อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 427 มีเรื่องอยากคุยกับท่านอยู่พอดี
ตอนที่ 427 มีเรื่องอยากคุยกับท่านอยู่พอดี
ตอนที่ 427 มีเรื่องอยากคุยกับท่านอยู่พอดี
ใต้เท้าเย่แย้มยิ้ม “อ๋อ อาฝู เช่นนั้นเจ้าก็เล่ามา เหตุใดเขาถึงได้ฆ่าอาจารย์ที่เป็นนักเล่าเรื่อง?”
“ข้าน้อยก็มิทราบขอรับ ข้าน้อยมีธุระจึงเดินผ่านมาทางนี้พอดี อยากแวะไปสั่งสุราในร้านฝั่งตรงข้ามสักหน่อย ถนนทางฝั่งนี้ใกล้จึงคิดอยากอ้อมเข้ามา ใครจะไปคิด จู่ ๆ ข้าน้อยก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันจากด้านใน ข้าน้อยได้ยินแว่ว ๆ ว่าตาเฒ่าผู้นั้นบอกว่าตนเองถูกปรักปรำ ส่วนคนคนนี้…ผู้อารักขาผู้นี้กลับพูดว่าอาจารย์นักเล่าเรื่องสบประมาทท่านอ๋องและว่าที่พระชายาของพวกเขา ปล่อยข่าวลือภายในโรงเตี๊ยม มีความคิดไม่บริสุทธิ์ ปล่อยทิ้งไว้บนโลกนี้รังแต่จะเป็นหายนะ หลังจากนั้นก็เลย…ลงมือสังหารอาจารย์นักเล่าเรื่อง ตอนนั้นข้าน้อยตกใจแทบแย่ ส่งเสียงร้องคิดจะหนี คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเขาได้ยินและผลักอย่างแรง โชคดีที่ใต้เท้ามาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นเกรงว่าข้าน้อยคงได้ถูกฆ่าปิดปากไปด้วย”
อาฝูพูดแต่ละประโยคอย่างมีเหตุผล แรงจูงใจในการฆาตกรรมก็มีแล้ว พยานบุคคลและพยานวัตถุก็มีแล้ว เหวินเทียนเป็นยอดฝีมือ การปลิดชีพด้วยมีดในครั้งเดียวช่างเป็นเรื่องปกติ
ชาวบ้านที่ได้ยินทยอยเข้ามาห้อมล้อม แต่ละคนเริ่มชี้โบ๊ชี้เบ๊มาทางเหวินเทียน ส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อคำพูดของอาฝู
ดูเหมือนว่าใต้เท้าเย่เองก็มิได้รีบร้อนพาตัวเหวินเทียนกลับไป ครั้นฟังอาฝูเล่าจบ ก็อดหัวเราะเยาะเย้ยมิได้ “ผู้อารักขาเหวิน ฮ่องเต้ทำผิดโทษเท่าสามัญ แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้อารักขาข้างกายท่านอ๋องซิว แต่การสังหารผู้อื่นกลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ต่อให้ท่านอ๋องปกป้องเจ้า เกรงว่าก็มิอาจปิดปากใครต่อใครหรือทำให้ทุกคนเชื่อมั่นได้หรอก”
เหวินเทียนเหลือบมองทุกคนที่เข้ามาห้อมล้อมด้วยสายตาเย็นชา ลำพังแค่ตัวเขาคงไม่สนใจว่าคนเหล่านี้จะคิดเห็นอย่างไร และไม่คิดจะแก้ตัว เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าเย่ผู้นี้คิดจะเล่นงานท่านอ๋อง เขาประมาทก็จริง แต่มิอาจทำให้ท่านอ๋องเดือดร้อนไปด้วย
“ใต้เท่าเย่ ภายในที่เกิดเหตุ มีแค่คนที่ชื่ออาฝูผู้นั้นบอกว่าข้าเป็นคนสังหาร กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่เห็นการฆ่าปิดปาก เช่นนั้นข้าก็สามารถพูดได้ว่า อาฝูเป็นคนฆ่านักเล่าเรื่องผู้นั้น กระดาษแผ่นนั้นอาฝูไปขโมยมาและโยนความผิดให้ข้า มีหนึ่งปากเหมือนกัน เหตุใดใต้เท้าถึงได้เชื่อลมปากของอาฝู แต่กลับไม่เชื่อข้าเล่า?”
“ยังกล้าเล่นลิ้นอีกรึ?” ใต้เท้าเย่ตวาดด้วยความโกรธขึ้ง “ผู้อารักขาเหวิน อาฝูก็เป็นแค่คนแก่คนหนึ่ง แตกต่างจากผู้อารักขาเหวินที่มีฝีมือล้ำลึกยากแท้หยั่งถึง รูปร่างของเขาและนักเล่าเรื่องก็ใกล้เคียงกัน หากคิดจะฆ่าคนจริง ๆ เขาจะสังหารในมีดเดียวได้อย่างไรกัน?”
“ฮ่า ๆๆ” เหวินเทียนถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ “ใต้เท้าเย่ คำพูดของท่านช่างน่าขันเสียจริง ท่านเองก็พูดแล้ว ในเมื่อฝีมือของข้าล้ำลึกยากแท้หยั่งถึง กะอีแค่กระดาษเพียงแผ่นเดียวเหตุใดข้าถึงได้วางไว้ข้างศพเพื่อให้ท่านใช้เป็นหลักฐาน ในเมื่อข้ามีฝีมือล้ำลึกยากแท้หยั่งถึง สามารถฆ่านักเล่าเรื่องได้ในมีดเดียว เหตุใดถึงไม่ฆ่าอาฝูไปด้วย? เหตุใดอาฝูถึงได้ถูกผลักและได้รับบาดแผลจากการกระแทกเท่านั้น แม้แต่กระดูกก็ไม่แตกหัก? ในเมื่อข้ามีฝีมือล้ำลึกยากแท้หยั่งถึง เหตุใดถึงได้อยู่ที่นี่รอให้ใต้เท้าเย่เข้ามาจับตัว? เกรงว่าข้าคงหนีออกจากที่เกิดเหตุไปนานแล้ว โดยปกติกว่าใต้เท้าเย่จะออกมาจับคนก็ไม่เคยออกมารวดเร็วขนาดนี้ เหตุใดวันนี้กลับเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้เล่า? ใต้เท้าเย่ มิใช่ว่าท่านมีความคิดอื่นอย่างเช่นจงใจมารออยู่ที่นี่เพื่อใส่ร้ายข้าหรอกกระมัง?”
“เจ้า…” ใต้เท้าเย่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อารักขาที่เหมือนกับตอไม้รู้แค่ว่าต้องอยู่ข้างกายท่านอ๋องซิวจะช่างเจรจาเช่นนี้ เขามองเห็นชาวบ้านที่เข้ามามุงดูเหล่านั้นเริ่มซุบซิบเป็นการส่วนตัว ภายในใจจึงแอบเกิดความร้อนใจ
ท่านฝูที่อยู่ข้าง ๆ ส่งสายตาให้เขา ใต้เท้าเย่ถึงกับตวาดเสียงดังในทันที “ผู้อารักขาเหวิน เรื่องมาถึงตรงนี้ยังจะเล่นลิ้นไปไย มีอะไรอยากพูด ก็ตามข้าไปพูดที่โถงใหญ่ ทหาร จับตัวกลับไป”
เหวินเทียนมองใต้เท้าเย่ด้วยท่าทางเย็นชา ครั้งนี้เขามิได้ต่อต้าน เพียงแต่มองอาฝูด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนจะเดินตามหน่วยตรวจการเมืองหลวงออกจากที่เกิดเหตุ
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นกังวลก็คือหนานหนานยังอยู่ในโรงเตี๊ยม ไม่รู้ว่าผู้ตรวจการเมืองหลวงผู้นี้จะไปสร้างปัญหาให้หนานหนานหรือไม่
บัดซบ เขาต้องคิดหาวิธีเพื่อบอกให้หนานหนานรู้ถึงจะถูก
ขณะคิดเช่นนี้ก็พบว่าด้านข้างมีคนคนนหนึ่งกำลังมองเขาอยู่ เหวินเทียนชะงัก คิดขึ้นได้ในทันที คนคนนี้คือคุณชายที่อยู่กับเย่หลานผิง คนที่เขาและหนานหนานเจอตอนอยู่บนถนนใหญ่มิใช่รึ? ดูเหมือนว่า…จะชื่อหยวนสือ
เขาเงยหน้ามองไปที่หยวนสือ หยวนสือชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อครู่เขายืนอยู่ด้านข้าง คำพูดสนทนาของคนที่อยู่โดยรอบได้เข้าไปอยู่ในหูของเขาแล้ว ทำให้พอทราบเหตุการณ์คร่าว ๆ แล้ว แน่นอนว่าเขาได้ยินประโยคสุดท้ายของเหวินเทียนเช่นกัน
ท่านพ่อของเขาเป็นขุนนางในราชสำนัก ทั้งยังเป็นพันธมิตรกับท่านอ๋องเป่า การสมรู้ร่วมคิดของขุนนางเหล่านี้ก็ได้ยินมาไม่น้อย เมื่อครู่ตอนที่เขาได้ยินคำพูดประโยคเหล่านั้นของเหวินเทียน เขาก็ตระหนักได้ในทันที เกรงว่าผู้อารักขาเหวินผู้นี้จะถูกวางแผนใส่ร้ายป้ายสี
ตอนนี้ได้เห็นเหวินเทียนส่งสายตาให้ตนเอง ก่อนจะมองไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งทางฝั่งนั้น เขาเกิดความสับสนขึ้นมาในทันที
เขาเป็นสหายของเย่หลานผิง เรื่องบางเรื่องเขาก็มิได้อยากเข้าไปร่วมด้วย ทว่าความสามารถของท่านอ๋องซิวเป็นเช่นไรเขาก็พอจะได้ยินมาจากท่านพ่อของตนเองไปมิน้อย แม้ว่าท่านพ่อจะสนับสนุนท่านอ๋องเป่า แต่ก็เคยพูดกับเขาว่า ท่านอ๋องซิวต่างหากที่มีคุณสมบัติจะได้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไป ทั้งยังได้รับความเชื่อมั่นจากฮ่องเต้ด้วย
ความสามารถของท่านอ๋องซิวมีไม่น้อย เขาไม่มีทางปล่อยให้คนของตนเองถูกปรักปรำจนติดคุกเป็นแน่
ดังนั้นหยวนสือจึงกำลังคิดว่า ตนเองควรช่วยเหลือเหวินเทียนสักครั้งในเวลานี้หรือไม่
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หยวนสือจึงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ช่างเถอะ ไปดูในโรงเตี๊ยมที่เหวินเทียนส่งสายตามองเมื่อครู่ก่อนก็แล้วกันว่าสรุปมีใครอยู่ที่นั่นกันแน่ ถึงเวลานั้นค่อยยืดหยุ่นตามสถานการณ์ก็แล้วกัน
ระหว่างที่กำลังคิด หยวนสือก็หมุนกายเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ เขาเดินออกจากกลุ่มฝูงชน ตรงไปยังโรงเตี๊ยมที่หนานหนานอยู่
ถึงกระนั้น ตอนที่เขามาถึงห้องโถงของโรงเตี๊ยม กลับพบว่าด้านหน้ามีกลุ่มคนกำลังยืนห้อมล้อมเด็กอายุสิบกว่าขวบคนหนึ่ง พากันตะโกนเพื่อซื้อตำรา
หยวนสือไม่เข้าใจ เด็กคนนี้คือใคร? เขามิได้รู้จักมักจี่สักหน่อย
อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกเมื่อยมือไปหมดแล้ว หนานหนานมีความสามารถอย่างยิ่ง คนที่ซื้อตำรามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ทว่าเด็กคนนี้กลับมอบหมายงานทั้งหมดให้เขาหลังจากที่เหวินเทียนเดินออกไป ส่วนตนเองเอาแต่จ้องมองบุรุษวัยกลางคนที่ซื้อตำราสามเล่มคนนั้นไม่วางตา
จนกระทั่งบุรุษผู้นั้นลุกขึ้นยืน หลังจากหันมามองหนานหนานปราดหนึ่ง หนานหนานก็ไถลตัวลงจากโต๊ะ พูดกับอวี้เป่าเอ๋อร์ว่า “คนคนนั้นทำตัวน่าสงสัยยิ่งนัก สายตาที่เขามองมาที่ข้าดูผิดปกติเหลือเกิน ข้าจะตามไปดูสักหน่อย ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ ฝากท่านดูแลทางนี้ด้วยนะ”
อวี้เป่าเอ๋อร์ยังมิทันได้โต้ตอบกลับไป หนานหนานก็แทรกฝูงชนออกไปอย่างคล่องแคล่วแล้ว เขาคิดจะเดินตามไป ทว่าด้านหน้ามีคนที่ต้องการซื้อตำราเบียดเสียดแน่นขนัด ทำให้เขารู้สึกยากลำบากแม้กระทั่งการขยับร่างกาย ทำได้เพียงแค่มองหนานหนานที่เดินออกจากประตูโรงเตี๊ยม แต่ไม่รู้ว่าเขาไปที่ใด
หนานหนานเองก็บอกไม่ถูกเช่นกันว่าความรู้สึกภายในใจของเขาคืออะไรกันแน่ เขาแค่เดินตามไปตามจิตใต้สำนึก
คนคนนั้นเดินไปด้วยท่าทางสบาย ๆ มีท่วงท่าดูสง่างาม ดู ๆ ไปแล้วช่างเป็นคนที่วางตัวได้เป็นอย่างดี
มุมปากของเขาเจือรอยยิ้มตลอดเวลา จนกระทั่งเดินมาถึงจุดที่ค่อนข้างเปลี่ยว ในที่สุดจึงหยุดการย่างก้าว พูดเคล้ารอยยิ้มว่า “ซื่อจื่อน้อย ออกมาเถิด…ข้า…ก็มีเรื่องอยากคุยกับท่านอยู่พอดี”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คนชุดดำสายเปย์นี่มาดีหรือมาร้ายกันนะ จะใช่พวกเดียวกับท่านฝูหรือเปล่า
ท่านลุงเหวินโดนจับไปแล้ว หนานหนานไปช่วยเขาด้วย
ไหหม่า(海馬)