อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 422 เลือดไหลนองพื้น
ตอนที่ 422 เลือดไหลนองพื้น
ตอนที่ 422 เลือดไหลนองพื้น
เหวินเทียนยังอยากถามบางสิ่ง ทว่าหนานหนานกลับดึงมือเขาเดินออกไปข้างนอกแล้ว
พวกเขากลับขึ้นมานั่งบนรถม้าและกลับไปโรงเตี๊ยมที่หนานหนานกินข้าวเมื่อคืนอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงเวลาอาหารเที่ยง ภายในโรงเตี๊ยมจึงมีลูกค้าบางตา มีจำนวนสองสามคนที่ดูเหมือนจะค่อนข้างว่างกำลังนั่งแทะเมล็ดทานตะวันไปพลางพูดคุยไปพลาง
หนานหนานเดินชิดกำแพงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเลือกนั่งมุมร้านซึ่งเป็นจุดที่ไม่สะดุดตา
พยายามควบคุมเสียงให้ทุ้มต่ำที่หาได้ยากยิ่ง แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจจากแขกคนอื่น ๆ ทำให้ชี้โบ๊ชี้เบ๊มาทางเขาพร้อมกับพูดคุยกัน
หนานหนานไม่ได้สนใจ หลังจากสั่งให้นำน้ำชามาหนึ่งเหยือกและขนมอีกสองสามถาด เขาก็ลากอวี้เป่าเอ๋อร์และเหวินเทียนมานั่งกินอาหารอย่างเนิบช้า
เหวินเทียนแอบรู้สึกตื่นเต้น เป็นเรื่องยากที่เขาจะได้เห็นหนานหนานกินอาหารด้วยท่าทาง…สำรวมระมัดระวังเช่นนี้
ดังคำกล่าวที่ว่า…เมื่อทำตัวผิดปกติย่อมมีบางสิ่งแอบแฝงสินะ พฤติกรรมของหนานหนานทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายอย่างยิ่ง
ทว่าเขาก็มิได้พูดอะไร เอาแต่มองไปที่ประตู
เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยผ่านไป ก็เกือบถึงช่วงเที่ยงแล้ว ทางฝั่งนี้อยู่ห่างจากการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรไม่ไกล ก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างอยู่ใจกลางเมือง เพิ่งถึงช่วงเวลารับประทานอาหาร ภายในโรงเตี๊ยมก็ค่อย ๆ มีผู้คนเข้ามานั่งอย่างต่อเนื่องจนเต็มร้าน
อาจารย์นักเล่าเรื่องที่กำลังเตรียมตัวอยู่หน้าโต๊ะด้านหน้าลูบเครา กางพัดที่อยู่ในมืออย่างเนิบช้า ไอกระแอมเสียงเบาหนึ่งเสียง ช้อนสายตาลึกล้ำคู่นั้นเล็กน้อยทอดมองห้องโถงที่ค่อนข้างเสียงดัง
“นี่…นักเล่าเรื่อง วันนี้จะเล่าเรื่องนั้นต่อจากเมื่อคืนหรือไม่? วันนี้พวกเราตั้งใจมารอท่านที่นี่เชียวนะ เริ่มเร็ว ๆ เข้าเถิด”
มีลูกค้าเริ่มลุกขึ้นยืนจากที่นั่งพร้อมกับหัวเราะเสียงดังลั่น
“นั่นสิ ๆ รีบเริ่มเถิด ท่านรีบเล่าหน่อย เหตุใดท่านอ๋องผู้นั้นถึงได้ทอดทิ้งหมอหญิงของตนเองเล่า?”
ท่านอ๋องทอดทิ้งหมอหญิงของตนเอง? มือของเหวินเทียนที่ถือถ้วยน้ำชาชะงักไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วมองไปยังคนที่เพิ่งพูดเมื่อครู่
นักเล่าเรื่องผู้นี้แต่งเรื่องเล่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ไม่พูดถึงเรื่องของแม่ทัพและปัญญาชนในยุคโบราณเหล่านั้น แต่กลับเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงเรื่องของความรัก อีกอย่าง…นางเอกของเรื่องยังเป็นหมอด้วย?
เหวินเทียนได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นภายในห้องโถงเมื่อวานนี้มาบ้างแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ฟังอย่างละเอียด แต่ก็รู้ไปพอสมควรแล้ว
เรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องผู้นี้กำลังเล่า…ดูคล้ายกับเรื่องของท่านอ๋องและแม่นางชิงของพวกเขาเลย
เหวินเทียนหันมามองหนานหนานโดยพลัน จึงพบว่าเด็กน้อยดวงตากำลังเป็นประกาย เขาจึงเข้าใจได้ในทันที
ไม่รอให้เขาได้คิดอย่างลึกซึ้ง นักเล่าเรื่องทางฝั่งนั้นก็เริ่มเชิดคางขึ้นด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “รีบร้อนอะไรกัน ๆ? นี่ก็กำลังจะเริ่มแล้วมิใช่รึ? ทุกท่านก็เงี่ยหูฟังให้ดี อย่าได้พลาดเชียว”
“พอแล้ว อย่ามัวแต่อุบอยู่เลย เร็วเข้า”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมเห็นว่าลูกค้านั่งแน่นเต็มห้องโถงแล้ว แม้แต่ห้องพิเศษที่เปิดประตูไว้เหล่านั้นก็แน่นเอี๊ยดแล้ว ถึงกับมีความสุขจนหุบยิ้มไม่อยู่
ในเวลานี้เขาเดินมาถึงตรงหน้าของหนานหนานพอดี เขารู้สึกโปรดปรานเด็กน้อยคุณชายตระกูลชั้นสูงที่กินตีนไก่ตุ๋นไปหนึ่งจาน ขนมกุ้ยฮวาหนึ่งจาน ถั่วลิสงคั่วพริกหนึ่งจาน เนื้อวัวแผ่นหนึ่งจาน ลูกชิ้นแก้วหนึ่งจาน ตอนนี้ยังสั่งอาหารราคาแพงและมีความประณีตอย่างเปิดเผย ทำให้เขาแทบอยากให้ลูกค้าเช่นนี้มาที่ร้านทุกวัน
ด้วยเหตุนี้จึงมีความคิดอยากตีสนิท “คุณชายน้อยดูคุ้นตานะขอรับ”
“หา? อ๋อ เมื่อวานข้าก็มาที่นี่” หนานหนานตอบกลับอย่างสบาย ๆ ยกตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อปลายัดใส่ปากหนึ่งชิ้น
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมยิ้มตาหยีโดยพลัน “มิน่าเล่า คุณชายน้อยพึงพอใจอาหารภายในร้านข้าน้อยหรือไม่ขอรับ?”
“พอใจ ๆ” เหตุใดคนคนนี้ถึงเอาแต่ยืนพูดฉอด ๆ ตรงหน้าไม่หยุด บังอาจารย์นักเล่าเรื่องผู้นั้นหมดแล้ว
“ฮ่า ๆ คุณชายน้อยน่ารักมากจริง ๆ ขอรับ ในเมื่อโปรดปรานอาหารของร้านข้าน้อย เช่นนั้นข้าน้อยแถมฮะเก๋ากุ้งให้คุณชายน้อยหนึ่งจานก็แล้วกันนะขอรับ”
เสียง ‘ปิ๊ง’ ดังขึ้นหนึ่งเสียง ดวงตาของหนานหนานพลันเป็นประกายแวววาว ในที่สุดก็ดึงสายตาที่ไม่ใส่ใจนั้นกลับมามองเถ้าแก่ร้าน มีของกินที่ไม่ต้องเสียเงินด้วย? แบบนั้นก็ดีสิ มือเล็ก ๆ ของเขารีบโบกวูบหนึ่ง “ก็ได้ แต่เอามาสองจานนะ ท่านเองก็เห็นว่าที่นี่ไม่ได้มีเด็กอย่างข้าเพียงคนเดียว”
“ขอรับ ๆ” สีหน้าของเถ้าแก่แข็งทื่อโดยพลัน แต่เมื่อเห็นเหวินเทียนผู้อารักขาที่สวมใส่ด้วยเสื้อผ้าไม่ธรรมดาและมีสีหน้าเคร่งครัดนั่งเฝ้าอยู่ จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ
หนานหนานรู้สึกพึงพอใจแล้ว จึงหันไปมองนักเล่าเรื่องที่อยู่ข้าง ๆ อีกครั้ง
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คุณชายน้อยผู้นี้มาที่นี่เพราะเรื่องเล่าที่เพิ่งเริ่มเล่าเมื่อคืนนี้นี่เอง
ดวงตาของเขากลอกสองรอบ หลังจากพูดกับหนานหนานไปหนึ่งประโยคก็หมุนกายเดินออกไป
ทว่าเพิ่งเดินเข้าทางเลี้ยว เขาก็วิ่งไปด้านหลังนักเล่าเรื่องผู้นั้นอีกครั้ง กระซิบข้างหูของเขาสองสามประโยค “เรื่องนี้เจ้าเล่าให้ยาวสักหน่อย เล่าให้ละเอียดสักหน่อย ระหว่างเล่าเรื่องก็ใส่สีตีไข่เพิ่มเข้าไปด้วย ข้าจะให้เงินเดือนเจ้าเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า”
นักเล่าเรื่องผู้นั้นชะงักไป ก่อนเผยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองไปทางหนานหนานอีกปราดหนึ่ง ก่อนจะหมุนกายเดินออกไป
ลูกค้าที่อยู่ด้านล่างรอจนหมดความอดทนแล้ว ต่างคนต่างส่งเสียงโห่ร้องเพื่อให้นักเล่าเรื่องรีบเริ่มเล่าเสียที
หนานหนานมองไปที่ประตูด้วยความวิตกกังวล เอ่ยถามเป่าเอ๋อร์ “เหตุใดยังไม่มากันอีก?”
“หนานหนาน การตีพิมพ์มิได้รวดเร็วถึงเพียงนั้น เจ้าเองก็ต้องการให้พิมพ์ตั้งเยอะแยะขนาดนั้นด้วย”
“โถ่เอ๊ย คนพวกนั้นซื่อบื้อชะมัดเลย พิมพ์แล้วเข้าเล่มมาส่งให้ส่วนหนึ่งก่อนมิได้เชียวหรือ?”
อวี้เป่าเอ๋อร์ลูบปลายจมูก อันที่จริงเขาสั่งให้โรงพิมพ์ค่อย ๆ ตีพิมพ์ ไม่ต้องพิมพ์ให้มากเกินไป เพราะเขาเป็นกังวลจริง ๆ ว่าหากท่านพี่รู้แล้วจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ปลอดภัยไว้ก่อนน่าจะดีกว่า
หนานหนานออกแรงกัดเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มหนึ่งคำ จ้องมองไปที่ปากของนักเล่าเรื่องด้วยความโกรธขึ้ง
“เมื่อวานพวกเราพูดถึงตอนที่ท่านอ๋องทอดทิ้งหมอหญิงจนนางจากไปเพียงลำพัง วันนี้ พวกเราจะมาเล่าช่วงที่สองต่อจากนั้น”
นักเล่าเรื่องเอ่ยปากเล่าแล้ว ครั้นเสียงของเขาถูกเปล่งออกมา เสียงโห่ร้องโวยวายภายในห้องโถงเมื่อครู่พลันเงียบสงบลง มีบางคนชะโงกหน้ารอให้เขาเล่าเรื่องต่อจากนั้น
“หลังจากหมอหญิงจากไปแล้ว นางก็รู้สึกหดหู่อย่างมาก นางคะนึงหาท่านอ๋อง ทว่าก็เกลียดที่ท่านอ๋องทอดทิ้งนาง ถึงขั้นคิดอยากเอาลูกในท้องออก น่าเสียดายนัก เด็กคนนั้นโชคดีดวงแข็ง นับว่าชีวิตยังไม่ถึงคราวเคราะห์ ไม่ว่าหมอหญิงจะทำอย่างไร กระโดดสะพานก็กระโดดแล้วแต่กลับมีคนเข้ามาช่วยเหลือ ตอนที่นางกำลังจะตาย เด็กในท้องกลับยังอยู่ในท้องอย่างปลอดภัย ผูกคอฆ่าตัวตายก็เคยลองมาแล้ว แม้ว่าจะทรมานอยู่นาน ทว่าเด็กในท้องก็ยังปลอดภัยดี ท้ายที่สุดความเกลียดภายในใจของหมอหญิง ทำให้นางปรุงยาทำแท้งให้ตนเอง แต่หลังจากดื่มลงไป เลือดถึงกับไหลนองพื้นกันเลยทีเดียว แต่เด็กกลับแคล้วคลาดปลอดภัย”
มีลูกค้าขมวดคิ้วมุ่น “หมอหญิงผู้นี้เหี้ยมเกินไปหน่อยกระมัง ข้าว่านะนักเล่าเรื่อง เรื่องเล่าที่ท่านเล่าเมื่อวานนี้ บอกเองมิใช่รึว่าหมอหญิงผู้นั้นเป็นผู้มีน้ำใจมีคุณธรรม เพื่อช่วยท่านอ๋องผู้นั้นจึงไม่สนใจแม้กระทั่งความบริสุทธิ์ของตนเอง?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พอได้ยินว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้ก็เอาใหญ่เลยนะ
ไหหม่า(海馬)