อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 425 คุ้นหน้า
ตอนที่ 425 คุ้นหน้า
ตอนที่ 425 คุ้นหน้า
หนานหนานมีดวงตาเป็นประกายแวววาว ออกแรงกลืนน้ำลาย ยิ้มตาหยีพลางยื่นมือเหยียดแขนไปด้านหน้าข้างหนึ่ง
คนคนนั้นมีหน้าตาหล่อเหลา แม้อายุจะเข้าสู่ช่วงวัยกลางคน ทว่ากลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่และความหนักแน่นที่แผ่ซ่านออกมากลับมีความเป็นธรรมชาติยิ่งนัก
ครั้นเดินมาถึงตรงหน้าหนานหนาน มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย กวาดสายตามองเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
หนานหนานถึงกับชะงักเพราะถูกอีกฝ่ายจ้องมอง หัวใจเริ่มเต้นตึกตักอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหตุใดสายตาของคนคนนี้กลับแปลกประหลาดถึงเพียงนั้น เขารู้จักตนเองหรือ? ดูเหมือนจะมิได้เป็นเช่นนั้นสักหน่อย เพราะพวกเขาต่างก็ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
“ซื่อจื่อน้อย นี่คือเงินหนึ่งร้อยอีแปะ ท่านนับดูก่อน” คนคนนั้นแทรกความคิดแสนยุ่งเหยิงภายในใจของหนานหนานเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนวางเงินลงบนฝ่ามือของเด็กน้อย
หนานหนานก้มหน้ามองเงิน ครั้นเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็พบว่าอีกฝ่ายยังมีนัยน์ตาแย้มยิ้ม ครั้นคิด ๆ ดูแล้วก็พูดขึ้นว่า “ท่านซื้อเพิ่มอีกสักสองสามเล่มดีหรือไม่ ข้าจะบอกอะไรให้นะ เรื่องนี้สนุกมากเป็นพิเศษเลย ตัวละครและเรื่องราวจริง ๆ เชียวนะ ท่านซื้อกลับไปให้ลูกชายลูกสาวพี่ชายน้องชายพี่สาวน้องสาวและญาติสนิทมิตรสหายก็ยังได้ จริงหรือไม่?”
คนคนนั้นดูเหมือนหยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าและควานหาเงินออกมาหนึ่งตำลึงเงินจริงๆ “งั้นเอามาให้ข้าอีกสองเล่มก็แล้วกัน”
หนานหนานมอบหนังสือสามเล่มส่งถึงมือของอีกฝ่าย จากนั้นจึงจ้องมองตำลึงเงินนั้นด้วยความรู้สึกลำบากใจ “คือว่า…ข้าไม่มีเศษทอนให้ท่าน…”
หนานหนานมีท่าทางลำบากใจยิ่งนัก ทว่ามือเล็ก ๆ ของเขาได้เก็บเงินตำลึงเงินก้อนนั้นอย่างรวดเร็ว มิได้มีความคิดจะคืนให้อีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไร ข้าคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมิได้มีราคาแค่หนึ่งร้อยอีแปะ จ่ายเกินก็คิดเสียว่าค่าออกค่าเหนื่อยให้ก็แล้วกัน” คนคนนั้นมิได้สนใจ สายตาจ้องมองการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของหนานหนาน รอยยิ้มกดลึกยิ่งขึ้น
ครั้นกล่าวจบ เขาก็หยิบหนังสือสามเล่มนั้นกลับไปยังที่นั่งของตนเอง พลิกอ่านหนึ่งในสามเล่มนั้น หลังจากก้มอ่านได้เพียงครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกายแวววาว ตะโกนขึ้นว่า “สนุกมากจริง ๆ”
คนเหล่านั้นที่เดิมทีกำลังลังเลสงสัยพอได้ยินเช่นนี้ก็พากันชะโงกหน้าเพื่อหวังจะอ่าน ทว่าคนคนนั้นกลับเบี่ยงตัวไปด้านข้าง และอ่านอยู่คนเดียวด้วยความเพลิดเพลิน
มีบางคนเห็นท่าทางของคนคนนี้ก็รู้สึกคันยุบยิบยากเกินกว่าจะทน คิดเสียว่ากินข้าวน้อยลงสักมื้อก็แล้วกัน อีกอย่างหนังสือเล่มละหนึ่งร้อยอีแปะก็ไม่ถือว่าแพง มีคนอีกสามสี่คนที่เข้าไปซื้อ หลับตากัดฟันซื้อก็แล้วกัน พวกเขาจึงจ่ายเงินเพื่อซื้อหนังสือและนำไปนั่งอ่านที่มุมโรงเตี๊ยม
หนานหนานมีดวงตาเป็นประกายแวววาว ทว่ายังรู้สึกไม่ชอบใจที่มีคนซื้อน้อยอยู่ดี ดวงตาของเขากลอกกลิ้งไปมา ทันใดนั้นก็ถอนหายใจ ‘เฮ้อ’ ออกมา “นี่ ท่านพ่อของข้าคือท่านอ๋องแห่งอาณาจักรเฟิงชาง ส่วนท่านแม่ของข้าคือองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ พูดตามตรง เรื่องราวของพวกเขาทั้งคู่แม้ว่าจะสะเทือนฟ้าสะเทือนปฐพีทำให้ภูตผีหลั่งน้ำตาได้ แต่ถึงอย่างไรท่านแม่ก็เป็นผู้ให้กำเนิดข้า เรื่องแบบนี้ผ่านพ้นวันนี้ไป บางทีอาจกลายเป็นที่พูดถึงกันใหญ่โตกว่านี้ก็เป็นได้”
ทุกคนถึงกับชะงักงัน จริงด้วย เรื่องจริงของท่านอ๋องและองค์หญิง ความสัมพันธ์อันใหญ่หลวง เกรงว่าหลังจากนี้อาจมีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวก็เป็นได้
หนานหนานนั่งลงบนโต๊ะ ห้อยขาทั้งสองข้างที่ขอบโต๊ะพลางแกว่งไปมา “ดังนั้น หลังจากนี้เกรงว่าภายในโรงเตี๊ยมคงไม่ได้ฟังเรื่องจากนักเล่าเรื่องแล้ว อีกอย่างต่อให้เล่า ก็คงไม่ใช่เรื่องจริง ข้าน่ะ…อันที่จริงก็ใจดีเกินไปแล้ว ถึงได้คิดอยากมอบสวัสดิการเหล่านี้ให้พวกท่าน อุตส่าห์เขียนเรื่องราวหามรุ่งหามค่ำเพื่อนำมาเข้าเล่มจนกลายเป็นหนังสือ เรื่องนี้ข้าไม่ได้บอกท่านพ่อท่านแม่ หากพวกเขารู้เข้า พวกเขาต้องต่อว่าข้ายกใหญ่เป็นแน่ หลังจากนี้ข้าคงมิอาจนำหนังสือออกมาขายได้อีกแล้ว สรุปก็คือ หากทุกคนอยากซื้อ อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร อยากเข้าใจถึงจุดพลิกผันของเรื่องราวในช่วงสำคัญของเรื่องนี้ เกรงว่าคงมีแค่วันนี้แล้ว”
ทุกคนหันมองหน้ากันและกัน แม้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือเด็กห้าขวบคนหนึ่ง ทว่าเหตุใดพวกเขากลับคิดว่าสิ่งที่เด็กคนนี้พูดช่างมีเหตุผลถึงเพียงนี้เล่า?
บุรุษวัยกลางคนที่ซื้อหนังสือไปสามเล่มก่อนหน้านี้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองหนานหนานปราดหนึ่ง จู่ ๆ เขาก็หัวเราะโดยไม่ส่งเสียงออกมา ก่อนก้มหน้าอ่านหนังสือที่อยู่ตรงหน้าต่อไป
มีหลายคนที่ครุ่นคิดตามคำพูดของหนานหนานอย่างละเอียด ก็รู้สึกได้ว่าเป็นเช่นนี้จริง ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจเป็นอย่างมาก อยากรู้เหลือเกินว่าในหนังสือเขียนอะไรไว้กันแน่ โดยเฉพาะตอนที่เห็นคนเหล่านั้นที่ซื้อหนังสือไปก่อนหน้านี้กำลังนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเป็นประกาย ยิ่งทำให้พวกเขาอยากรู้เข้าไปใหญ่
“ข้าซื้อหนึ่งเล่ม”
“ข้าก็อยากได้หนึ่งเล่มเช่นกัน”
“ข้าขอหนึ่งเล่ม”
มีคนก้าวเท้ามาด้านหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ยื่นเงินใส่มือของหนานหนาน หนานหนานรู้สึกชอบใจ หันไปกะพริบตาให้อวี้ชิงลั่วที่อยู่ด้านข้าง
ดูสิว่าเขาฉลาดปราดเปรื่องเพียงใด ไม่เพียงแต่ช่วยท่านแม่ชี้แจงข้อเท็จจริง ทั้งยังได้รับรายได้ก้อนโตด้วย บนโลกใบนี้ไม่มีเด็กคนไหนหาเงินได้เก่งเท่าเขาอีกแล้ว เขานี่มันอัจฉริยะจริง ๆ
นักเล่าเรื่องผู้นั้นน่ารังเกียจเกินไปแล้ว ไม่เข้าใจข้อเท็จจริงของเรื่องราวยังกล้ามาทำลายชื่อเสียงของท่านพ่อและท่านแม่ของเขา กลับไปเขาจะถลกหนังคนคนนั้นแน่
หนานหนานบ่นภายในใจไปพลาง หันหลังให้นักเล่าเรื่องพร้อมกับเก็บเงินด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขไปพลาง
นักเล่าเรื่องผู้นั้นถูกหนานหนานตบฉาดไปสองฝ่ามือ เดิมทีคิดจะตำหนิพวกเขา สั่งให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไล่คนพวกนั้นออกไป ทว่าเมื่อรู้สถานะของหนานหนาน ทั้งยังเห็นเหวินเทียนที่ยืนคุ้มกันให้หนานหนานอยู่ด้านข้างราวกับภูเขาลูกหนึ่ง นักเล่าเรื่องก็รับรู้ได้ว่าจบสิ้นแล้ว ภายในใจจึงเริ่มเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่หยุด
ครั้นสายตาจ้องมองไปยังหนานหนานและอวี้เป่าเอ๋อร์ที่กำลังเก็บเงิน และเห็นว่าผู้อารักขาที่ชื่อเหวินเทียนผู้นั้นก็มิได้สังเกตเขา นักเล่าเรื่องจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกในทันที เขาเก็บข้าวของวิ่งหนีออกจากประตูหลังของโรงเตี๊ยมอย่างเงียบ ๆ
เหวินเทียนเลิกคิ้วขึ้น หันไปกระซิบกับหนานหนานที่กำลังมีความสุขอย่างมาก “หนานหนาน นักเล่าเรื่องกำลังไปที่ประตูหลังแล้ว เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ ข้าจะรีบกลับมา”
หนานหนานโบกมือ “รู้แล้ว ๆ ท่านรีบตามคนผู้นั้นไปเถิด ดูสิว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ที่นี่มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะหาเงินให้ท่านแม่เยอะ ๆ เลย”
เหวินเทียนแย้มยิ้ม เห็นได้ชัดว่าหนานหนานไม่ได้คิดจะไปพร้อมกับเขา เขารู้ดีว่ายังมีผู้พิทักษ์ทมิฬแอบคุ้มกันหนานหนานอยู่ หากหนานหนานไม่วิ่งหนีไป ไม่วางแผนคิดร้ายกับคนของตัวเอง คงไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายใด ๆ
เขากำชับหนานหนานอีกครั้งเพราะไม่สบายใจ ก่อนเดินออกไปทางประตูด้านหลัง
นักเล่าเรื่องคนนั้นหอบถุงผ้าลอบเดินออกจากประตูหลัง จากนั้นก็เลี้ยวเข้าไปด้านในตรอกซอยเล็ก ๆ มองซ้ายมองขวาก่อนจะนั่งลงบนพื้นพิงเข้ากับกำแพงพร้อมกับลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
เหวินเทียนแอบซ่อนตัวอยู่ที่มุมทางเลี้ยว สายตาหรี่ลงเล็กน้อย เพียงไม่นานก็พบว่ามีบุรุษค่อนข้างอวบอ้วนคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา ตอนที่มายืนตรงหน้านักเล่าเรื่อง ก็ใช้เท้าเตะอีกฝ่ายแรง ๆ สองครั้ง
“เฮ้ย…ลุกขึ้นมา”
“ท่าน…ท่านฝู…ท่านมาแล้ว” นักเล่าเรื่องเนื้อตัวสั่นเทิ้ม จับศีรษะพลางกล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า “คือว่า…เสีย…เสียแผนแล้ว”
“เหอะ ข้ารู้แล้ว เมื่อครู่ข้าก็อยู่ในโรงเตี๊ยม” ท่านฝูมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา มุมปากแสยะยิ้มด้วยรอยยิ้มมืดหม่นเล็ก ๆ สายตาที่จ้องมองนักเล่าเรื่องแอบวูบไหวเล็กน้อย
เหวินเทียนชะงัก จ้องมองบุรุษที่ถูกเรียกว่าท่านฝู หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย คนคนนี้ดู ๆ ไปแล้วช่างคุ้นตายิ่งนัก เขาน่าจะเคยพบเจอที่ใดสักแห่ง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เรื่องการตลาดไว้ใจหนานหนานได้เลยค่ะ
ท่านฝูนี่มาจากไหน เป็นใครส่งตัวมา?
ไหหม่า(海馬)