อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 417 เปลี่ยนอาภรณ์
ตอนที่ 417 เปลี่ยนอาภรณ์
ตอนที่ 417 เปลี่ยนอาภรณ์
ครั้นแลเห็นอวี้ชิงลั่วก้าวเดินห่างออกไปอย่างเนิบช้าทีละก้าว หนานหนานจึงปล่อยมือที่ปิดปากอวี้เป่าเอ๋อร์ ยกมือขึ้นมาจับคางพลางครุ่นคิด กล่าวว่า “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ท่านไปเรียกเสี่ยวเฉิงเฉิงมา ตอนนี้เขาน่าจะตื่นแล้ว พวกเรากินข้าวในห้องของตนเองก็แล้วกัน”
“กินข้าวในห้อง? ท่านพี่คงไม่ยอมหรอก” ตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้พวกเขากินอาหารร่วมกันภายในโถงบุปผามาโดยตลอด ท่านพี่บอกว่าหากปล่อยหนานหนานให้กินข้าวเพียงลำพังภายในห้องย่อมต้องทำห้องรกเละเทะเป็นแน่ ทั้งหนูและแมลงสาบคงได้วิ่งพล่านทั่วห้อง
หนานหนานหัวเราะหึ ๆๆ หลายเสียง “ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ ข้าจะบอกอะไรให้นะ ครั้งนี้ท่านแม่ต้องยอมแน่นอน”
“ทำไมล่ะ?”
“ท่านลองคิดดูสิ เมื่อคืนแม่นมเซียวพูดเองว่าจะให้ท่านแม่ปรนนิบัติเรื่องอาหารการกินให้ท่านพ่อ แม้ว่าข้าเองก็อยากไปดู แต่แม่นมเซียวก็อยู่ที่นั่นด้วย ข้าได้ลองชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียดูแล้วจึงตัดสินใจไม่ไปดีกว่า นี่ ท่านแม่ของข้าเป็นคนแข็งแกร่งขนาดนั้น นางจะเต็มใจปล่อยให้ลูกชาย น้องชายและหลานชายเห็นนางปรนนิบัติท่านพ่อได้อย่างไร นางแทบไม่อยากให้พวกเราปรากฏตัวเสียด้วยซ้ำ”
อวี้เป่าเอ๋อร์จึงตระหนักขึ้นได้ จะว่าไปแล้วบนโลกใบนี้ คนที่เข้าใจท่านพี่มากที่สุด เกรงว่าคงเป็นหนานหนานนี่แหละ
พอได้มาวิเคราะห์ดูเช่นนี้ การรับประทานอาหารภายในห้องก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
อวี้เป่าเอ๋อร์พยักหน้า หมุนกายวิ่งไปเรียกเย่หลานเฉิงที่ห้อง จากนั้นก็หันกลับมาสั่งให้คนแอบฝากไปบอกเยว่ซิน ว่าเด็ก ๆ อย่างพวกเขาทั้งสามคนจะกินอาหารภายในห้อง
ตอนที่อวี้ชิงลั่วได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของนางถึงกับเหี้ยมโหด นางจะไม่รู้ความคิดเล็ก ๆ นั้นของหนานหนานเชียวหรือ นั่นก็เป็นเพราะกลัวว่าแม่นมเซียวจะหันปลายหอกเข้าหาเขามิใช่รึ? เจ้าเด็กคนนี้เผ่นแนบได้เร็วเหลือเกิน ปล่อยให้นางรับความทุกข์ทรมานอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง
แต่ก็ช่างเถิด หนานหนานคิดไว้ก็ไม่ผิด เพราะนางก็ไม่อยากปรนนิบัติเย่ซิวตู๋ต่อหน้าอวี้เป่าเอ๋อร์ หนานหนานและเย่หลานเฉิง
โดยเฉพาะ…ตอนนี้ที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องของเย่ซิวตู่ ยิ่งทำให้นางเกิดความรู้สึกคิดไปเองว่ากำลังจะกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ
เย่ซิวตู๋ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว เขาลืมตามองเพดานตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน ซึ่งเป็นการตื่นที่เช้ากว่าทุก ๆ วันที่ผ่านมา เหลือก็แค่รอให้สตรีบางคนเดินเข้ามาเคาะประตู
เด็กรับใช้คิดจะปรนนิบัติช่วยเขาลุกขึ้นจากเตียง ทว่ากลับถูกเขาไล่ออกไปในทันที
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก มุมปากเย่ซิวตู๋จึงยกขึ้นเล็กน้อย ค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวที่หน้าประตู
ถึงกระนั้น หนึ่งเค่อผ่านพ้นไป เย่ซิวตู๋กลับได้ยินเสียงลมหายใจที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ของใครบางคนที่อยู่ด้านนอก ทว่ากลับไม่เห็นนางเคาะประตูเดินเข้ามา
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนที่กำลังจะลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงเคร่งครัดของแม่นมเซียวดังขึ้นว่า “องค์หญิง หากยังล่าช้ามากกว่านี้ เกรงว่าคงไม่ทันการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรนะเพคะ”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกหงุดหงิด เม้มริมฝีปากจนแน่นครู่หนึ่ง หลับตาลงพร้อมกับยกมือขึ้นมาเคาะ ‘ก๊อก ๆๆๆ’
บนใบหน้าของเย่ซิวตู๋ปรากฏรอยยิ้มขึ้นอีกหน ไอกระแอมเสียงเบาหนึ่งเสียง พูดอย่างจริงจัง “เข้ามา”
อวี้ชิงลั่วแอบกำหมัดเล็กน้อย ก่อนจะยกมือผลักประตูเดินเข้ามา
แสงอาทิตย์อุ่น ๆ จากด้านนอกสาดส่องเข้ามา กระทบลงบนปิ่นปักผมทองที่เสียบอยู่บนเรือนผมของอวี้ชิงลั่ว เกิดแสงพร่างพรายรอบทิศ ทำให้ดูมีเสน่ห์จนผู้คนไหวหวั่น
ครั้นได้เห็นสตรีผู้มีความสง่างามแตกต่างจากก่อนหน้านี้เดินเข้ามา ลมหายใจของเย่ซิวตู๋พลันหยุดชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาสั่นไหวและเป็นประกายขึ้นในบัดดล
สายตาคู่นั้นหายวับไปกับตา ทว่ากลับไม่พ้นสายตาของแม่นมเซียว มุมปากของนางยกขึ้นด้วยความพึงพอใจ…ประเสริฐนัก…สตรีควรเผยด้านที่งดงามที่สุดให้บุรุษได้เห็น หากองค์หญิงแต่งกายเรียบง่ายสะอาดสะอ้านแบบนั้นตลอดไป ท่านอ๋องจะรู้สึกเอียนมากเพียงใด?
ตอนนี้ท่านอ๋องได้เห็นสตรีผู้มีความสง่าผ่าเผย อ่อนโยนนุ่มนวล สวยงามจนน่าทึ่งเช่นนี้ หลังจากนี้หากได้เห็นสตรีที่ประโคมผิวด้วยเครื่องประทินผิวเหล่านั้น เกรงว่าคงยากเกินกว่าจะเข้าตา
แม่นมเซียวพึงพอใจต่อการแสดงออกและสายตาของเย่ซิวตู๋อย่างมาก นางพยักหน้าเล็กน้อย โบกมือสั่งให้เยว่ซินและหงเย่ออกไป เหลือแค่นางที่ยืนอยู่ข้างกายอวี้ชิงลั่ว กล่าวเตือนว่า “องค์หญิง พูดเพคะ”
อวี้ชิงลั่วหันมาด้วยความมึนงง “พูดอะไร?”
ครั้นนางเอ่ยปากพูด บรรยากาศที่อ่อนโยนเมื่อครู่พลันพังทลายลง จนเย่ซิวตู๋อดหัวเราะมิได้ ยกมือทั้งสองข้างพลางกล่าว “ไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย เข้ามาเปลี่ยนชุดให้เราเถิด”
หากปล่อยให้อวี้ชิงลั่วคารวะทักทายตนเอง และแทนตนเองว่าหม่อมฉันข้าน้อยในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เกรงว่าคนที่ต้องเสียเปรียบก็คือตัวเขาเอง
อวี้ชิงลั่วเพิ่งจะเข้าใจว่าสิ่งที่แม่นมเซียวต้องการให้นางพูดคือสิ่งใด หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ซิวตู๋ นางจึงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับส่งสายตา ‘ถือว่าท่านยังรู้งาน’ ให้เขาปราดหนึ่ง
ท้ายที่สุดแม่นมเซียวก็อดกระตุกมุมปากมิได้ นางยื่นมือออกมาตีหลังอวี้ชิงลั่ว “องค์หญิง เปลี่ยนอาภรณ์เพคะ”
อวี้ชิงลั่วหนังตากระตุกวูบ เริ่มก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าด้วยท่าทางเงอะงะ เมื่อเห็นว่าเย่ซิวตู๋สวมใส่เสื้อด้านในเพียงตัวเดียว ชุดคลุมที่แหวกออกเล็กน้อยเผยให้เห็นผิวเนื้อหนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อทรงพลัง นางก็ถึงกับกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่อยู่
“ชิงเอ๋อร์ หรือว่าเจ้าเปลี่ยนชุดไม่เป็น?” เย่ซิวตู๋มองนางที่ทำตัวอืดอาดยืดยาดเชื่องช้ายิ่งกว่ามดก็อดนึกขำไม่ได้ เลิกคิ้วกล่าวว่า “เราจำได้ว่าความเร็วในการเปลี่ยนเสื้อของชิงเอ๋อร์ไม่ควรช้าถึงจะถูก คราวก่อนตอนที่อยู่ในอุทยานอวี้ฮวา…”
“หุบปาก” อวี้ชิงลั่วถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง
แม่นมเซียวไอกระแอมเบา ๆ หนึ่งเสียง สายตาที่จ้องเขม็งของนางจึงถูกดึงกลับมาครึ่งหนึ่ง เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแสนอ่อนโยน “ข้าหมายความว่า ท่านอ๋องคงกระหายแล้ว อยากดื่มน้ำก่อนหรือไม่? อันที่จริงในทุก ๆ เช้าทุกคนล้วนต้องดื่มน้ำหนึ่งแก้วใหญ่เพื่อชดเชยน้ำในร่างกายถึงจะดี ท่านอ๋องอย่าได้เป็นกังวลใจ ข้าเป็นหมอ เรื่องนี้ไม่โกหกอยู่แล้ว”
ครั้งนี้แม่นมเซียวมิได้พูดสิ่งใด คำพูดนี้พูดไว้ไม่ผิด ก่อนหน้านี้ตอนที่องค์หญิงอยู่ในวังของอาณาจักรเทียนอวี่ก็พูดเช่นนี้กับฮ่องเต้และฮองเฮา
เย่ซิวตู๋ชะงัก ครั้นหมุนกายก็พบว่าอวี้ชิงลั่วยื่นแก้วน้ำมาตรงหน้าเขาแล้ว
ได้เห็นดวงหน้าระยะใกล้ ได้เห็นการประทินโฉมที่มีความละเมียดละไมนั้น ได้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากแดงนั้น ลำคอของเย่ซิวตู๋ถึงกับขยับโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ เขาก็เกิดความคิดอยาก…เข้าห้องหอเสียเหลือเกิน
โดยเฉพาะความปรารถนาบางอย่างที่ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลันในช่วงเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ ทำให้เขาแทบทนไม่ไหว
เขาคิดว่า การเข้าห้องหอก่อนแล้วค่อยสามีภรรยากันถือเป็นการพัฒนาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
เสียง ‘อึก’ ดังขึ้น ของเหลวเย็น ๆ ไหลลงไปตามลำคอของเย่ซิวตู๋ ดับไฟที่กำลังลุกโชนของเขาภายในชั่วพริบตาเดียว
เย่ซิวตู๋หลับตาลง ค่อย ๆ ระงับความกระสับกระส่ายบนร่างกาย ก่อนจะหันกลับมามองอวี้ชิงลั่วที่วางแก้วน้ำชากลับเข้าที่เดิม
อวี้ชิงลั่วหยิบชุดที่วางอยู่บนชั้นวางด้านข้าง ยื่นมือออกมาพร้อมกับสะบัด
“แค่ก ๆ” แม่นมเซียวถึงกับหมดคำพูด นี่คือพฤติกรรมของพระชายาในอนาคตหรือ? การกระทำช่างหยาบคายราวกับสตรีในชนบทนัก
เย่ซิวตู๋อมยิ้ม มือยังคงกางออก การเคลื่อนไหวของอวี้ชิงลั่วแข็งทื่อเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่ม…กางเสื้อออกอย่างเอื่อยเฉื่อย กว่าจะได้สวมใส่ลงบนกายของเย่ซิวตู๋
การแต่งกายให้บุรุษมิใช่เรื่องยากสำหรับนาง ถึงอย่างไรหนานหนานก็ถือเป็นบุรุษน้อยคนหนึ่ง นางจึงมีประสบการณ์มาแล้ว
ทว่า เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มพรายดูอวดดีของเย่ซิวตู๋ ความรู้สึกไม่พอใจทั้งหมดที่อวี้ชิงลั่วมีพลันปะทุขึ้นมาอีกหน ทอดมองคางของอีกฝ่ายที่เชิดขึ้นเล็กน้อย จู่ ๆ สายตาของนางก็เกิดการสั่นไหวสองวูบ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่านอ๋องรอดไหมเนี่ยชิงลั่ว อย่าเพิ่งใจสั่นสิ
ท่านอ๋องไร้ยางอาย อย่าแกล้งชิงลั่วนักจะได้ไหม
ไหหม่า(海馬)