อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 435 อย่าได้นำออกมาง่าย ๆ
ตอนที่ 435 อย่าได้นำออกมาง่าย ๆ
ตอนที่ 435 อย่าได้นำออกมาง่าย ๆ
หนานหนานถึงกับชะงัก ก่อนจะพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง
เหวินเทียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ความเจ็บปวดที่กลางอกทำให้เขารู้สึกทรมานจับใจ ทว่ายังดีที่แม่นางอวี้อยู่ด้วย เขาจึงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล
“หนานหนาน เจ้ากลับไปบอกท่านอ๋องนะ ข้าเคยเห็นหน้าอาฝูผู้นั้นที่ตำหนักท่านอ๋องเจ็ดเมื่อแปดปีก่อน สถานะของเขาน่าสงสัยมาก แล้วก็…ก่อนที่นักเล่าเรื่องจะถูกฆ่าตาย เขาเคยเอ่ยถึงลูกเมียของเขาว่าอยู่ในกำมือของอาฝูด้วย”
สองประโยคหลังเพียงสั้น ๆ นั้น เหวินเทียนกลับใช้น้ำเสียงที่เบาลงเรื่อย ๆ เบาะแสทั้งสองอย่างนี้ เขาไม่เคยปริปากพูดภายในห้องโถงใหญ่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อหาโอกาสบอกท่านอ๋องหรือแม่นางอวี้เป็นการส่วนตัว
เรื่องราวในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อโจมตีตำหนักอ๋องซิว ไม่ว่าจะอาฝูหรือใต้เท้าเย่ ต่างก็มิอาจปล่อยไว้ได้ หากปล่อยไป ตำหนักอ๋องซิวคงเกิดปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทหารทางฝั่งนั้นเคลื่อนสายตามาทางหนานหนาน เหวินเทียนจึงชะงักไปครู่หนึ่ง ยิ้มขึ้นมาและกล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เอาล่ะ ไม่ต้องเศร้าแล้ว เชื่อข้าเถอะ อีกไม่นานลุงเหวินก็จะได้ออกไปแล้ว”
หนานหนานเบะปากพยักหน้า ย่อตัวลงข้าง ๆ เขาพร้อมกับพูดคุยอยู่อีกครู่หนึ่ง
อวี้ชิงลั่วช่วยรักษาให้เหวินเทียนแบบง่าย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลติดเชื้อและแย่ลง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแหวกม่านเดินออกไป ปล่อยให้เผิงอิงช่วยทายาที่หลังให้เหวินเทียน
เย่ซิวตู๋กำลังจิบน้ำชาอยู่กับใต้เท้าเย่ เขาไม่ได้พูดคุยอะไรแม้แต่ประโยคเดียว ทว่าบรรยากาศกลับดูเหมือนมีกลิ่นอายสังหารแผ่ซ่านไปรอบ ๆ ทำให้ใต้เท้าเย่ถึงกับเหงื่อเย็นผุดซึมอย่างเลี่ยงไม่อยู่ เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วเดินออกมา เย่ซิวตู๋จึงพยักหน้าให้นาง “เป็นเช่นไรบ้าง?”
“ใต้เท้าเย่ลงมือหนักยิ่งนัก หากมิใช่เพราะท่านอ๋องมาทันเวลา เกรงว่าชีวิตของเหวินเทียนคงไม่เหลือแล้ว ท่านผู้ตรวจการใช้วิธีได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ” อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะพลางกล่าว คำพูดไร้ซึ่งความเกรงใจ
บัดนี้ความโกรธขึ้นปะทุขึ้นกลางใจของนางแล้ว ตอนนี้เหวินเทียนถือเป็นญาติสนิทมิตรสหายของนาง ทั้งยังเป็นคนที่เชื่อใจได้ คิดไม่ถึงเลยว่าไม่เจอกันแค่เพียงครึ่งวันสั้น ๆ คนที่จากเดิมมีความกระปรี้กระเปร่า กลับมีสภาพเป็นเช่นนี้
นางอยากฆ่าเดรัจฉานแซ่เย่นี่ให้ตายเสียเหลือเกิน
ใต้เท้าเย่ทำท่าทางราวกับไม่ได้ยิน เพียงแค่พูดเคล้ารอยยิ้มว่า “ในเมื่อองค์หญิงเทียนอวี่ไม่มีอะไรแล้ว กระหม่อมจะให้คนพาตัวผู้อารักขาเหวินออกไป ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัย”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็นเผิงอิงและเสิ่นอิงประคองเหวินเทียนออกมาอย่างช้า ๆ ขาของเขายังไม่สามารถเดินได้ เย่ซิวตู๋เป็นกังวลว่าตอนที่เจ้าหน้าที่ทหารพาตัวเหวินเทียนเข้าห้องขังอาจจงใจใช้กลลวง มัดขาทั้งสองข้างของเขาจนทำให้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง เขาจึงสั่งให้เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ประคองเหวินเทียนเข้าไปในคุกโดยไม่สนใจคำคัดค้านของใต้เท้าเย่
ใต้เท้าเย่อึก ๆ อัก ๆ ทว่าท้ายที่สุดก็ได้แต่แค่นเสียงเย็นพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อให้คนของตนเองจับตาดูพวกเขาไว้
หลังจากประคองเหวินเทียนมาถึงห้องขัง เสิ่นอิงก็แอบยื่นผงยาถุงหนึ่งให้เขาอย่างเงียบ ๆ ใช้โอกาสแอบกระซิบเสียงเบาว่า “นี่เป็นของแม่นางอวี้ให้เจ้า แม้ว่าท่านอ๋องจะเตือนให้คนแซ่เย่นั่นแล้วว่าห้ามไม่ให้มาทรมานเจ้าอีก แต่ก็มิอาจมั่นใจได้ว่าสัตว์เดรัจฉานนั่นจะแอบใช้วิธีใดเพื่อจัดการกับเจ้า เจ้าโปรยผงยาถุงนี้รอบ ๆ เตียงหิน เช่นนี้งูแมลงหนูมดก็จะไม่กล้าเข้าใกล้เจ้าแล้ว”
เหวินเทียนรับไว้พร้อมกับกระซิบขอบคุณ
การคาดเดาของอวี้ชิงลั่วไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย ในคืนนั้น ผู้คุมขังที่อยู่ภายในคุกไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว ตอนที่เหวินเทียนกำลังนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่บนเตียงหิน จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ตอนที่เงยหน้ามองก็พบว่ามีงูหลากสีสองตัวแผ่แม่เบี้ยและกำลังเลื้อยเข้ามาด้านในห้องขังที่อยู่เขา
เหวินเทียนถึงกับเกร็งไปทั้งตัวอย่างฉับพลัน ขาทั้งสองข้างของเขายังไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หากไม่ระมัดระวังคงได้ตายเพราะพิษงู คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่งูสองตัวนั้นเลื้อยเข้ามาห่างจากเขาอีกเพียงไม่กี่ก้าวกลับหยุดชะงัก จากนั้นจึงเปลี่ยนทิศเลื้อยไปทางอื่นอีกครั้ง
ทันใดนั้นภายในห้องขังก็เกิดเสียงร้องโหยหวนดังลั่น นักโทษทั้งหมดถึงกับหนีกระเจิดกระเจิง วิ่งหลบหลีกด้วยความตื่นตระหนกเพราะงูสองตัวนี้ ท้ายที่สุดตอนที่มันเลื้อยไปข้าง ๆ อาฝู ก็ถูกเขาจับบีบคอจนตาย
เหวินเทียนนอนหลับได้อย่างสงบ ในช่วงกลางดึกก็มีเสียงของผู้คุมเข้ามาดูคนที่ถูกงูพิษฉกตาย เมื่อเทียบกับนักโทษคนอื่น ๆ ที่ศีรษะชุ่มด้วยเหงื่อเพราะความหวาดกลัว เหวินเทียนกลับกลายเป็นคนที่นิ่งสงบมากที่สุด
ผงยาถุงนั้น อวี้ชิงลั่วมอบให้เขาได้ทันเวลายิ่งนัก
หลังจากเผิงอิงและเสิ่นอิงประคองเหวินเทียนเข้ามาพักผ่อน พวกเขาก็เดินออกจากห้องขังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พวกเขาเพิ่งขึ้นมานั่งบนรถม้า เสียงของเย่ซิวตู๋ก็ดังออกมาจากด้านใน “เผิงอิง เจ้าสะกดรอยตามใต้เท้าเย่ไว้ ดูว่าสองวันมานี้เขาติดต่อกับใครบ้าง มีการเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ ตอนนี้อาฝูถูกจับตัวแล้ว ลูกเมียของนักเล่าเรื่องนั่นก็หมดประโยชน์แล้ว บางทีคนแซ่แย่นั่นอาจไปฆ่าปิดปากพวกเขา”
เผิงอิงรีบกระโดดลงจากรถม้า “พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
ทันทีเผิงอิงออกไป เสิ่นอิงก็รีบเปลี่ยนทิศทางของรถม้าเพื่อมุ่งหน้ากลับจวนซิวอ๋อง
ด้านหน้าตำหนักอ๋องซิว อวี้เป่าเอ๋อร์กำลังยืนรอด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นพวกเขากลับมาถึง อวี้เป่าเอ๋อร์ก็รีบวิ่งเข้ามาหาอวี้ชิงลั่วโดยไม่เสียเวลาคิด ในมือของเขายังมีป้ายละตายอาญาสิทธิ์ที่ฮ่องเต้มอบให้เมื่อวันก่อน รีบเอ่ยปากพูดเพราะทนรอไม่ไหว “ท่านพี่ สถานการณ์ของท่านลุงเหวินร้ายแรงมากเลยใช่หรือไม่? เขาจะตายหรือไม่ขอรับ? นี่ไง…ข้า…ข้ามีป้ายละตายอาญาสิทธิ์ สามารถช่วยชีวิตได้ ท่านพี่ ท่านนำไปให้ใต้เท้าเย่อะไรนั่นเถิด ท่านลุงเหวินก็กลับมาได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วถึงกับชะงัก ก้มหน้ามองอวี้เป่าเอ๋อร์ที่กำลังรู้สึกเศร้าจนดวงตาทั้งคู่แดงเป่ง “ท่านพี่ เป็นเพราะข้าไม่ทันได้สังเกต หากข้าดูแลสัญญาใบเสร็จรับเงินแผ่นนั้นให้ดี ก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้นกับท่านลุงเหวิน อันนี้ข้าให้ท่าน…ให้ท่าน…เอาไปแลกกับชีวิตของท่านลุงเหวินได้หรือไม่ขอรับ?”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกปวดหัวใจ อวี้เป่าเอ๋อร์และหนานหนานต่างก็เอาแต่โทษตัวเอง ต่างก็คิดว่าเป็นความผิดของตนเอง
ทว่าความรับผิดชอบในเรื่องนี้จะตกมาอยู่ที่เด็กสองคนนี้ได้อย่างไร? อาฝูและคนอื่น ๆ ต่างก็วางแผนไว้อย่างดีแล้ว นี่เป็นเรื่องยากที่จะป้องกัน จะให้พวกเขาทั้งสองคนมาแบกรับได้อย่างไรกัน?
“เป่าเอ๋อร์ เรื่องนี้หาใช่ความผิดของเจ้าไม่ ท่านอ๋องบอกกับใต้เท้าเย่แล้ว สัญญาฉบับนั้นมิอาจยืนยันได้ว่าหล่นลงมาจากตัวของเหวินเทียน จึงมิอาจนำมาใช้เป็นพยานวัตถุได้ ดังนั้นจึงเอาผิดเหวินเทียนไม่ได้ เจ้าอย่าเป็นกังวลใจ”
อวี้เป่าเอ๋อร์รีบดึงน้ำตาที่กำลังไหลออกมากลับเข้าไป เอ่ยถามราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “จริงหรือ? เช่นนั้น…เช่นนั้นเหตุใดท่านลุงเหวินถึงยังไม่กลับมาล่ะขอรับ? เป็นเพราะถ้าเขาไม่มีสัญญาฉบับนั้นก็คงออกมาได้แล้วใช่หรือไม่? ป้ายละตายอาญาสิทธิ์แผ่นนี้ยังมีประโยชน์ ท่านพี่รีบเอาไปช่วยเขาเถิดขอรับ”
แม้แต่แม่นมเซียวก็อดเกิดความรู้สึกประทับใจไว้ไม่อยู่ นางก้าวเท้าไปด้านหน้าพร้อมกับลูบศีรษะของอวี้เป่าเอ๋อร์ ดึงแผ่นป้ายละตายอาญาสิทธิ์แผ่นนั้นออกมา ก่อนจะใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าของเขาอีกครั้ง
“ของชิ้นนี้ต้องเก็บไว้ให้ดี อย่าได้หยิบออกมาง่าย ๆ ผู้อารักขาเหวินมีท่านอ๋องและองค์หญิงช่วยเหลือแล้ว พวกเขาย่อมต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้อารักขาเหวินและพาตัวเขาออกมาจากคุกอย่างสง่าผ่าเผย แต่…หากใช้ป้ายละตายอาญาสิทธิ์เพื่อช่วยเขา เช่นนั้นก็หมายความว่าตำหนักอ๋องซิวยอมรับว่าผู้อารักขาเหวินคือฆาตกร เป็นเพราะทำอะไรไม่ได้จึงทำได้เพียงแค่ใช้แผ่นป้ายละตายอาญาสิทธิ์เพื่อช่วยชีวิตเขา ท่านเข้าใจหรือไม่เจ้าคะ? หากเป็นเช่นนี้ ทั้งชีวิตนี้ผู้อารักขาเหวินคงมิอาจลบล้างคำครหาได้”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
รอดูต่อไปค่ะว่าจะช่วยเหวินเทียนออกมาได้ยังไง แล้วจะสาวตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้ยังไงด้วย
ไหหม่า(海馬)