อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 434 จำเรื่องที่จะพูดหลังจากนี้ไว้ให้ดี
ตอนที่ 434 จำเรื่องที่จะพูดหลังจากนี้ไว้ให้ดี
ตอนที่ 434 จำเรื่องที่จะพูดหลังจากนี้ไว้ให้ดี
ริมฝีปากของเย่ซิวตู๋ที่ยกขึ้นเล็กน้อยค่อย ๆ หุบลง ขอแค่เป็นสถานที่ที่อวี้ชิงลั่วอยู่ เขาก็จะรักษานิสัยพูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทองมาโดยตลอด ปล่อยให้นางแสดงความสามารถอย่างอิสระ
ใต้เท้าเย่ขมวดคิ้วมุ่น สายตาที่มองอวี้ชิงลั่วมีความรังเกียจเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
ก็แค่สตรีสำส่อนคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้ดวงดีจนกลายมาเป็นองค์หญิงของอาณาจักรเทียนอวี่
องค์หญิง? เหอะ นางคู่ควรรึ?
ใต้เท้าเย่รู้สึกไม่มีความสุขอยู่ภายในใจ ทว่าอวี้ชิงลั่วเดินเข้ามาตรงหน้าเขาเช่นนี้ ในฐานะที่เขาเป็นขุนนางอาณาจักรเฟิงชางซึ่งเป็นอาณาจักรพันธมิตร เขาจึงทำได้เพียงแค่คารวะองค์หญิงจากอาณาจักรเพื่อนบ้านอย่างเคารพนอบน้อม “ไม่ทราบว่าที่องค์หญิงเทียนฝูเสด็จมาที่นี่ มีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“คงไม่กล้าสั่งหรอก” อวี้ชิงลั่วช่างดูสูงศักดิ์เหลือประมาณ การแสดงออกช่างเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ใต้เท้าเย่ ข้าก็แค่อยากถามว่า การปฏิบัติกับผู้ต้องสงสัยต้องมีความเท่าเทียมกันหรือไม่?”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเย่หรี่ตาลง ตอบกลับตามสัญชาตญาณ ครั้นตอบกลับไปเช่นนี้ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติในทันที
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงตะโกนแหลมเสียดหูของหนานหนานดังขึ้น “อาฝูอะไรนั่นและท่านลุงเหวินของข้าต่างก็เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งคู่ เหตุใดถึงมีแค่ท่านลุงเหวินของข้าที่ถูกทุบตีจนอยู่ในสภาพเช่นนี้? อาฝูยังมีความผิดหลอกลวงทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดด้วย เหตุใดเขากลับไม่โดนอะไรเลย?”
“ใต้เท้าเย่ แม้ลูกชายของเรายังรู้ว่าอะไรที่เรียกว่า ‘ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน’ คงไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้หรอกนะ? หรือว่า…เจ้ามีจิตใจเอนเอียงไปทางอาฝูนั่น จงใจเล่นงานผู้อารักขาตำหนักอ๋องซิว?”
“ย่อมมิใช่” ใต้เท้าเย่ถึงกับหงุดหงิดเพราะคำพูดของนาง “กระหม่อมย่อมรู้จักการปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพียงแต่ตอนแรกมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุชี้ไปทางเหวินเทียน ตอนนี้อาฝูก็เป็นแค่ผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ในเมื่อเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าอาฝูเป็นฆาตกร หากเราลงมือกับเขา มิเท่ากับเป็นการทรมานเพื่อให้เขายอมรับความผิดเพราะทนมิไหวหรอกหรือ?”
“อ๋อ เช่นนี้นี่เอง” อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม “แต่ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าพยานวัตถุและพยานบุคคลทั้งหมดเหล่านั้นของเหวินเทียนไม่ถูกต้อง เหวินเทียนเองก็เป็นผู้ต้องสงสัย แต่ใต้เท้าเย่กลับทุบตีเขาจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็หมายความว่าใต้เท้าเย่ทำไม่ถูกมิใช่รึ? ถึงอย่างไรเหวินเทียนก็เป็นคนของตำหนักอ๋องซิว หน้าที่สำคัญคือปกป้องท่านอ๋อง ใต้เท้าเย่ทรมานเขาจนอยู่ในสภาพเช่นนี้โดยไม่แยกผิดชอบชั่วดีทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นความปลอดภัยของท่านอ๋องซิวอยู่ในสายตา ไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตา ใต้เท้าเย่ช่างวางอำนาจบาตรใหญ่เสียเหลือเกิน”
ใต้เท้าเย่โดนคำพูดของนางฉีกหน้าจนถึงกับหน้าเขียว แต่เขาก็มิอาจยอมรับความผิดของตนเองได้ และมิอาจยอมรับว่าตนเองจงใจเล่นงานตำหนักอ๋องซิวได้เช่นกัน
เขาเหลือบมองเหวินเทียนปราดหนึ่ง และหันมองเย่ซิวตู๋อีกปราดหนึ่ง ขบฟันแน่น “เมื่ออยู่ตรงหน้ากฎหมาย ทุกคนเท่าเทียมกัน ต่อให้เหวินเทียนเป็นผู้อารักขาของท่านอ๋อง เขามีส่วนน่าสงสัย จึงต้องเดินตามขั้นตอนการสอบสวนตามปกติ เมื่อเข้ามาในจวนผู้ตรวจการเมืองหลวง การทุบตีด้วยไม้ก็เป็นขั้นตอนหนึ่ง ทหาร จับตัวอาฝูในฐานะผู้ต้องสงสัยไว้ โบยสามสิบไม้แล้วค่อยว่ากัน”
อาฝูรูม่านตาหดเล็กลง เงยหน้ามองใต้เท้าเย่ด้วยท่าทางชะงักงัน ทว่าท้ายที่สุดก็มิได้พูดอะไรให้มากมาย ทำแค่เพียงขบฟันแน่นพลางนอนคว่ำลงบนม้านั่ง
อวี้ชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจ เหลือบตามองผู้คุมที่ถือแผ่นไม้เหล่านั้นปราดหนึ่ง กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “จำไว้…ให้ความเสมอภาคอย่าได้ลำเอียงเชียว ข้าและท่านอ๋องซิวยืนดูอยู่ หากลงมือเบาหรือหนักเกินไป ถือเป็นความผิดของพวกเจ้า”
ผู้คุมสองคนนั้นถึงกับร่างสั่นสะท้าน หลังจากหันสบตากันด้วยอาการใจสั่น ก็ออกแรงทุบไม้ลงไป
ถึงอย่างไรอาฝูก็อายุมากแล้ว ต่อให้มีวรยุทธ์ แต่วิธีการทุบตีที่โหดร้ายเช่นนี้ก็ทำให้เหงื่อเย็นผุดออกมาทั่วร่างกายจนเนื้อตัวแข็งทื่อได้ ทั้งยังส่งร้องโหยหวนอย่างน่าอเนจอนาถ
ใต้เท้าเย่เบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่กล้ามอง ภายในใจแอบวางแผนอย่างเงียบ ๆ รอจนกระทั่งโบยครบสามสิบไม้ เขาก็รีบหมุนกายโบกมือ “พอแล้ว พาตัวพวกเขาออกไป”
“ช้าก่อน”
“องค์หญิงเทียนฝูยังมีธุระอะไรอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ใต้เท้าเย่ขบฟันกรอด เขารู้สึกเกลียดสตรีไร้เหตุผลที่เอาแต่พัวพันไม่ยอมหยุดผู้นี้เข้ากระดูกจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม แม่นมเซียวที่ยืนอยู่ด้านหลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ กล่าวว่า “ใต้เท้าเย่ ผู้อารักขาเหวินเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตองค์หญิงของเราไว้ ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ องค์หญิงเป็นผู้รู้จักตอบแทนบุญคุณย่อมมิอาจปล่อยผ่านโดยไม่สนใจสิ่งใดได้ โปรดใต้เท้าเย่อนุญาตให้องค์หญิงของเรารักษาให้ผู้อารักขาเหวินด้วย”
“เหลวไหล นี่มัน…”
“ใต้เท้าเย่” แม่นมเซียวใช้น้ำเสียงเย็นชาพูดแทรกเขา “ตอนนี้ผู้อารักขาเหวินเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นฆาตกร หากเขาตายเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่มิได้รับการรักษา ก็เท่ากับใต้เท้าเย่ฆ่าคนเป็นผักปลา ไม่ว่าจะตำหนักอ๋องซิวหรืออาณาจักรเทียนอวี่ คงมาคิดบัญชีนี้กับใต้เท้าเย่อย่างแน่นอน”
ใต้เท้าเย่ถึงกับตกใจ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงสะบัดปลายแขนเสื้อ แค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียงพร้อมกับยอมประนีประนอม
อวี้ชิงลั่วจึงก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า สั่งให้เสิ่นอิงและเผิงอิงที่อยู่ด้านหลังก้าวเท้าไปด้านหน้า ก่อนจะยกเหวินเทียนขึ้นไปบนเก้าอี้สามตัวที่นำมาต่อด้วยกันด้านข้าง แม่นมเซียวหยิบม่านขึ้นมาหนึ่งผืนซึ่งไม่รู้ว่านำมาจากที่ใด จากนั้นสั่งให้คนขึงผ้าซ้ายขวา เพื่อกั้นพื้นที่ว่างทางฝั่งนี้ขึ้นมา
บาดแผลของเหวินเทียนอยู่บนก้น อวี้ชิงลั่วย่อมตรวจไม่สะดวก จึงทำได้แค่ยื่นยาชนิดขี้ผึ้งให้เผิงอิงช่วยดูแล ส่วนตนเองยื่นมือออกไปจับชีพจรบนขอมือของเขา หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อย ๆ
คนแซ่เย่ผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์เลยจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะทรมานเหวินเทียนให้ตาย ถึงได้ลงมืออย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้
นางหยิบยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มอบให้เหวินเทียนกินเข้าไป เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังปราณของเขาที่ค่อย ๆ นิ่งสงบลงแล้ว จึงเดินไปด้านหลัง สายตาจรดลงบนขาทั้งสองข้างที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยของเหวินเทียน
“ข้าไม่ปล่อยมันไว้แน่” เผิงอิงดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือปนความเศร้าโศกผิดปกติ
ภายในใจของอวี้ชิงลั่วก็รู้สึกไม่พอใจเช่นเดียวกัน แค่นิ้วมือของนางสัมผัสเข้ากับหัวเข่าของเขา เหวินเทียนก็สูดลมเย็นจนเกิดเสียงดัง ‘ซี๊ด’ แล้ว
อวี้ชิงลั่วรีบดึงมือกลับไป เหวินเทียนแย้มยิ้ม “แม่นางอวี้ ไม่เป็นไร เจ็บแค่นี้ข้าทนไหว”
“เจ้า…” ขาทั้งสองข้างนี้ หลังจากนี้เกรงว่าคงเกิดอาการเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อเหวินเทียนไม่น้อยเลย
“ข้าจะช่วยจัดกระดูกขาให้เจ้า เจ้าทนหน่อยนะ”
“ขอรับ” เหวินเทียนขบฟันแน่น มองไปด้านหน้าอย่างมั่นคง
เพียงไม่นาน ด้านหลังก็เกิดเสียงร้องแหลมด้วยความเจ็บปวด เหวินเทียนขบฟันแน่นจนเกิดเสียงกึก ๆ เพียงครู่หนึ่ง ความเจ็บก็ค่อย ๆ ทุเลาลง
เหวินเทียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มองดูหนานหนานที่เดิมทีคอยช่วยเย่ซิวตู๋ขวางใต้เท้าเย่อยู่ด้านนอกค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้ามาด้านในทีละก้าว เด็กน้อยย่อตัวลงหน้าศีรษะของเขา เม้มริมฝีปากอย่างเงียบ ๆ อยู่หลายครั้ง
ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์หดหู่ “ท่านลุงเหวิน ข้าขอโทษ…”
“เป็นเพราะลุงเหวินไม่ทันได้สังเกต ระมัดระวังไม่มากพอ จึงติดกับดักของผู้อื่น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนานหนานเลย” เหวินเทียนยื่นมือออกมาลูบศีรษะของหนานหนานอย่างยากลำบาก ยิ้มน้อย ๆ กล่าวว่า “เรื่องที่หนานหนานทำในวันนี้ถูกต้องแล้ว เจ้ากำลังปกป้องชื่อเสียงของท่านพ่อและท่านแม่ของตนเอง สำหรับลุงเหวิน เรื่องนี้สำคัญยิ่งกว่าการที่ลุงเหวินถูกจับตัวเสียอีก เข้าใจหรือไม่?”
หนานหนานหลุบสายตาลง ท่าทางยังดูไม่มีความสุข
เหวินเทียนลอบถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นมองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้าง ใช้โอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังเพ่งความสนใจไปที่อวี้ชิงลั่วและคนอื่น ๆ กระซิบขึ้นว่า “หนานหนาน คำพูดที่ลุงเหวินจะพูดต่อจากนี้ เจ้าต้องฟังให้ละเอียด จำไว้นะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มากันครบขนาดนี้ยังคิดจะวางอำนาจอีกเหรอคนแซ่เย่นี่ เป็นบุคคลน่าสงสัยตั้งแต่ตอนตรวจคดีความต่างๆ ที่ดูร่ำไรผิดปกติแล้ว รับสินบนจากนังกุ้ยเฟยมาเท่าไหร่กันล่ะหือ?
ไหหม่า(海馬)