อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 429 ท่านเป็นคนขอร้องข้า
ตอนที่ 429 ท่านเป็นคนขอร้องข้า
ตอนที่ 429 ท่านเป็นคนขอร้องข้า
“เว้นเสียแต่ท่านจะให้เงินข้า ข้าก็จะยอมฝืนใจเป็นเครื่องมือให้ท่านสักหน่อยก็แล้วกัน”
มุมปากของบุรุษวัยกลางคนกระตุกวูบเบา ๆ “เจ้านี่มัน….มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีมากจริง ๆ”
“เรื่องนี้ไม่ต้องให้เจ้าพูด ข้าก็รู้ตัวดี”
“…” เด็กคนนี้หน้าหนาแบบไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ถึงขั้นมีดหอกแทงไม่เข้าเลยทีเดียว เขายอมรับว่าตนเองมิใช่พวกปากหนัก แต่ดูเหมือนคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจต่อหน้าเด็กคนนี้เสียแล้ว
ช่างเถิด คุยกับเด็กคนนี้มากไปกว่านี้ เกรงว่าปากของเขาคงเอาเปรียบเด็กคนนี้ไม่ได้แม้แต่ครึ่ง ครั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก็พบว่าท่าทางระมัดระวังตัวของหนานหนานลดลงมากกว่าเดิมแล้ว จึงเอ่ยเคล้ารอยยิ้มว่า “เจ้าคือผู้มีพรสวรรค์มากจริง ๆ” ควรพูดว่าเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่จะได้เจอสักครั้งในหนึ่งศตวรรษ เด็กคนนี้คือสมบัติ สมบัติที่ทำให้ผู้คนอยากครอบครองไว้ในมือ
หนานหนานรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งนัก เรื่องนี้ยังต้องให้อีกฝ่ายพูดอีกหรือ?…ใคร ๆ ก็รู้
“ข้าก็อยากฝึกเจ้าจริง ๆ นั่นแหละ”
หนานหนานชะงัก ไม่หรอกกระมัง เขาก็แค่พูดจาเหลวไหลไปเรื่อย กลับพูดถูกด้วยรึ?
บุรุษวัยกลางคนยิ้ม “แต่มิใช่การเลี้ยงดูเพื่อใช้เจ้าเป็นเครื่องมือสังหารใคร เพียงแต่ไม่อยากให้พรสวรรค์ของเจ้าต้องเสียเปล่าก็เท่านั้น”
หนานหนานหรี่ตาลง กลืนน้ำลายก่อนเอ่ยถาม “มีเงินหรือไม่?”
“ไม่มี”
“เช่นนั้นข้าไม่เรียน” หนานหนานตอบกลับอย่างเรียบง่าย
“…” บุรุษวัยกลางคนเกิดความคิดอยากประเคนมะเหงกให้หนานหนานเพราะควบคุมตัวเองไม่อยู่ไปชั่วขณะหนึ่ง เจ้าตัวเล็กนี่หน้าเงินหรืออย่างไรกัน? เขาอุตส่าห์หวังดีจะสอนวรยุทธให้ เขากลับพูดว่าตนเองสูญเสียทั้ง ๆ ที่ได้ผลประโยชน์ ยังเอ่ยถามเพื่อขอเงินจากเขาอีก? สรุปแล้วใครได้ผลประโยชน์กันแน่?
“ท่านแม่บอกข้าว่าอย่าเชื่อใจคนแปลกหน้าง่าย ๆ ท่านเป็นคนแปลกหน้า หากท่านไม่มอบเงินให้ ข้าก็ไม่เชื่อท่านหรอก” หนานหนานพูดอย่างภาคภูมิใจ จ้องมองอีกฝ่ายพลางแค่นเสียงเย็น
เขามองออกว่าลุงวัยกลางคนรูปงามผู้นี้เป็นคนมีเงิน วัสดุเนื้อผ้าของเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่บนร่างกายก็เป็นของคุณภาพดี กระเป๋าเงินที่เขาหยิบออกมาเพื่อซื้อหนังสือในร้านตำราตอนนั้นก็เป็นงานฝีมือยอดเยี่ยม
จะว่าไป เป็นเพราะหนานหนานเห็นกระเป๋าเงินใบนั้น จึงทำให้เขาสังเกตคนคนนี้เป็นพิเศษ
บุรุษวัยกลางคนถึงกับสะอึกพูดไม่ออกเพราะคำพูดของหนานหนาน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงหรี่ตาลง แค่นเสียงเบากล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากเรียน แต่เป็นเพราะกลัวว่าเรียนไม่ไหวมากกว่ากระมัง?”
“พูดอะไรของท่าน?”
“ข้าว่าพรสวรรค์ของเจ้าก็งั้น ๆ แหละ คาดว่าก็คงได้แค่ขั้นนี้กระมัง เฮ้อ น่าเสียดาย ที่แท้ข้าก็มองคนผิดไป เจ้าบอกว่าเจ้าชอบอิสตรี แต่เกรงว่าหลังจากโตขึ้นแม้ภรรยาของตนเองยังปกป้องไม่ได้ ต่อให้มีเงินก็คงไม่มีปัญญารักษาไว้ได้ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็คงถูกคนขโมยไปอยู่ดี”
หนานหนานกระทืบเท้า “ท่านหมายถึงใครที่ปกป้องไม่ได้ วรยุทธ์ของข้าล้ำเลิศจะตายไป”
“อย่างนั้นรึ?” บุรุษวัยกลางคนเลิกคิ้วแย้มยิ้ม เจ้าตัวเล็กนี่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน “ในเมื่อเก่งขนาดนั้น เหตุใดถึงทำอะไรข้าไม่ได้แม้แต่น้อยทั้ง ๆ ที่ทุ่มกำลังทั้งหมดที่มี?”
ครั้นพูดถึงตรงนี้หนานหนานก็เริ่มโกรธจนกระฟัดกระเฟียด หากเขาลงมือความผิดพลาดที่มีก็แสนจะน้อยนิด ต่อให้มิอาจเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่ก็ได้รับพิษอะไรทำนองนั้น ทว่าลุงวัยกลางคนรูปงามผู้นี้กลับรับมือได้ทุกกระบวนท่า ทำให้เขาไม่สามารถเอาเปรียบอีกฝ่ายได้
หนานหนานถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน “ข้าจะบอกอะไรให้ นั่นก็เป็นเพราะข้าอายุยังน้อย รอให้ข้าโตก่อนเถอะ วรยุทธ์ต้องเก่งกว่าท่านเป็นแน่”
“จุ๊ ๆ ตอนที่ข้าอายุน้อยเท่าเจ้า วรยุทธ์ของข้ายังดีกว่าเจ้าตั้งหลายขั้น”
“…” หนานหนานทำแก้มป่อง เป็นเพราะเขาค่อนข้างเกียจคร้าน ไม่อยากเรียนวรยุทธ์ มิเช่นนั้นเขาคงอัดอีกฝ่ายจนต้องขอร้องปู่ไปฟ้องย่าเป็นแน่
“เฮ้อ พรสวรรค์ไม่สูงจริง ๆ ด้วยสินะ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ได้เก่งกาจเท่าข้าในตอนนั้น”
หนานหนานก้าวเท้ากระดืบ ๆ มาด้านหน้าอีกสองสามก้าว ยื่นศีรษะไปตรงหน้าอีกฝ่าย พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ตกลง ข้าเรียน”
“แน่ใจ?” ดวงตาของบุรุษวัยกลางคนพลันเป็นประกาย
หนานหนานพยักหน้าด้วยความขุ่นเคือง “แต่หลังจากนี้หากมีใครถาม ต้องบอกพวกเขาว่าท่านขอร้องให้ข้าเรียน”
มุมปากของบุรุษวัยกลางคนกระตุกวูบอย่างแรงหลายหน ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อยเลยจริง ๆ แต่ไหนแต่ไรมามีแต่คนอื่นมาขอร้องเพื่อเรียนวรยุทธ์กับเขา แต่เด็กคนนี้กลับประเสริฐนัก ต้องให้เขาคิดหาวิธีเพื่อกระตุ้น เจ้าตัวเล็กกลับไม่พอใจ จุดนี้กลับทำให้เขาดูคล้ายกับผู้เป็นบิดาเสียเหลือเกิน
แต่ก็ช่างเถิด เพื่ออนาคต ขอแค่เด็กน้อยได้เรียนรู้วรยุทธ์ของตนเอง ปล่อยให้เขาพูดไปเถิด
“นับจากนี้ เจ้าเรียกข้าว่าลุงลู่ก็แล้วกัน แล้วก็…เกี่ยวกับเรื่องเรียนวรยุทธ์นี้ขอให้เป็นความลับระหว่างเราสองคน ห้ามให้คนอื่นรู้ แม้แต่พ่อแม่ของเจ้าก็ห้ามบอก”
“ตกลง ท่านปู่ลู่”
“…” บุรุษวัยกลางคนร่างแข็งทื่อ “ท่านปู่ลู่?”
หนานหนานพยักหน้าอย่างรู้ความ “ครอบครัวของข้าให้ความใส่ใจกับระดับอาวุโสอย่างมาก ท่านพ่อของข้าอายุยังไม่ถึงสามสิบ แต่หน้าตาของท่านดูคล้ายกับคนอายุ 40-50 แล้ว คงเป็นลุงไม่ได้หรอก ดังนั้นเรียกท่านปู่ลู่นี่แหละถือเป็นการแสดงออกถึงความเคารพที่ข้ามีต่อท่าน”
แม้ว่าการคำนวณดูแล้วจะจัดให้เขาเป็นปู่ของหนานหนานได้จริง ๆ แต่…เขายังอายุไม่มากเท่าฮ่องเต้ ถูกเรียกว่าท่านปู่ย่อมรู้สึกไม่สบอารมณ์ อีกอย่าง คนนอกต่างก็บอกว่าหน้าตาของเขาดูมากที่สุดก็แค่สามสิบกว่าปีเท่านั้น
“ท่านปู่ลู่ ข้ายังมีธุระ คงไม่อยู่คุยเป็นเพื่อนท่านแล้ว หลังจากนี้อีกสองวัน ข้าจะมารอท่านที่นี่ก็แล้วกัน ลาก่อน” หนานหนานคิดว่าตนเองออกมานานเกินไปแล้ว ไม่สามารถปล่อยอวี้เป่าเอ๋อร์ให้อยู่ที่นั่นเพียงลำพังได้ ดังนั้น…กลับไปดีกว่า
บุรุษวัยกลางคนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พยักหน้าตอบ จนกระทั่งร่างของหนานหนานค่อย ๆ เดินห่างออกไปและมองไม่เห็นแล้ว บนหลังคามีเงาหนึ่งโฉบลงมา ยกมือคารวะเขา “ท่านประมุข”
“ไม่ได้ปล่อยให้ผู้พิทักษ์ทมิฬข้างกายของเด็กน้อยตามมาใช่หรือไม่?”
“ท่านประมุขอย่าได้กังวลใจ ข้าน้อยล่อพวกเขาไปทางอื่นแล้วขอรับ” บุรุษที่กำลังพูดดูเหมือนยังหนุ่มนัก เขามองแผ่นหลังของหนานหนานปราดหนึ่ง เอ่ยถามด้วยความลังเลว่า “ท่านประมุขแน่ใจแล้วหรือขอรับ?”
“อืม แน่ใจแล้ว” บุรุษวัยกลางคนแย้มยิ้ม ยังคงอยู่ในท่วงท่าสง่างาม
บุรุษหนุ่มไม่พูดอะไรอีก ทำแค่เพียงใช้สายตามองไปยังร่างเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งกระโดดหยองแหยงกลับไป
หนานหนานรู้สึกอารมณ์ดีไม่น้อย มียอดฝีมือที่ดูเหมือนจะเก่งกาจกว่าท่านพ่ออยากสอนวรยุทธ์ให้เขาเชียวนะ แม้จะลิดรอนเวลาพักผ่อนของเขาไปมากและไม่ได้รับเงินก็ตาม แต่ตนเองเป็นคนใจดีมาโดยตลอด ให้อภัยเขาก็แล้วกัน
ระหว่างที่หนานหนานกำลังครุ่นคิด มุมปากก็ยกขึ้นเป็นเส้นโค้ง เดินกลับเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม
。
ครั้นช้อนสายตาเห็นด้านในโรงเตี๊ยมมีผู้คนแน่นขนัด ภายในใจยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ เขารีบวิ่งเข้าไปหาอวี้เป่าเอ๋อร์ในทันทีและเบียดตัวเข้าไป ทว่าเป็นเพราะไม่ทันได้สังเกต จึงชนเข้ากับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จนถูกเบียดไปด้านข้าง
หยวนสือถึงกับพาลโกรธทันใด หันกลับมาจะต่อว่า “เจ้าคนไม่มี…”
พูดถึงตรงนี้ก็พบใบหน้าที่คุ้นเคยของหนานหนาน คำพูดที่มาถึงปากของหยวนสือถูกกลืนกลับไปในทันที มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แฝงด้วยเจตนาดีเล็ก ๆ “ที่แท้ก็ซื่อจื่อน้อยนี่เอง”
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กคนนี้และท่านอ๋องซิวช่างแน่นแฟ้น คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเป็นพ่อลูกกัน
ในเวลานี้เอง หยวนสือก็เข้าใจแล้วว่าเหวินเทียนให้เขามาที่โรงเตี๊ยมเพื่อหาใคร
หนานหนานเอียงศีรษะ จ้องมองหยวนสืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “เจ้าคือใครกัน?”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีจอมยุทธ์จะสอนวรยุทธ์ให้เชียวนะหนานหนาน ยอดฝีมือระดับนี้แล้วหนูก็อย่าเอาเปรียบเขานักเลย
แว่วๆ ว่าชายกลางคนผู้นี้สกุลลู่….นี่คงไม่ใช่ว่าเป็นผู้คิดค้นวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่หรอกกระมัง?
ไหหม่า(海馬)