ดูเหมือนจะกลัวนางมากด้วย”
ไม่เข้าใจเลย ต่อให้คุณหนูจะไม่เหมือนกับเมื่อหกปีก่อน แต่นิสัยของนางกลับเปลี่ยนเป็นหยิ่งยโสถึงขีดสุด แม้แต่คนอย่างท่านอ๋องซิวก็มิอาจดูน่ากลัวได้ เหตุใดนางกลับกลัวคนรับใช้อย่างแม่นมเซียวเล่า?
อีกอย่าง จากความหมายในคำพูดของแม่นางเซียว คุณหนูกลายเป็นองค์หญิงของพวกนาง ทั้งยังเป็นนายหญิงของพวกนางด้วย ก็ควรเป็นฝ่ายหวั่นเกรงนางมิใช่หรือ?
อวี้ชิงลั่วยังไม่หลับ ครั้นได้ยินความสงสัยคิดไม่ตกของเยว่ซิน นางจึงพลิกตัวเล็กน้อยเพื่อนอนตะแคงข้างมาทางฝั่งเยว่ซิน
“แม่นมเซียวเคยช่วยชีวิตหนานหนานไว้”
“เคยช่วยชีวิตนายน้อย?” เยว่ซินประหลาดใจ สิ่งนี้ยิ่งทำให้นางไม่เข้าใจ บ่าวรับใช้ช่วยชีวิตนายท่าน ก็ดูเป็นเรื่องปกติยิ่ง
อวี้ชิงลั่วหยิบพัดที่อยู่ในมือของนางมาพัดให้ตนเอง “เป็นเพราะต้องช่วยชีวิตหนานหนานจึงทำให้แม่นมเซียวเกือบเอาชีวิตไม่รอด ก่อนหน้านี้นางเป็นแม่นมคนสนิทของฮองเฮาอาณาจักรเทียนอวี่ หากมิใช่เพราะฮองเฮาสงสารแม่นมเซียว จนถึงขั้นนำสมุนไพรช่วยชีวิตที่เป็นสมบัติสะสมของอาณาจักรเทียนอวี่ออกมา ต่อให้เป็นข้า เกรงว่าก็คงมิอาจรักษาชีวิตของแม่นมเซียวไว้ได้”
บุญคุณที่เคยช่วยชีวิตเช่นนี้ อวี้ชิงลั่วได้จดจำอยู่ภายในใจ
เยว่ซิวอ้าปากค้าง แม้แต่หมอปีศาจก็มิอาจช่วยกลับมาได้ แค่คิดก็พอจะรู้แล้วว่าชีวิตของแม่นมเซียวใกล้วาระสุดท้ายของชีวิตขั้นไหนแล้ว
ไม่แปลกใจเลยแม้ว่าคุณหนูจะโกรธเพราะคำพูดของแม่นมเซียว ทว่าก็ไม่เคยชักสีหน้าใส่ และไม่เคยวางมาดของการเป็นนายหญิง
ไม่แปลกใจเลยที่ต่อให้หนานหนานถูกแม่นมเซียวลงโทษเช่นนั้น ก็มิได้ถึงขั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟคิดจะคิดบัญชีแค้น
“แม้ว่าแม่นมเซียวจะชอบเทศนาอบรมสั่งสอน อันที่จริงนางเป็นคนใจอ่อนมาก นางจริงใจต่อข้าและหนานหนานมาก” อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม ยื่นมือออกไปผลักเยว่ซินพลางกล่าว “เอาล่ะ เจ้าเองก็กลับไปพักผ่อนเถิด หงเย่คงต้องพักอยู่กับเจ้าชั่วคราวไปก่อน นางเป็นสหายที่ดีคนหนึ่ง เจ้าเองก็อย่าได้ถือสานางเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้”
เยว่ซินบุ้ยปาก “คุณหนู บ่าวมิใช่คนใจแคบเช่นนั้นสักหน่อยนะเจ้าคะ”
“ไปเถิด นี่ก็ดึกแล้ว”
“เช่นนั้นคุณหนูก็รีบพักผ่อนนะเจ้าคะ” เยว่ซินลุกขึ้นยืน เป่าเทียนไขบนเชิงเทียนให้ดับ ก่อนจะเดินออกไปและปิดประตูห้องอย่างเงียบ ๆ
รอจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินออกไป อวี้ชิงลั่วกลับถอนหายใจลากยาว พลิกตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เดินไปที่ข้างโต๊ะเพื่อนำเทียนหอมที่นางใช้ประจำมาเปลี่ยน เปิดหน้าต่างเพื่อรับลมหนาวที่พัดเข้ามาจากด้านนอก จากนั้นจึงกลับขึ้นไปเอนตัวบนเตียงด้วยความรู้สึกสบายใจอีกครั้ง
หลับตา…เพื่อนอนหลับ
เพียงแต่ นางกลับมิอาจนอนหลับได้อย่างสบายใจ มีแสงสีมากมายหลายหลากดูพิลึกกึกกือตลอดทั้งคืน ในฝันนางถูกเย่ซิวตู๋ทรมานจนหมดสภาพ ระดับความน่าสังเวชและเศร้าโศกนั้นหากให้บรรยายคงใช้คำว่าสวรรค์มิอาจให้อภัยได้
จนกระทั่งอวี้ชิงลั่วดิ้นรนตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายอย่างยากลำบาก ท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างจ้าแล้ว
ประตูห้องมีเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ครั้นอวี้ชิงลั่วได้ยินจังหวะเคาะนั้น นางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาในทันที
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนของแม่นมเซียวดังขึ้น “องค์หญิง ตื่นบรรทมหรือยังเพคะ?”
“…” อวี้ชิงลั่วไม่ขานตอบ คิดเสียว่านางหยุดหายใจก็แล้วกัน ลากได้เท่าไรก็เท่านั้น
อวี้ชิงลั่วพลิกกาย มุดศีรษะเข้าไปพร้อมกับนอนหลับต่อ
“องค์หญิง หม่อมฉันได้ยินเสียงพลิกกายขององค์หญิงแล้ว คิดว่าน่าจะรู้สึกตัวแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้หม่อมฉันเข้าไปนะเพคะ”
“…” แม่นมเซียว ท่านมีหูทิพย์หรืออย่างไรกัน? เสียงเบาขนาดนี้ท่านยังได้ยินอีก?
อวี้ชิงลั่วยังไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย แม่นมเซียวก็ผลักประตูห้อง ยืนที่ข้างเตียงของนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ยื่นมือออกมาเลิกม่านเตียง “องค์หญิง ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเถิดเพคะ อีกครู่หนึ่งต้องไปที่เรือนของท่านอ๋อง อีกไม่นานการแข่งขันของวันนี้ก็จะเริ่มแล้ว หากล่าช้า คนที่เสียเปรียบก็คือตัวองค์หญิงเองนะเพคะ”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมุ่น “มีอะไรให้ข้าต้องเสียเปรียบ?”
“เดิมทีระยะเวลาที่หม่อมฉันจัดเตรียมให้องค์หญิงคือสิบวัน หากภายในระยะเวลาสิบวันสำเร็จโดยไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หากหนึ่งวันมิอาจสำเร็จได้ เช่นนั้นก็ต้องเพิ่มเป็นสองวัน องค์หญิงเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องถึงเพียงนั้น ก็น่าจะทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้นะเพคะ”
“…” อวี้ชิงลั่วไม่พูดอะไรอีก แม่นมเซียว ถือว่าท่านเก่ง
แม่นมเซียวเห็นเช่นนี้ จึงยกฝ่ามือกล่าวว่า “หงเย่ พวกเจ้าเข้ามา ช่วยองค์หญิงล้างหน้าล้างตา ทำตัวให้มันว่องไวหน่อย”
“เจ้าค่ะ” เพียงไม่นานด้านนอกก็มีเสียงของหงเย่และเยว่ซินขานตอบอย่างพร้อมเพรียงจนน่าประหลาด
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ้อ เคยมีบุญคุณร่วมกันในหนหลังนี่เอง ถึงว่าทำไมทั้งแม่ลูกคู่นี้ไม่เถียงแม่นมเลย
ไหหม่า(海馬)