อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 418 กระแทกคางของเขา
ตอนที่ 418 กระแทกคางของเขา
ตอนที่ 418 กระแทกคางของเขา
ยิ้มสิ ท่านยิ้มต่อไปสิ อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลาที่ท่านต้องหลั่งน้ำตาแล้ว
อวี้ชิงลั่วคิดเรื่องชั่วร้ายอยู่ภายในใจ ขณะขยับเข้าใกล้เพื่อสวมเข็มขัดให้เขา
ปลายจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของยาที่ส่งออกมาจากเรือนกายของนาง แม้ว่าหงเย่จะพยายามปกปิดกลิ่นเดิมบนตัวนาง ทว่าทั้งคู่ยืนใกล้กันขนาดนั้น ทำให้เย่ซิวตู๋ยังคงได้กลิ่นคุ้นเคยที่ทำให้จิตใจของเขาฟุ้งซ่าน
สรุปแล้วการที่นางมาปรนนิบัติเขา เป็นการทรมานนาง หรือทรมานเขากันแน่?
เย่ซิวตู๋ครุ่นคิดด้วยความรู้สึกหดหู่ เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ไหว มือทั้งสองข้างขยับคิดอยากจะโอบกอดนาง
วินาทีที่เขาขาดสติเช่นนี้ มุมปากของอวี้ชิงลั่วพลันยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม นางงอเข่าลงและยืดตัวขึ้น ปิ่นปักผมทองประดับด้วยอัญมณีส่องแสงพร่างพรายเจิดจรัสวูบไหวโดยพลัน และจู่ ๆ เย่ซิวตู๋ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บริเวณปลายคาง
เสียง “ซี๊ด…” ดังขึ้นหนึ่งเสียง เขายกมือขึ้นมากุมบริเวณที่ถูกกระแทกด้วยความเจ็บปวด
“ว้าย ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ เจ็บตรงไหนหรือไม่?” อวี้ชิงลั่วรีบถอยหลังออกไปสองก้าว จ้องเขาด้วยสายตามึนงงและไร้เดียงสา
แม่นมเซียวขมวดคิ้ว รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าสองสามก้าว “องค์หญิง เหตุใดพระองค์ถึงได้…”
อวี้ชิงลั่วยิ่งทำเป็นผู้บริสุทธิ์ “แม่นม ท่านเองก็รู้ว่าข้าไม่เคยปรนนิบัติใครมาก่อน ครั้งแรกย่อมไม่รู้หนักเบา อีกอย่างท่านก็ไม่หาคนมาให้ข้าฝึกฝนสักหน่อย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ แม่นม ข้าว่าให้ข้าฝึกกับคนอื่นก่อนแล้วค่อยมาปรนนิบัติท่านอ๋องดีหรือไม่?”
เย่ซิวตู๋แย้มยิ้ม ปล่อยมือที่กุมคางลงแล้ว
“ไม่เป็นไร ตรงคางแค่โดนข่วนเท่านั้น มิได้มีเลือดออก ข้าเชื่อว่าชิงเอ๋อร์ต้องมียาทาชั้นดี รอยแดงแค่นี้ก็น่าจะปิดมิดจริงหรือไม่? อีกอย่าง หากให้หาคนอื่นที่มิใช่ว่าที่สามีมาฝึกฝน แบบนั้นจะไม่ทำให้ชิงเอ๋อร์อึดอัดคับข้องใจแย่เลยหรือ?”
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นโดยพลัน ถลึงตามองเขาโดยไม่ทิ้งร่องรอยให้เห็น
เย่ซิวตู๋จ้องมองสายตาที่แฝงด้วยการตักเตือนและท้าทายของนาง รอยยิ้มยิ่งหยักลึก เขารู้อยู่แล้วว่าสตรีผู้นี้จงใจเป็นแน่
แม่นมเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง พยักหน้า “ท่านอ๋องซิวพูดมีเหตุผล ในเมื่อท่านอ๋องยอมให้อภัยองค์หญิง เช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอบพระทัยแทนองค์หญิงด้วยเพคะ”
“…” ให้อภัย? อวี้ชิงลั่วขบฟันกรอดจนเกิดเสียงกึก ๆ…เย่ซิวตู๋พ่อคนเก่ง
“ท่านอ๋อง องค์หญิง อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้วเพคะ” เสียงอ่อนโยนของหงเย่ดังเข้ามาจากด้านนอกประตูพอดี
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ทอดมองรอยแดงที่ใต้คางของเย่ซิวตู๋ เม้มปากสั่งหงเย่ให้ไปหยิบยาทาในห้องของนาง
แม่นมเซียวเห็นว่าเย่ซิวตู๋ได้รับบาดเจ็บ การหวีผมและล้างหน้าล้างตาถัดจากนี้ นางจึงจับตาดูอวี้ชิงลั่วอย่างใกล้ชิด
อวี้ชิงลั่วถูกอีกฝ่ายจ้องมองจนเกิดอาการขนพองสยองเกล้า กอปรกับเห็นแผลที่คางของเย่ซิวตู๋ นางจึงออมมือไม่ได้ทรมานเขาต่อ
นอกจาก…จงใจกระชากผมเขาสองสามเส้นตอนที่หวีผม
นอกจาก…จงใจถูหน้าเขาแรง ๆ โดยไม่ทันได้ระวังตอนล้างหน้า
นอกจาก…ฉวยโอกาสตอนที่แม่นมเซียวไม่เห็นแอบหยิกเอวของเย่ซิวตู๋แรง ๆ ตอนที่เดินออกจากห้องพร้อมกับเขา
นอกจากสิ่งเหล่านี้ นางก็ไม่ได้ทำอย่างอื่น
อวี้ชิงลั่วเดินออกจากประตูห้องโดยมิได้มีความละอายใจแม้แต่น้อย
เย่ซิวตู๋มุมปากกระตุกวูบอย่างรุนแรง พูดตามตรง บริเวณศีรษะและใบหน้าที่ถูกนางทรมานทำให้เขาเจ็บ แต่เมื่อคิดถึงความรู้สึกนุ่มลื่นตอนที่นิ้วของนางสัมผัสลงบนใบหน้าของเขาเมื่อครู่ เขาก็รู้สึกเต็มใจต่อความยากลำบากนี้ ต่อให้ต้องถูกนางถูอีกสักกี่ครั้งก็ยอม
ภายในโถงบุปผามีอาหารเช้านำมาขึ้นโต๊ะไว้ก่อนหน้านี้แล้ว อวี้ชิงลั่วยกชายกระโปรงหนักอึ้งนั่งลงอย่างระมัดระวัง นางมองดูอาหารตรงหน้าทว่ากลับไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย
มีแม่นมเซียวอยู่ที่นี่ อาหารเช้าย่อมมิใช่อาหารรสจืดที่นางมักจะสั่งเป็นประจำเหล่านั้น
อวี้ชิงลั่วจ้องมองเนื้อไก่ เป็ด และปลาน้ำมันเยิ้มที่อยู่บนโต๊ะ นางหยิบตะเกียบขึ้นมา ทว่าไม่รู้ว่าควรจะลงมือจากจุดไหนก่อนถึงจะดี
“แม่นม” เย่ซิวตู๋ช้อนสายตามองแม่นมเซียวปราดหนึ่ง
แม่นมเซียวรีบค้อมกาย “หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ”
“เราชอบกินอาหารรสจืดในช่วงเช้า สั่งให้ห้องครัวจัดเตรียมอาหารที่ทำอย่างทุกวันเถิด”
อวี้ชิงลั่วชะงัก เงยหน้ามองเขาปราดหนึ่ง ความรู้สึกภายในใจ…ถึงกับพูดไม่ออก
แม่นมเซียวก็ชะงักเช่นกัน จากนั้นจึงเหลือบมองอวี้ชิงลั่วทำท่าทางราวครุ่นคิด พยักหน้าตอบว่า “เพคะ หม่อมฉันจะไปสั่งให้ห้องครัวนำอาหารมาขึ้นโต๊ะเสวยใหม่”
นี่ท่านอ๋องกำลัง…เอาใจองค์หญิงอยู่กระมัง แม่นมเซียวและอวี้ชิงลั่วอยู่ด้วยกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่นางอยู่ในอาณาจักรเทียนอวี่ นางก็ชอบจัดอาหารเช้าเอง แม้จะไม่ได้มีอาหารมากมายเต็มโต๊ะ แต่ก็มีอาหารแปลกใหม่ทุกวัน
เพียงแต่แม่นมเซียวคิดว่าหลายสิ่งที่อวี้ชิงลั่วกินล้วนเป็นธัญพืชหยาบที่ประชาชนธรรมดากินกัน จึงดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก หากอยู่ในอาณาจักรเทียนอวี่ก็คงไม่เป็นไร แม่นมเซียวยอมตามใจนางได้ แต่เมื่อมาอยู่ในอาณาจักรเฟิงชาง อยู่ในตำหนักท่านอ๋องซิว อยู่ในเรือนของว่าที่พระสวามี องค์หญิงมิอาจทำตามอำเภอใจเช่นนี้ได้
อยู่ที่นี่ นางต้องยึดตามความโปรดปรานของท่านอ๋องแล้วค่อยปรับเปลี่ยนความโปรดปรานของตนเอง
ความคิดของแม่นมเซียวและอวี้ชิงลั่วแตกต่างจากฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้นางจึงสั่งให้คนเตรียมอาหารที่เสวยกันเป็นปกติของราชวงศ์แห่งอาณาจักรเทียนอวี่ขึ้นโต๊ะในวันแรก คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะสั่งให้คนนำออกไป
เย่ซิวตู๋ไม่ได้คิดเช่นนี้ ในตอนแรกก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้าใจเกี่ยวกับอาหารเช้าที่เรียบง่ายและค่อนข้างเป็นอาหารพื้น ๆ ที่อวี้ชิงลั่วจัดเตรียม ถึงอย่างไรขุนนางและคนอื่น ๆ โดยทั่วไปต่างก็เข้าประชุมราชสำนักตั้งแต่เช้า มีหลายครั้งที่กินอาหารแค่วันละสองมื้อ ไม่ได้พิถีพิถันเกี่ยวกับอาหารเช้า หากไม่ใช่เพราะหิว หรือหลังเลิกประชุมราชสำนักฮ่องเต้ทรงจัดงานเลี้ยง มีอาหารอันโอชะและสุราเลิศรส ราชวงศ์ยิ่งไม่มีทางที่จะเสวยอาหารหยาบ ๆ เช่นนี้
โชคดีที่เขาเป็นท่านอ๋องที่ทำตัวสบาย ๆ ไม่สนใจเรื่องในราชสำนักและไม่เข้าร่วมประชุม ถึงอย่างไรอาหารภายในตำหนักอ๋องก็ไม่ได้เลวร้าย แต่หลังจากที่อวี้ชิงลั่วมาที่นี่ จึงมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทว่าเย่ซิวตู๋กลับค้นพบว่า อาหารเช่นนี้หลังจากได้กินติดต่อกันหลายวัน กลับทำให้ร่างกายของเขากระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างมาก
หลังจากคุ้นชินแล้ว ก็กลายเป็นความเพลิดเพลินอย่างมาก
แม่นมเซียวยกฝ่ามือขึ้น เพียงไม่นาน อาหารอันโอชะบนโต๊ะอาหารก็ถูกยกออกไปทั้งหมด ถูกสับเปลี่ยนเป็นอาหารที่อวี้ชิงลั่วเป็นคนสั่งห้องครัวในแต่ละวัน
โจ๊กข้าวโพด ชาแผ่น น้ำเต้าหู้ โหย่วเถียว ซาลาเปา บะหมี่และอื่น ๆ มีมากมายหลากหลายชนิด
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้แม่นมเซียวด้วยรอยยิ้มแฝงด้วยความหมายลึกล้ำ เพียงไม่นานอาหารก็ถูกเปลี่ยนจนหมด คิดว่ามื้อเช้าในวันนี้ แม่นมเซียวก็คงเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้วกระมัง
แม่นมเตือนอวี้ชิงลั่วโดยที่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย “องค์หญิง ควรลุกขึ้นมาปรนนิบัติอาหารการกินให้ท่านอ๋องแล้วเพคะ”
“…” รอยยิ้มบนใบหน้าของอวี้ชิงลั่วถึงกับแข็งค้าง
ปรนนิบัติอาหารการกิน? นางแต่งกายเช่นนี้ ทำอะไรก็ขวางมือขวางเท้าไปเสียหมด แม่นมเซียวยังคิดจะให้นางปรนนิบัติอาหารการกินของเย่ซิวตู๋อีก?
เย่ซิวตู๋หัวเราะให้นางหนึ่งเสียง ก่อนเอนกายไปด้านหลังด้วยท่าทางสบาย ๆ ปนเกียจคร้าน “ชิงเอ๋อร์ อาหารพวกนี้ชืดเร็วนะ”
ความหมายก็คือ หากนางยังล่าช้ามากกว่านี้จะทำให้เขาน้อยใจแล้ว
อวี้ชิงลั่วมองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังแม่นมเซียว นางขบฟันอดทนอดกลั้น ก็แค่คีบอาหารให้เขาไม่กี่ตักมิใช่รึ? ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
“วันนี้เราปวดมือขวานิดหน่อย ชิงเอ๋อร์ รบกวนเจ้าแล้ว”
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งก็ถึงกับแข็งทื่อในบัดดล หมายความว่าอย่างไร? หรือเขาคิดจะให้นางป้อนถึงปาก?
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
การทรมานยังไม่จบ แต่งตัวให้แล้วยังต้องป้อนข้าวให้ด้วย สู้ ๆ นะชิงลั่ว
ไหหม่า(海馬)