อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 421 ความคิดของหนานหนาน
ตอนที่ 421 ความคิดของหนานหนาน
ตอนที่ 421 ความคิดของหนานหนาน
“วันแรกตอนที่ข้าพาหนานหนานปรากฏตัวขึ้นภายในโรงเตี๊ยมจนได้เจอกับเย่หลานผิงโดยบังเอิญ องค์ชายรองก็อยู่ที่นั่นด้วย เพียงแต่เป็นเพราะสถานะของข้า เขาจึงไม่ได้ปรากฏตัวออกมายืนยันตัวตนของหนานหนาน แต่ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพวกเจ้าดีเยี่ยม เช่นนั้นเขาย่อมต้องสงสัยในสถานะของหนานหนานและข้า รวมถึงสถานะของราชวงศ์อาณาจักรเฟิงชาง ทำให้เขาเริ่มลงมือตรวจสอบ”
อวี้ชิงลั่วตระหนักได้ เรื่องหลังจากนั้นก็พอจะคาดเดาได้บ้างแล้ว นางหรี่ตามองเย่ซิวตู๋ครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “ดังนั้นเขาก็เลยส่งคนสะกดรอยตามท่าน? ภายหลังจึงค้นพบสถานะว่าท่านคือพ่อของหนานหนาน? จากนั้นพวกท่านทั้งสองต่างก็มีอุดมการณ์เดียวกันจึงเริ่มวางแผนเพื่อให้ข้าแต่งงานกับท่าน?”
“แค่ก…” เย่ซิวตู๋หัวเราะหนึ่งเสียง สถานการณ์โดยคร่าว ๆ ก็เป็นเช่นนี้ เพียงแต่…
“เขาให้คนสะกดรอยตามข้าจริง แต่เจ้าคิดว่าข้าจะประมาทถึงขั้นปล่อยให้เขายืนยันสถานะของข้าและหนานหนานรึ?” ดูถูกเขามากเกินไปแล้ว
หากองค์ชายรองสะกดรอยตามเขาด้วยตนเอง บางทีอาจเจอเบาะแสบางอย่าง น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มาด้วยตนเอง และลูกสมุนของเขาก็ถูกเย่ซิวตู๋จับตัวได้
บังเอิญที่ตอนนั้นเย่ซิวตู๋ได้เห็นวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ของหนานหนาน จึงทราบว่าเขาและอาณาจักรเทียนอวี่ย่อมต้องมีความสัมพันธ์ต่อกัน จึงพบหน้ากับองค์ชายรองอย่างตรงไปตรงมา
องค์ชายรองผู้นี้ภายนอกดูเป็นคนเหลาะแหละเกียจคร้านยิ่งนัก ทว่ากลับเป็นคนคิดละเอียดรอบคอบและมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ ครั้นได้พบเย่ซิวตู๋ครั้งแรกก็รู้สึกสนิทสนมราวกับเป็นสหายเก่าแก่
เย่ซิวตู๋มีความคิดอยากมอบสถานะที่เหมาะสมน่าเชื่อถือให้อวี้ชิงลั่ว เขามีความคิดที่ลึกซึ้ง ตอนนี้มีแผนการแล้ว ย่อมไม่ทางปล่อยให้นางมีโอกาสได้เสียใจในภายหลัง
ส่วนอวี้ชิงลั่ว เดิมทีนางเป็นพระธิดาโดยชอบธรรมที่ได้รับการยอมรับโดยฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของอาณาจักรเทียนอวี่ และได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงอย่างเป็นทางการแล้ว ฮ่องเต้ของอาณาจักรเทียนอวี่โปรดปรานอวี้ชิงลั่วและหนานหนาน ถึงขั้นโปรดปรานยิ่งกว่าพระโอรสและพระธิดาแท้ ๆ ของพระองค์เสียอีก ด้วยเหตุนี้หลังจากที่องค์ชายรองรายงานสถานการณ์ทางฝั่งนี้ ฮ่องเต้จึงมีราชโองการลงมา ให้แต่งตั้งอวี้ชิงลั่วเป็นองค์หญิงที่มีตำแหน่งสูงสุดของอาณาจักรเทียนอวี่ รวมถึงร้องขอเรื่องงานอภิเษกสมรสกับอาณาจักรเฟิงชางด้วย
นี่ถือเป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไม่เพียงแต่จะได้เป็นพันธมิตรและกลายเป็นครอบครัวพระสุณิสาของอาณาจักรเฟิงชาง ยังทำให้หนานหนานและบิดาแท้ ๆ ของเขาได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ส่วนอวี้ชิงลั่ว…พวกเขาเชื่อว่าบุรุษอย่างเย่ซิวตู๋ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องครอบครองนางได้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าบนใบหน้าของอวี้ชิงลั่วถึงกับบิดเบี้ยว
สองพ่อลูกตระกูลถังดูแคลนนางเกินไปหน่อยกระมัง? นางเป็นคนที่ถูกคนครอบครองได้ง่าย ๆ ถึงเพียงนั้นเชียวรึ? แม้ว่า…แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ ทว่าการร่วมมือกันเพื่อวางแผนใส่นาง ย่อมมิอาจให้อภัยได้
อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเย่ซิวตู๋ ฟังเสียงน่าดึงดูดอันเป็นเอกลักษณ์ของเย่ซิวตู๋ที่ดังขึ้นอย่างเนิบช้า ภายในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนเข้าใกล้สนามแข่งขันสี่อาณาจักรใหญ่ ลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีที่อวี้ชิงลั่วได้ยินจากน้ำเสียงของเย่ซิวตู๋ขณะเพิ่งออกจากตำหนักอ๋องก็ค่อย ๆ ถูกเพิกเฉยไป
ส่วนเจ้าตัวเล็กบางคน หลังจากที่รถม้าของนางได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ดวงตากลมโตพลันประกายความตื่นเต้น
“ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ เร็วเข้า พวกเรารีบดำเนินการหน่อย”
อวี้เป่าเอ๋อร์แอบลังเล ถือตำราสองสามเล่มในมือขณะมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางลำบากใจ “หนานหนาน พวกเราตรึกตรองดูอีกหนเถิด หากท่านพี่รู้เรื่องนี้เข้า พวกเราสองคนคงจบเห่แน่”
“มาถึงขั้นนี้แล้วท่านยังพูดคำพูดพวกนี้อีก มา ๆๆ มองตาข้าสิ ท่านพูดมา ท่านมองเห็นอะไร?” หนานหนานลากอีกฝ่ายเข้ามาหา พยายามเบิกดวงตาสว่างแวววาวเป็นประกายระยิบระยับคู่นั้น
อวี้เป่าเอ๋อร์มองอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามด้วยความไม่มั่นใจว่า “มองเห็นแล้ว…ลูกตารึ?”
“…” หนานหนานแทบกระอักเลือดออกมา “ลูกตาอะไรเล่า…ตรงนี้…แล้วก็ตรงนี้ ขอบตาดำคล้ำวงใหญ่สองวงนี้อย่างไรเล่า ท่านเห็นหรือยัง? นี่เป็นผลจากการที่พวกเราสองคนทำงานหนักอดหลับอดนอนตลอดทั้งคืน ถึงตอนนี้ท่านยังจะตรึกตรองอีกหรือ? ท่านอยากให้ความพยายามของพวกเราสูญเปล่าหรืออย่างไรกัน?”
“…” อวี้เป่าเอ๋อร์มองกระดาษที่อยู่ในมือ ก่อนเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณไหล่ คนที่ยุ่งตลอดทั้งคืนดูเหมือนจะเป็นเขากระมัง หนานหนานเอาแต่ฟุบนอนอยู่บนโต๊ะตลอดทั้งคืน ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้เขายังมีชีวิตชีวาขนาดนั้น คนที่ง่วงเจียนตายอย่างแท้จริงคือเขาถึงจะถูก
“ไป ๆๆ พวกเรารีบไปเถอะ อย่าให้ล่าช้า” หนานหนานดึงมืออวี้เป่าเอ๋อร์เริ่มวิ่งออกไปด้านนอก
เหวินเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เขาได้ยินคำพูดของทั้งสองคนนั้นทว่ากลับไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง สรุปจากคำพูดของอวี้เป่าเอ๋อร์เพียงไม่กี่คำ เรื่องที่หนานหนานคิดจะทำต่อจากนี้ คงทำให้อวี้ชิงลั่วโกรธควันออกหูเป็นแน่
เช่นนั้นเขาควรทำอย่างไร? ห้าม…หรือว่า…ไม่ต้องห้าม?
หากเขาห้าม จากวาทศิลป์พูดตลบตะแลงของหนานหนาน เขาต้องใช้ข้ออ้างเช่นไร?
ตอนที่เหวินเทียนกำลังลำบากใจด้วยความสับสนวุ่นวายอยู่นั้น หนานหนานกลับดึงอวี้เป่าเอ๋อร์วิ่งออกไปแล้ว ทั้งยังปีนขึ้นบนรถม้าที่พ่อบ้านลากออกมา ออกคำสั่งว่า “ไปโรงพิมพ์ที่มีชื่อเสียงทำงานเร็วและใหญ่ที่สุด”
เหวินเทียนชะงัก ภายในใจรู้สึกฉงนสงสัยเหลือเกินว่าหนานหนานคิดจะทำอะไร คิด ๆ ดูแล้วจึงตัดสินใจลองตามไปดูก่อน
อืม เขาต้องเข้าใจเรื่องราวก่อนถึงจะหามาตรการรับมือที่ถูกต้องได้
ด้วยเหตุนี้ เหวินเทียนจึงลังเลเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะควบรถม้านำเด็กสองคนไปโรงพิมพ์
หนานหนานกระโดดลงจากรถม้า เดินเข้าไปที่ตู้หน้าร้านของโรงพิมพ์เพื่อพบหน้าเถ้าแก่โดยไม่แม้แต่จะมองเหวินเทียน
หนานหนานสวมชุดสีสันฉูดฉาด เป็นเด็กอายุน้อยแต่ก็มีพลังอันน่าทึ่ง เขาตบกระดาษในมือลงบนโต๊ะ พูดกับเถ้าแก่คนนั้นว่า “คัดลอกเอกสารตามนี้หนึ่งร้อยฉบับ เข้าเล่มให้ด้วย”
“เอ่อ…คุณชายน้อย สิ่งนี้ของท่านคือ…” เถ้าแก่แอบลังเล ตำราบางอย่างมิอาจคัดลอกได้ตามความต้องการ หากละเมิดพระราชกฤษฎีกา โรงพิมพ์ของเขาคงจบเห่
หนานหนานครุ่นคิด ก่อนจะหยิบแผ่นป้ายขนาดเล็กออกมาจากด้านในเสื้อ เอ่ยถามเขาว่า “มีสิ่งนี้อยู่ คัดลอกได้หรือไม่?”
นั่นคือแผ่นป้ายของตำหนักอ๋องซิว เถ้าแก่เห็นแล้วก็พยักหน้า รีบหยิบกระดาษไปที่ลานด้านหลังโดยเร็ว
หนานหนานสั่งให้อวี้เป่าเอ๋อร์ตามเข้าไป ส่วนตนเองยืดแขนขวางเหวินเทียนที่กำลังชะโงกหน้ามอง ลากให้อีกฝ่ายไปที่เก้าอี้ข้าง ๆ เพื่อ…ดื่มน้ำชา
“หนานหนาน นั่นมันอะไรกันแน่?” เหวินเทียนเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายภายในใจ สมองของหนานหนานมักมีความคิดแปลก ๆ ผุดขึ้นมาอยู่เสมอ หากเขาไม่ทำความเข้าใจให้ชัดเจน บางทีเขาอาจตกหลุมพรางจนกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเชียวนะ
“ท่านลุงเหวิน ท่านอย่าได้กังวลใจ รอคัดลอกหนังสือเสร็จเมื่อใด ข้าจะมอบเล่มแรกให้ท่าน ดีหรือไม่?” หนานหนานช่างใจกว้างเหลือเกิน เขาไม่เคยใจกว้างขนาดนี้มาก่อน เขาอุตส่าห์ออกเงินและออกแรง ทั้งยังมอบให้คนอื่นโดยไม่คิดเงิน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการไว้หน้าท่านลุงเหวินไม่รู้ตั้งกี่มากน้อยแล้ว
เหวินเทียนถึงกับมุมปากกระตุกวูบ เขายังอยากไปดูว่ามันคืออะไรกันแน่ ทว่ากลับถูกหนานหนานฉุดรั้งไว้ตลอดเวลา
หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูป อวี้เป่าเอ๋อร์ก็เดินออกมาพร้อมกับเหงื่อที่เปียกโชกทั้งศีรษะ เขาพยักหน้าให้หนานหนาน ทั้งยังส่งสายตาโล่งใจให้อีกฝ่ายด้วย
รอยยิ้มที่มุมปากของหนานหนานกว้างขึ้น นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์พาดผ่านหนึ่งสาย
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไอ้เด็กแสบหนานหนานคิดจะทำอะไรอีกแล้ว พอก่อน อย่าให้ท่านแม่ปวดหัวไปมากกว่านี้เลยนะ
ไหหม่า(海馬)