อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 438 พวกท่านต่อได้เลย
ตอนที่ 438 พวกท่านต่อได้เลย
ตอนที่ 438 พวกท่านต่อได้เลย
“หม่อมฉันพร้อมสดับตรับฟังเพคะ” ท่าทางที่แม่นมเซียวมีต่อเย่ซิวตู๋กลับดูสุภาพและเหมาะสมกว่ามาก
ภายในใจของอวี้ชิงลั่วเกิดความรู้สึกไม่ยุติธรรม นี่แม่นมเซียวให้ความสำคัญกับบุรุษมากกว่าสตรีอย่างนั้นรึ?
เย่ซิวตู๋ประคองอวี้ชิงลั่วให้ลุกขึ้นยืน ส่วนตนเองก้าวเท้าเดินออกจากประตูห้องตำรา แม่นมเซียวถลึงตามองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง ก่อนจะหมุนกายเดินตามไป
ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่ด้านนอก ทว่ากลับไม่รู้ว่ากำลังพูดคุยเรื่องใด
อวี้ชิงลั่วชะเง้อหน้าอยู่ในห้องตำรา นางคิดอยากจะก้าวเท้าไปด้านหน้าสักสองสามก้าวอยู่หลายหน เพื่อแอบฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่
ทว่านางรู้ดีว่าเย่ซิวตู๋หูดีถึงขั้นไหน จึงได้แต่ถอนหายใจและล้มเลิกความคิดสับปลับนี้
เพียงไม่นาน ทั้งสองคนก็หยุดพูดคุยกัน เส้นกรอบใบหน้าของแม่นมเซียวดูอ่อนโยนลงอย่างน่าประหลาด นางถอนสายบัวต่อหน้าเย่ซิวตู๋เล็กน้อย ทั้งยังคารวะเพื่อทำความเคารพอีกครั้ง ก่อนจะถอยออกไป
อวี้ชิงลั่วอ้าปากค้างเล็ก ๆ รู้สึกน่าเหลือเชื่อเหลือประมาณ
ไปเช่นนี้เลยรึ? ไม่กลับมาอบรมสั่งสอนนางสักนิด แต่หมุนกายเดินออกไปเลยอย่างนั้นรึ?
ครั้นเย่ซิวตู๋หมุนกายเดินกลับมายืนข้าง ๆ นางก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ยื่นมือออกมาปิดปากของนางเบา ๆ “เข้ามากินข้าว”
“เมื่อครู่ท่านคุยอะไรกับแม่นมเซียว?” อวี้ชิงลั่วหมุนกายเดินเข้าไป พลางเอ่ยถามเขาด้วยความประหลาดใจ
เย่ซิวตู๋กดบ่าของนางให้นั่งลง ยักไหล่ “บอกว่าเมื่อครู่เจ้าแค่พูดคุยเท่านั้น ข้าบอกนางว่า เจ้าล้มเพราะไม่ทันได้ระวังจริง ๆ”
“แม่นมเซียวเชื่อแล้ว?”
“แน่นอน”
“เพราะเหตุใด?” อวี้ชิงลั่วยิ่งเกิดความรู้สึกไม่ยุติธรรมขึ้นภายในใจ “เหตุใดนางถึงเชื่อท่าน แต่กลับไม่ยอมเชื่อข้าแม้แต่คำเดียว?”
เย่ซิวตู๋คีบหน่อไม้สองชิ้นใส่ลงไปในถ้วยของนาง เขาเองก็อยู่เป็นเหมือนกัน ตอนเช้านางช่วยปรนนิบัติให้เขาแล้ว หากตอนนี้เขาไม่ทำตัวให้ดี ๆ กลับไปคงได้ถูกเอาคืนเป็นแน่
“คงเป็นเพราะ…ความน่าเชื่อถือของเราดีกว่าเจ้า คำพูดจึงน่าเชื่อถือกว่าเจ้ากระมัง”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ เย้ยหยันเบา ๆ หนึ่งเสียง กินข้าวก็กินข้าว คนไร้ยางอายแบบนี้ ขืนสนทนากับเขาต่อไปคนที่เสียเปรียบก็คือตนเอง
นางแค่นเสียงเบา ๆ หนึ่งเสียง และไม่สนใจเขาอีก
ตอนที่เย่ซิวตู๋กินข้าวไปได้ครึ่งหนึ่ง พ่อบ้านหยางก็เข้ามาหา เขากระซิบสั่งงานหนึ่งประโยค หลังจากหันมาบอกอวี้ชิงลั่วให้กินอาหารตามสบายก็เดินออกไป
อวี้ชิงลั่วเติมอาหารลงกระเพาะอย่างเนิบช้า ท้องฟ้าด้านนอกมืดครึ้มลงอย่างสมบูรณ์แล้ว เย่ซิวตู๋กลับยังไม่กลับมา นางจึงสั่งให้คนเก็บถ้วยชาม หลังจากนั่งรออยู่ในห้องตำราอีกครู่ใหญ่ เย่ซิวตู๋ก็ยังไม่กลับมา
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนแล้ว อวี้ชิงลั่วจึงนวดบ่าเพื่อคลายความปวดเมื่อย เดินกลับเรือนของตนเองไปพร้อมกับเยว่ซินที่เข้ามารับใช้นาง
หลังจากเก็บของเรียบร้อยและขึ้นเตียงแล้ว อวี้ชิงลั่วกลับเกิดความคิดมากมายในหัว จิตใจของนางกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องของเหวินเทียน คิดว่าใครกันที่เป็นคนคิดจะแยกองค์ชายเจ็ดและเย่ซิวตู๋ออกจากกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดหัว จนกระทั่งย่ำรุ่งกว่านางจะนอนหลับใหล
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ด้านหลังของนางก็มีแหล่งความร้อนอย่างหนึ่งแนบชิดอยู่
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ข้างหูของนางมีเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคย นางจึงรู้สึกโล่งอก อาจเป็นเพราะง่วงมาก นางจึงยังไม่ลืมตาตื่นขึ้นมา เพียงแต่ถามเขาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่า “เหตุใดถึงกลับดึกขนาดนี้?”
“นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นตั้งแต่เช้า” เย่ซิวตู๋ไม่ตอบ เพียงแต่ตบหลังของนางเบา ๆ
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา ๆ หนึ่งเสียง คงเป็นเพราะสมองของนางยังงัวเงีย จึงไม่ได้ถามอะไรต่อจากนั้น เพียงแค่เปลี่ยนท่านอนให้สบายเพื่อนอนต่อ
เย่ซิวตู๋หัวเราะหนึ่งเสียงและปิดตาลงอีกครั้ง ทว่าจู่ ๆ คนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขากลับนึกบางสิ่งขึ้นได้ จึงสั่งด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งว่า “พรุ่งนี้เช้าต้องไปให้เช้าสักหน่อยนะ มิเช่นนั้น…มิเช่นนั้นแม่นมเซียวเห็นท่านมานอนที่นี่…คงได้…คงได้ตำหนิข้าอีก…นาง…”
ไม่มีคำพูดหลังจากนั้น เย่ซิวตู๋หลุบตามองตาของนางที่ยังคงปิดสนิท ก็ถึงกับหลุดขำออกมา
“อืม” ถึงกระนั้นเขาก็ยังตอบกลับไปหนึ่งเสียง ก่อนจะรู้สึกได้ว่านางนอนหลับลึกแล้ว
ถึงอย่างไร คำพูดนี้สำหรับอวี้ชิงลั่วถือเป็นการรับประกัน แต่สำหรับเย่ซิวตู๋กลับเป็นแค่การพูดอย่างขอไปทีเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ในเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่อวี้ชิงลั่วลืมตาขึ้นท้องฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว และมองไปยังเย่ซิวตู๋ที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้าง ๆ สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกราวกับถูกคนนำน้ำเย็นหนึ่งกะละมังมาราดตั้งแต่หัวจรดเท้า เย็นวาบไปทั้งใจ
นางรีบยกเท้าเตะเขา “เย่ซิวตู๋ ตื่นได้แล้ว”
เย่ซิวตู๋พลิกตัว ดึงนางที่ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงให้กลับมาบนเตียง ทั้งยังใช้ศีรษะแนบชิดเข้ากับลำคอของนาง ถอนหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ
“ไม่ต้องรีบตื่นหรอก เมื่อคืนข้าบอกเสด็จพ่อแล้ว ว่าวันนี้ไม่ไปสนามแข่งขัน”
ความหมายก็คือ เขาง่วงมากจนสามารถนอนต่อได้
อวี้ชิงลั่วอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ร่างกายของนางถูกเขากดไว้จนขยับตัวไม่ได้ นางจึงยื่นมือออกไปหยิกแก้มของเขา “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าจะไปสนามแข่งขันหรือไม่…แต่…แต่ปัญหามันอยู่ที่อีกครู่หนึ่งแม่นมเซียวจะเข้ามาแล้ว ท่านลุกขึ้นสิ”
“ชิงเอ๋อร์ เลิกขยับตัวไปมาได้แล้ว เมื่อคืนข้านอนดึกนะ” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วมุ่น ทว่าดวงตากลับยังคงปิดอยู่ เขาดึงมือของอวี้ชิงลั่วที่กำลังหยิกแก้มตนเองกลับเข้าซุกกลับเข้าไปด้านในผ้าห่มและห่อไว้
นอนดึก? อวี้ชิงลั่วแอบรู้สึกปวดใจเพราะเขา ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกได้แบบเลือนรางว่าเขากลับมาดึกมากจริง ๆ จนถึงตอนนี้คงนอนไปได้ไม่เท่าไรเองกระมัง?
ไม่ถูกสิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาปวดใจ จากนิสัยของแม่นมเซียว เมื่อวานเห็นพวกเขากอดกันสีหน้าก็ดูไม่เป็นมิตรอยู่แล้ว วันนี้ร้ายแรงถึงขั้นนอนด้วยกัน เกรงว่าคงได้ถูกถลกหนังทิ้งแน่
นางเพิ่งคิดได้เช่นนี้ ด้านนอกก็เกิดเสียงของแม่นมเซียวดังเข้ามา “องค์หญิง ตื่นบรรทมหรือยังเพคะ?”
“ยัง” อวี้ชิงลั่วขานตอบตามจิตใต้สำนึก แล้วรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตนเองในทันที
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังอยู่ข้างหู
อวี้ชิงลั่วหันขวับกลับไปมองด้วยท่าทางดุดัน “เย่ซิวตู๋ ในเมื่อตื่นแล้วก็ลุกขึ้น รีบออกไปทางหน้าต่างเร็วเข้า แม่นมเซียวจะเข้ามาแล้ว”
“องค์หญิง นี่ก็สายแล้วนะเพคะ วันนี้ท่านอ๋องไม่ไปสนามแข่งขัน หม่อมฉันจึงตั้งใจมาเรียกสายหน่อย ในเมื่อองค์หญิงตื่นแล้ว หม่อมฉันเข้าไปนะเพคะ ตอนนี้ควรไปปรนนิบัติท่านอ๋องเพื่อตื่นบรรทมแล้ว”
เสียงของแม่นมเซียวราบเรียบแต่จริงจัง ไม่เคยมีช่องว่างให้เจรจา
อวี้ชิงลั่วยังคงผลักเย่ซิวตู๋ให้ลุกขึ้นจากเตียง ทว่าหลังจากที่ด้านหลังประตูห้องสิ้นเสียงของแม่นมเซียว เสียงเปิดประตู ‘แอ๊ด’ ก็ดังตามมาติด ๆ
คนที่เข้ามานอกจากแม่นมเซียว ยังมีเยว่ซินและหงเย่ด้วย
อวี้ชิงลั่วอุทานว่า ‘จบเห่’ อยู่ภายในใจ ตอนนี้ต่อให้สั่งเย่ซิวตู๋ให้ออกไปก็ไม่ทันการแล้ว
ความเศร้าโศกฉายชัดบนใบหน้าของนาง ร่างกายหดลง พร้อมกับซุกร่างทั้งร่างไว้ใต้ผ้าห่ม แม้แต่ศีรษะก็ไม่โผล่ออกมาให้เห็น
เสียงหัวเราะของเย่ซิวตู๋ค่อย ๆ ดังขึ้น แม่นมเซียวที่เดินจากฝั่งนั้นมาที่ข้างเตียงถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ฝีเท้าหยุดลงขณะเอ่ยถามราวกับแอบเกิดความลังเลว่า “ท่านอ๋องก็อยู่ด้วยหรือเพคะ?”
“อืม”
มือของอวี้ชิงลั่วที่อยู่ใต้ผ้าห่มหยิกเขาแรง ๆ หนึ่งหน เย่ซิวตู๋พลิกมือกุมมือของนางไว้ และฟังเสียงหัวใจเต้นแรงของนาง
“เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาก่อนนะเพคะ หากท่านอ๋องตื่นแล้ว หม่อมฉันค่อยเข้ามาปรนนิบัติใหม่” แม่นมเซียวกล่าว อวี้ชิงลั่วถึงกับเบิกตากว้างในทันที ยังไม่ทันให้นางได้พูดอะไร แม่นมเซียวก็หมุนกายปิดประตูห้องเดินออกไปเสียแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แม่นมก็แอบแจวเรือท่านอ๋องชิงลั่วอยู่ใช่ไหมคะ
ไหหม่า(海馬)