อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 423 ตบปากไปสองฉาด
ตอนที่ 423 ตบปากไปสองฉาด
ตอนที่ 423 ตบปากไปสองฉาด
“โถ่เอ๊ย หมอหญิงผู้นี้ท่องยุทธจักรมานานหลายปีขนาดนั้น ย่อมต้องมีความคิดกลอุบาย” นักเล่าเรื่องผู้นั้นอธิบายโดยไม่สนใจว่า “ตอนนี้นางก็พอจะเดาถึงสถานะของท่านอ๋องได้แล้ว ไม่เช่นนั้น เจ้าคิดว่าหากคนที่นางช่วยเหลือไว้เป็นคนยากไร้คนหนึ่ง นางจะปรากฏตัวเพื่อเขารึ?”
“พูดแบบนี้ก็จริง แต่เด็กที่อยู่ในท้องของหมอหญิงถึงอย่างไรก็เป็นลูกของนาง เหตุใดนางถึงได้ใจเหี้ยมเช่นนี้เล่า? คิดจะฆ่าลูกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า”
ถึงอย่างไรก็ยังมีคนไม่พอใจ ในเรื่องเล่าครึ่งแรกที่ได้ฟังเมื่อวานนี้ จิตวิญญาณแห่งความเสียสละของหมอหญิงผู้นั้นทำให้คนจำนวนมากรู้สึกสะเทือนใจ ทว่าเรื่องราวในช่วงหลังของวันนี้ นางกลับกลายเป็นคนเหี้ยมโหดเลือดเย็น กลอุบายหยั่งลึก ทั้งยังปฏิบัติต่อลูกของตนเองอย่างไร้หัวใจเช่นนี้ น่าผิดหวังเหลือเกิน สีหน้าของทุกคนแสดงออกให้เห็นถึงความผิดหวัง
เหวินเทียนได้ฟังก็พอจะเข้าใจแล้ว เห็นได้ชัดว่านักเล่าเรื่องผู้นี้คิดจะทำให้ท่านอ๋องและแม่นางชิงแปดเปื้อน เรื่องราวอะไรกัน? ครึ่งแรกครึ่งหลังอะไร? ท่านอ๋องและหมอหญิงอะไร ก็แค่มีคนคิดจะใช้ โอกาสนี้เพื่อเล่าเรื่องราวให้เกินจริง เพื่อให้ท่านอ๋องและแม่นางชิงกลายเป็นผู้ไร้มนุษยธรรม
นิ้วมือของเหวินเทียนกำเข้าหากันทันใด เขาทำท่าจะลุกขึ้นยืนเพื่อไปจัดการกับตาเฒ่าขี้โม้น้ำลายหกนั่น
ทว่าตอนที่เขาเพิ่งจะลุกขึ้นยืนกลับถูกหนานหนานดึงแขนเสื้อไว้ สีหน้าของหนานหนานดูไม่จืดยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทว่าเขากลับเม้มปากแน่นไม่พูดไม่จา ทำแค่เพียงฟังนักเล่าเรื่องผู้นั้นพูดต่อไป
“หมอหญิงค้นพบว่าเด็กในท้องยังไม่ตาย จึงทำได้เพียงแค่ล้มเลิกความคิด ถึงอย่างไรหมอหญิงก็มีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูง คนเดียวที่สามารถเทียบชั้นกับนางได้คงมีแค่หมออาวุโสฉงซานเพียงคนเดียว…เอ๊ย…ถุย ๆ ๆ ความหมายของข้าคือ เป็นเพราะหมอหญิงผู้นั้นมีทักษะทางการแพทย์ไม่ธรรมดา การปรับสภาพร่างกายของตนเองจึงดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเด็กจึงได้รับการปกป้องให้มีชีวิตรอดต่อไปได้”
มีบางคนได้ยินก็จับประเด็นสำคัญของเรื่องได้ ความคิดก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
“นักเล่าเรื่อง ข้ารู้แล้ว หมอหญิงที่อยู่ในเรื่องเล่าของท่านคือแม่นางชิงหมอปีศาจใช่หรือไม่? คนที่สามารถเทียบชั้นทักษะทางการแพทย์กับหมออาวุโสฉงซานได้ก็มีแค่หมอปีศาจเพียงคนเดียวเท่านั้น อีกอย่างหมอปีศาจก็เป็นสตรี ทั้งยังเป็นคนในยุทธจักรด้วย ถึงอย่างไรบนโลกใบนี้ก็มีหมอหญิงเพียงน้อยนิด คนที่คล้ายกับคนที่อยู่ในเรื่องเล่าของอาจารย์ขนาดนี้ก็คือแม่นางชิง ส่วนท่านอ๋องผู้นั้น…ข้ารู้แล้ว…ท่านอ๋องซิว”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ภายในห้องโถงถึงกับเดือดพลุ่งพล่าน ต่างคนต่างเริ่มดึงอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋เข้ามาในเรื่องราว ก็ค้นพบว่าสอดคล้องกับคำอธิบายของอาจารย์นักเล่าเรื่องอย่างมากจริง ๆ
มีคนถึงกับส่งเสียงขึ้นมาเพราะทนไม่ไหว “นี่ ๆ ๆ พวกเจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็นึกขึ้นได้แล้ว เช้าเมื่อวานมีข่าวลือพูดกันว่าพระโอรสของท่านอ๋องซิวก็คือองค์ชายผู้นั้นที่กลายเป็นที่โด่งดังเมื่อสองวันก่อนมิใช่รึ? ได้ยินมาว่าซื่อจื่อน้อยคนนั้นของท่านอ๋องซิว ปีนี้อายุห้าขวบพอดี ก็ตรงกับเรื่องเล่าของอาจารย์ที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อนมิใช่รึ?”
“นั่นสิ ๆ ลุงของข้าเป็นขุนนางในราชสำนัก เมื่อวานนี้ตอนการแข่งขันสิ้นสุดลงก็ยังไม่ได้กลับมา จนกระทั่งท้องฟ้ามืดครึ้มกว่าจะกลับตำหนัก ข้าได้ยินมาว่า เป็นเพราะเกิดเรื่องใหญ่ภายในวังเข้าแล้ว เป็นเรื่องเกี่ยวกับท่านอ๋องซิวและแม่นางชิงนี่แหละ ได้ยินว่าพวกเขาทำเรื่องฉาบฉวยไว้มากมายเมื่อหลายปีก่อน”
คนคนนี้หาได้มีความเกรงแม้แต่น้อยไม่ ถึงได้ใช้คำว่า ‘ทำเรื่องฉาบฉวย’ เพื่อบรรยายถึงท่านพ่อและท่านแม่ของเขา หนานหนานถึงกับหน้าแดงก่ำ
“ข้าโกรธเจียนตายแล้ว ข้าโกรธเจียนตายแล้ว โกรธเจียนตายแล้ว ว๊ากกกก โกรธเจียนตายแล้ว ว๊ากกก…”
เหวินเทียนถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นหนานหนานพูดไปพลางกินของกินไปพลาง เขาก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
ภายในห้องโถงเกิดการพูดคุยกัน มีบางคนสงสัย มีบางคนตกตะลึง มีบางคนมั่นคง มีบางคนเออออเห็นด้วย
ส่วนอาจารย์นักเล่าเรื่องผู้ก่อปัญหาผู้นั้น กลับดื่มน้ำชาหนึ่งแก้วอย่างสบาย ๆ จนกระทั่งมีคนลุกขึ้นเพื่อขอคำยืนยันจากเขา เขาจึงโบกมือด้วยสีหน้าราวกับเป็นผู้บริสุทธิ์ “ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย พวกเจ้าอย่าโวยวายเลย เรื่องหลังจากนี้ พวกเจ้ายังอยากฟังต่อหรือไม่?”
เหวินเทียนแค่นเสียงเย็น เขากลับทำตัวขาวสะอาดไร้เดียงสา ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ทว่ากลับยังคงนั่งอย่างหนักแน่นเพื่อยืนยันความจริงของเรื่องนี้
เขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน เรื่องเมื่อวานนี้จะถูกแพร่งพรายเร็วขนาดนี้ เรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ กลับมีคนนำเรื่องนี้แพร่งพรายมาถึงนักเล่าเรื่องแล้ว จนทำให้อีกฝ่ายได้เล่าเรื่องภายในโรงเตี๊ยมช่วงมื้อค่ำของเมื่อวานนี้ด้วย
เหวินเทียนเงยหน้ามองหนานหนาน เขาครุ่นคิด…เป็นเพราะเรื่องราวครึ่งแรกที่ได้ฟังเมื่อคืนนี้ จึงทำให้หนานหนานมาที่นี่ในวันนี้กระมัง
เด็กน้อยคนนี้ แม้ว่าบางครั้งจะทำตัวไว้ใจไม่ค่อยได้ ทว่ากลับช่วยคิดแทนท่านอ๋องและแม่นางอวี้ด้วยใจจริง สถานการณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาก็ไม่ยอมให้เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ทั้งยังแก้ปัญหาเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเองอย่างเงียบ ๆ
เหวินเทียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ช่างเถิด วันนี้เขาแค่มาดูความครึกครื้นฉากหนึ่งเป็นเพื่อนเด็กน้อยคนนี้ก็แล้วกัน ต่อให้แม่นางอวี้และนายท่านโกรธ เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เสียงเอะอะโวยวายทางฝั่งนั้นยังคงดำเนินต่อไป นักเล่าเรื่องกระแอมเปิดคอ ยิ้มตาหยีกล่าวต่อไปว่า “ถึงอย่างไร เด็กคนนั้นก็ถือว่ารอดแล้ว หมอหญิงคิดว่าในเมื่อเด็กคนนี้ชะตายังไม่ถึงคาด เช่นนั้นก็คลอดเขาออกมาให้ดี รอจนเขาเติบใหญ่แล้ว ค่อยให้เขากลับไปแก้แค้นแทนนาง ตั้งครรภ์ตั้งสิบเดือนเชียวนะ ในที่สุดหมอหญิงก็คลอดลูกชายออกมาได้อย่างราบรื่น เด็กคนนั้นเป็นเด็กอ้วนน้ำหนักเก้าจินกว่า ๆ ได้ยินมาว่ากินเก่งเป็นพิเศษเลย เป็นเพราะหมอหญิงไม่อยากให้เขาอ้วนเกินไป จึงทารุณเขามาโดยตลอด ไม่ยอมให้เขากินอิ่ม ทั้งยังบังคับให้ฝึกวรยุทธ เด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ที่น่าสงสารผู้นั้น ปราศจากความรักจากพ่อ แม่ก็ดันใจเหี้ยมเลือดเย็นเช่นนี้อีก…เฮ้อ”
อวี้เป่าเอ๋อร์ดวงตาแดงก่ำแล้ว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เหตุใดถึงไม่ทำตามที่หนานหนานบอก รีบพิมพ์ตำรานั้นออกมาให้เร็วที่สุดและรีบนำออกไปแจกจ่าย คิดไม่ถึงเลยว่านักเล่าเรื่องผู้นี้จะพูดจาเกินไปถึงเพียงนี้ ทั้งยังพูดถึงท่านพี่ของเขาในเชิงลบเช่นนั้นอีก
ไม่ได้การล่ะ เขาเองก็ควรต้องทำอะไรสักหน่อยถึงจะดี เขาจะไปโรงพิมพ์ตอนนี้เลย ดูสิว่าตำราเหล่านั้นสามารถนำออกมาได้มากน้อยเพียงใด
อวี้เป่าเอ๋อร์คิดได้เช่นนี้ ตอนที่กำลังจะผลักเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลัง จู่ ๆ หนานหนานที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ วิ่งตรงไปด้านหน้านักเล่าเรื่องผู้นั้น จากนั้นใช้ฝ่ามือตบ ‘เพียะ ๆ’ เข้าที่หน้าของอีกฝ่ายแรง ๆ สองครั้ง
หนานหนานอายุยังน้อย ทว่าพละกำลังกลับมหาศาล ทั้งยังมีรากฐานของวรยุทธด้วย
นักเล่าเรื่องผู้นั้นเป็นแค่ตาเฒ่าตัวเล็กคนหนึ่งและยังไม่ทันได้ป้องกันตัว เขาถูกตบจนอึ้งกิมกี่ไปในทันที
ไม่เพียงแค่เขา แม้แต่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมที่กำลังนั่งดูอย่างเพลิดเพลินอยู่ข้าง ๆ รวมถึงลูกค้าที่กำลังกลั้นหายใจอยู่ภายในห้องโถง ต่างก็พากันงงเป็นไก่ตาแตกอย่างสมบูรณ์
ผ่านไปครู่ใหญ่ อาจารย์นักเล่าเรื่องจึงได้สติกลับมา นิ้วมือที่ยกขึ้นมาชี้หน้าหนานหนานสั่นระริกขณะกล่าวผรุสวาท “ไอ้เด็กสารเลวนี่มาจากที่ใด กล้าดีอย่างไรถึงมาตบหน้าข้า?”
“ข้าตบหน้าเจ้าแล้วจะทำไม? เจ้ามันตาแก่ปากเหม็นพูดจาเหลวไหล” ความโกรธของหนานหนานเพิ่มสูงขึ้น “กระโดดสะพานไม่ตาย ผูกคอไม่ตาย ดื่มยาทำแท้งเลือดไหลนองพื้นเด็กก็ยังไม่ตาย อยากจะขำให้ฟันร่วงจริง ๆ แน่จริงเจ้าก็ไปกระโดดสะพาน ผูกคอแล้วก็ดื่มยาทำแท้งดูสิ ดูสิว่าเจ้าจะตายหรือไม่?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาเลยหนานหนาน จัดการตาเฒ่าปากมากไปเลยลูก
ไหหม่า(海馬)