อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 428 มาลูบไล้ข้าทำไม
ตอนที่ 428 มาลูบไล้ข้าทำไม
ตอนที่ 428 มาลูบไล้ข้าทำไม
หนานหนานรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เขายอมรับว่าตนเองอายุยังน้อย ทว่าฝีมือในการสะกดรอยตามก็มิได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินสักหน่อย เมื่อครู่ตอนที่เขาเดินก็มิได้ส่งเสียงดังอะไร คนคนนี้รับรู้ได้เยี่ยงไรกัน?
“ท่านมีเรื่องอยากคุยกับข้า? ท่านอยากคุยอะไรกับข้า?” หนานหนานเดินก้าวเท้าไปด้านหน้าสองสามก้าวอย่างเอื่อยเฉื่อย ทว่ายังคงรักษาระยะห่างออกจากอีกฝ่ายสามก้าว
บุรุษวัยกลางคนเลิกคิ้วสูง มองร่างเล็ก ๆ ของหนานหนานที่แสร้งวางมาดเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยอย่างจริงจัง จึงเกิดความสนใจอย่างยิ่งยวด
“ท่านคือบุตรของท่านอ๋องซิวจริง ๆ รึ?”
หนานหนานกลอกตาใส่ รู้สึกได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยถามช่างไร้สาระสิ้นดี เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมเขาก็ได้ยินอย่างชัดแจ้งแจ่มชัดแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้ถามอีกรอบ?
คนคนนี้ไม่ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดเข้าไปในหูและไม่พยายามที่จะเก็บไปใส่ใจเลย ทำให้หนานหนานรู้สึกหงุดหงิดเหลือประมาณ
หนานหนานจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีความสุข โบกมือกล่าวว่า “ไม่ใช่ ๆ ข้าหาใช่บุตรของท่านอ๋องซิวไม่”
บุรุษวัยกลางคนแย้มยิ้ม มองดูหนานหนานที่หมุนกายเตรียมตัวเดินออกไปอย่างหมดความอดทน จึงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว
หนานหนานที่ความรู้สึกไวตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายขยับเข้าใกล้ ขาทั้งสองข้างจึงถอยไปด้านหลังโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขาทำให้บุรุษผู้นั้นถึงกับชะงักงัน ดวงตาเป็นประกายแวววาวทันใด
“ดูเหมือนว่าข่าวลือจะมิใช่เรื่องโกหกจริง ๆ ด้วย อายุยังน้อยแต่มีวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ ไม่เลว”
เขาพูดเพียงหนึ่งประโยคแล้วก็จับใบหน้าของหนานหนานโดยพลัน
หนานหนานถึงกับโกรธเคือง “สิ่งที่ข้าทำได้ยังมีอีกมาก” ครั้งกล่าวจบก็เอนตัวไปด้านหลัง เบี่ยงศีรษะออกจากมือของอีกฝ่าย ข้าทั้งสองข้างถีบเข้าที่บนกำแพงสองหน ออกห่างจากอีกฝ่ายอีกสองก้าวจนเกิดเสียงดัง ‘สวบ ๆๆ’
รอยยิ้มของบุรุษวัยกลางคนยิ่งกว้างขึ้น ความเร็วในการลงมือรวดเร็วและรุนแรงขึ้น ดูจากท่าทางแล้วมิได้คิดจะออมมือแม้แต่น้อย และไม่ได้คิดหลีกเลี่ยงเพียงเพราะหนานหนานเป็นเด็กคนหนึ่ง
เพียงชั่วพริบตาก็ใช้กระบวนท่าไปสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว หนานหนานจึงค่อย ๆ รู้สึกเปลืองกำลังขึ้นมา ฝีมือของเขาเป็นเช่นไรเขาย่อมรู้ดี แม้แต่ท่านพ่อยังบอกว่าหากเขาออกจากตำหนักเพียงลำพังก็มิใช่ปัญหาใหญ่ใด เขาสามารถรับมือกับคนธรรมดา ๆ ได้
ทว่าในตอนนี้เขาได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีไปกับการใช้วิชาฝ่าเท้าและความสามารถทั้งหมด แต่ก็ยังล้มเหลวและถอยร่นอยู่ดี
คนคนนี้เก่งกาจยิ่งนัก ฝีมือของเขายอดเยี่ยมยิ่งกว่าท่านพ่อเสียอีก
หนานหนานตัดสินใจแล้ว เขาไม่กล้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วอีกต่อไป จึงดึงผงยาถุงหนึ่งออกมาจากข้างเอว ก่อนจะสาดเข้าใส่บุรุษวัยกลางคน
คนคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนกระโดดดีดตัวขึ้นถอยห่างเกือบสิบก้าว หนานหนานหมุนกายทำท่าวิ่งหนี ทว่ายังไม่ทันได้วิ่งสุดฝีเท้า บุรุษวัยกลางคนก็โผนทะยานเข้ามาด้วยความเร็วอีกหน มือทั้งสองข้างจับคอเสื้อด้านหลังของหนานหนานและยกตัวเขาขึ้น
หนานหนานดิ้นพล่านอยู่สองหน ก่อนตบเข็มที่อยู่บนปลายนิ้วมือไปที่หลังของชายผู้นั้น
“เจ้าตัวเล็ก ความสามารถในการเอาตัวรอดของเจ้ามีไม่น้อยเลยจริง ๆ” บุรุษวัยกลางคนปล่อยมือ ทำแค่เพียงหลบการโจมตีของหนานหนาน
หนานหนานหล่นลงสู่พื้นดิน เขาไม่ได้ป้องกันไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเสียง ‘ตุบ’ ก็ดังขึ้นพร้อมกับก้นที่กระแทกนั่งลงบนพื้น
“เจ็บ ๆๆ…” บนหน้าผากของหนานหนานมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาแล้ว ยื่นมือน้อย ๆ ออกมานวดก้นที่บาดเจ็บเพราะแรงกระแทก
ในเวลานี้เอง บุรุษวัยกลางคนก็ขยับเข้าใกล้อีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เขากลับฉลาดขึ้นแล้ว เขาเข้ามารวบมือทั้งสองข้างของหนานหนาน ไม่ปล่อยโอกาสให้เด็กน้อยได้ทำร้ายอีกต่อไป
ใครจะไปคิดว่าหนานหนานกลับยิ้มด้วยรอยยิ้มมืดครึ้ม ยกเท้าขึ้นมาเตะอีกหน
บุรุษวัยกลางคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าส้นรองเท้านั้นมีใบมีดส่องประกายเย็นยะเยือกกำลังวาดเข้ามาตรงหน้าเขา
โชคดีที่เขาหลบหลีกได้ทันเวลา ตอนนี้เขาควบคุมขาทั้งสองข้างของหนานหนานแล้ว หนานหนานบิดตัว ทว่ากลับไม่สามารถหลุดออกจากการจับกุมได้ มือและขาทั้งสองข้างถูกรัดไว้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเสียหน้าอย่างมาก
ทว่า…ทว่าสิ่งที่ทำให้หนานหนานตกตะลึงและรับไม่ได้ยิ่งกว่าก็คือ ลุงวัยกลางคนหื่นกามผู้นี้กำลังปลดเข็มขัดและเลิกเสื้อของเขา
หนานหนานถึงกับร้องเสียงแหลมราวภูตผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอนในทันที “อ๊าก ท่านมันลามกจกเปรต ท่านมันสัตว์เดรัจฉาน ท่านมันไร้มนุษยธรรม ท่านมันไม่ใช่คน ท่านลงไม้ลงมือกับเด็กอายุแค่ห้าขวบ ท่านพ่อจ๋า…ท่านแม่จ๋า…ลูกชายคนนี้กำลังจะถูกคนอื่นลักพาตัวไปกระทำชำเราแล้ว ช่วยด้วย…อื้อ…”
ลุงวัยกลางคนถึงกับชะงักเพราะเสียงตะโกนของเขา ตอนที่ได้สติกลับคืนมา เส้นดำพลันปรากฏขึ้นเต็มหน้า รีบยื่นมือออกมาปิดปากของหนานหนานไว้ ร่างเล็ก ๆ ของหนานหนานถูกลากไปด้านข้าง จนกระทั่งถึงจุดที่เขาคิดว่าปลอดภัยจึงหยุดลง
เขาถึงกับหมดคำพูด ยังดีที่ตนเห็นสิ่งที่อยู่บนร่างกายของหนานหนานแล้ว จึงปล่อยเด็กน้อยลงไปยืนบนพื้น
“เจ้านี่มัน…กล้าพูดไปเสียทุกอย่างจริง ๆ”
หนานหนานออกแรงเค้นน้ำตาสองหยดออกมาจากหางตา มือทั้งสองข้างอยู่ในท่าทางเตรียมลงมือมองอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวัง “ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้น ผิดตรงไหนกัน? เหอะ ข้าก็นึกแปลกใจอยู่แล้วเชียว เหตุใดท่านถึงได้ใจกว้างซื้อหนังสือของข้าตั้งหลายเล่มเป็นคนแรก แม้แต่เงินทอนก็ไม่คิดจะให้ข้าทอนให้ อีกอย่างข้าก็จับตามองท่านอยู่นานแล้ว แม้ว่าท่านจะนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หลืบมุม แต่ก็เงยหน้าเหลือบมองมาที่ข้าเป็นครั้งคราว ประเสริฐ ข้าก็คิดไว้อยู่แล้ว ที่แท้ท่านก็สนใจข้านี่เอง”
“พรืด…” ต่อให้เขาใจเย็นกว่านี้ ก็ยังหลุดขำเพราะบุคลิกปรวนแปรไม่แน่นอนเช่นนี้ของหนานหนานอย่างห้ามไม่อยู่
“ห้ามหัวเราะ ข้าบอกไว้ก่อนเลย ข้าไม่มีทางชอบท่าน ข้าชอบสตรี รสนิยมของข้าปกติดี ท่านอย่ามาฝันลม ๆ แล้ง ๆ กับข้า แม้ว่าข้าอายุยังน้อย แต่ก็มากด้วยหลักการ” หนานหนานพูดฉอด ๆ ยกใหญ่ มุมปากขึงตึงขณะพยักหน้าอย่างจริงจัง
บุรุษวัยกลางคนถูกคำพูดของเขาพูดใส่จนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เหตุใดความคิดของเด็กคนนี้ถึงได้แปลกประหลาดขนาดนี้เล่า? ปกติแล้วพ่อแม่ของเขาอบรมสั่งสอนเขามาอย่างไรกันแน่? อีกอย่างคำพูดที่ออกมาจากปากเด็กคนนี้ก็แปลกพิลึกยิ่งนัก ไม่รู้ว่าไปได้ยินคำแปลกประหลาดเหล่านั้นมาจากที่ใดกัน
ทว่า ตามข่าวที่ได้รับ เด็กคนนี้ติดตามหมอปีศาจเดินทางเหนือจรดใต้มาตั้งแต่เด็ก คาดว่าคงได้เห็นโลกมามิน้อย
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้ามิได้คิดกับเจ้าแบบนั้นสักหน่อย”
เขาอธิบายอย่างจนปัญญา ทว่าหนานหนานกลับระมัดระวังตัวจากเขาเหลือประมาณ ยกมือขึ้นมากอดอกด้วยท่าทางเย้ยหยัน “อย่ามาเล่นลิ้น หากท่านไม่ได้คิดอะไรกับข้า เหตุใดเมื่อครู่ถึงได้มาลูบไล้ข้า? ทั้งยังถลกเสื้อของข้าอีก พฤติกรรมเช่นนี้ ข้าขอแสดงออกถึงความรังเกียจท่านอย่างถึงที่สุด”
บุรุษวัยกลางคนมุมปากกระตุกอย่างหนัก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนอธิบายอย่างเนิบช้าว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแค่คิดว่าฝีมือของเจ้าไม่ธรรมดา จึงอยากสัมผัสกระดูกของเจ้าดูสักหน่อย เพื่อยืนยันว่าเจ้าคืออัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้หรือไม่”
อัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้?
หนานหนานชะงัก ก่อนพูดอย่างมีชัยว่า “เรื่องนี้มีอะไรต้องยืนยัน ท่านถามข้ามาตรง ๆ ก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่รึ? ข้าจะบอกให้ก็ได้ ข้าคือผู้มีพรสวรรค์ ไม่ต้องสัมผัสก็รู้แล้ว”
กล่าวไปสองประโยค จู่ ๆ เขาก็ชะงักไปอีกครั้ง ขมวดคิ้วกล่าวด้วยความโกรธขึ้งว่า “ไม่ถูกสิ เหตุใดท่านถึงต้องยืนยันว่าข้าคืออัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้? ท่านคิดจะทำอะไร? อย่าบอกนะว่าจะเลี้ยงดูข้าเพื่อให้ข้าเป็นนักฆ่าใช้เป็นเครื่องมือสังหารผู้อื่นแทนท่าน? ข้าจะบอกอะไรให้ ข้าไม่ตอบตกลงหรอก เว้นเสียแต่…เว้นเสียแต่…”
“เว้นเสียแต่อะไร?” เมื่อครู่เจ้าตัวเล็กคนนี้เพิ่งพูดว่าตนเองมากด้วยหลักการมิใช่รึ?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานเอ๊ย พูดเป็นตุเป็นตะเลยลูก
ว่าแต่ชายคนนี้คือใครกันนะ ทำไมพลังฝีมือถึงล้ำลึกขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)