อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 44 ซื้อแล้ว
ตอนที่ 44 ซื้อแล้ว
น้ำชาที่อยู่ตรงหน้าอวี๋จั้วหลินถูกรินเติมไปหลายรอบแล้ว แผ่นป้ายไม้ที่อยู่ในมือถูกบีบแน่นจนมีเศษไม้ร่วงหล่นลงมา
อันดับที่สี่สิบเก้า อันดับที่สี่สิบเก้า หากคนต่อไปจับไม่ได้เขา ก็เท่ากับว่าเขาเสียเวลาเปล่าอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ? ทั้งที่รอมาทั้งวันแล้วแต่กลับไม่เห็นแม้แต่หน้าของหมอปีศาจ
จะให้เขารู้สึกเต็มใจได้อย่างไรกัน?
อวี๋เฟิงมองนายน้อยของตนเองด้วยความเป็นกังวล ริมฝีปากก็เม้มจนแน่น
แต่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ เขาตามคนไข้เหล่านั้นเพื่อเข้าไปในเรือนด้านหลังหลายครั้งแล้ว แม้จะคิดว่าขอแค่เห็นหน้าของหมอปีศาจสักหน่อยก็ยังดี แต่กลับถูกขวางไว้ด้านนอก
หากจะโทษก็โทษที่ความสามารถของเขาไม่เท่าคนอื่น ไม่มีความสามารถแอบเข้าไปยังเรือนด้านหลังได้
“นายน้อย พวกเรายังเหลือโอกาส ยังเหลืออีกหนึ่งที่สุดท้ายนะขอรับ” อวี๋เฟิงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวเอ่ยโน้มน้าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนก้มหน้ามองไปยังห้องโถงชั้นล่าง ก็พบว่ามีคนจำนวนมากขึ้นที่เริ่มกระสับกระส่ายเตรียมพร้อมที่จะก่อจลาจล มีบางคนวางแผนทำท่าจะเอะอะโวยวายแล้ว
บางทีเรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ รอคนเหล่านี้สร้างความวุ่นวายขึ้นมา พวกเขาก็สามารถใช้โอกาสตอนที่เกิดความชุลมุนเข้าไปในเรือนด้านหลังเพื่อเอาตัวหมอปีศาจออกมา
อวี๋จั้วหลินยกจอกชาที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาในทันที ก่อนจะซดน้ำชาลงคอภายในรวดเดียว
ของเหลวไหลลงสู่กระเพาะ แต่ก็มิอาจดับอารมณ์หงุดหงิดของเขาได้
แต่ตอนนี้เขาไม่อาจหุนหันพลันแล่นได้ มิเช่นนั้นการรอคอยที่ยาวนานเช่นนี้คงสูญเปล่า
ด้านล่างเกิดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ในบรรดาคนทั้งหมดรวมกันสิบห้าคน ย่อมมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้รับโอกาส ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดทั้งวันจนถึงค่ำพวกเขาก็รอมาหนึ่งวันแล้ว ย่อมเกิดความใจร้อนอย่างเลี่ยงไม่ได้
จินหลิวหลีนำคนไข้คนที่สี่สิบเก้ากลับมาที่ห้องโถง คนผู้นั้นกล่าวขอบคุณจินหลิวหลีอย่างมีความสุขอีกครั้ง คาดว่าโรคภัยไข้เจ็บของเขาได้รับการรักษาแล้ว ดังนั้นปากจึงเอาแต่ชมหมอปีศาจอย่างไม่หยุด
ผ่านไปครู่หนึ่ง จินหลิวหลีก็เดินออกไปส่งนอกโรงเตี๊ยมฝูหลง ท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน
หลังจากนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยอย่างประหม่ามากที่สุด เพราะเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งทุกคนต่างก็เฝ้ารอความหวังสุดท้าย
อวี๋จั้วหลินกำแผ่นป้ายไม้ที่อยู่ในมือแน่น สายตาจ้องเขม็งไปยังจินหลิวหลีที่อยู่ชั้นล่าง
ราวกับรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา จินหลิวหลีจึงแหงนหน้าขึ้น ก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่แฝงความหมายลึกซึ้งมาทางฝั่งเขา
นิ้วมือหยกเรียวยาวและขาวผุดผ่องสอดเข้าไปในกล่องเพื่อจับฉลากอีกครั้ง นางกำไว้เบา ๆ และหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น
ไม่ว่าจะคนที่อยู่ในห้องโถง หรือห้องพิเศษ ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจด้วยความประหม่า จ้องมองกระดาษสีขาวที่ถูกพับครึ่งด้วยความกระตือรือร้น
จินหลิวหลียื่นกระดาษใบนั้นให้ลูกจ้างที่อยู่ข้าง ๆ ลูกจ้างกางดู ก็ยกมือขวาขึ้นสูงพร้อมกับตะโกน “หมายเลขหก หมายเลขสุดท้ายของคนไข้คือหมายเลขหก ขอให้ลูกค้าหมายเลขหกนำแผ่นป้ายไม้ไปรอที่ซุ้มได้เลยขอรับ”
ปั้ง!
อวี๋จั้วหลินปาแผ่นป้ายไม้ลงบนพื้นเต็มแรง ตาเบิกโพลงจ้องเขม็งไปที่กระดาษที่อยู่ในมือของลูกจ้างคนนั้น
โอกาสสุดท้าย พลาดโอกาสสุดท้ายไปแล้ว ให้ตายเถิด หมอปีศาจผู้นั้นกำลังใช้แผนอะไรอยู่กันแน่?
“อวี๋เฟิง!” จู่ ๆ อวี๋จั้วหลินก็ตวาดเสียงดัง
อวี๋เฟิงถึงกับสะดุ้งโหยง รีบโค้งตัวลง “นายน้อย”
“เจ้าไปขวางหมายเลขหกที่ประตูซุ้ม บอกไปว่าข้าต้องการซื้อแผ่นป้ายไม้ในมือของเขา”
“เอ่อ….” อวี๋เฟิงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง มองดูสีหน้าของนายน้อยที่อึมครึมด้วยความรู้สึกแอบลังเล คนที่เดินทางมาที่นี่ในวันนี้ต่างก็ต้องการรักษากับหมอปีศาจกันทั้งนั้น ใครจะยอมปล่อยโอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ให้คนอื่นกัน?
“ยังไม่รีบไปอีก” อวี๋จั้วหลินหันมามองด้วยใบหน้าเย็นชาและสายตาเหี้ยมโหด
เขารอมาห้าวันแล้ว นับตั้งแต่รู้ว่าหมอปีศาจจะเริ่มรักษาคนไข้แบบสาธารณะภายในโรงเตี๊ยมฝูหลง เขาก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างใจจดใจจ่อมาโดยตลอด
ตอนนี้จะให้เขากลับไปมือเปล่า เขาจะปล่อยวางได้อย่างไรกัน?
อวี๋เฟิงลอบขบฟันแน่น หมุนกายออกจากห้องไป รีบวิ่งไปยังซุ้มประตูอย่างรีบร้อน ตัดสินใจว่าจะขวางคนไข้คนสุดท้ายไว้
หลังจากอวี๋เฟิงออกไป อวี๋จั้วหลินก็ลุกขึ้นยืนอย่างไร้อารมณ์ และออกจากห้องพิเศษอย่างเงียบ ๆ
ส่วนแผ่นป้ายไม้หมายเลขหก ตอนนี้อยู่ในมือของหยางเยี่ยนเซิง นายท่านของตระกูลหยางผู้มีจิตใจดีแห่งเจียงเฉิง เขาถือแผ่นป้ายไม้ไว้ในมือด้วยท่าทางชะงักงัน หัวเราะกล่าวว่า “เถ้าแก่เนี้ยจินผู้นี้เหตุใดถึงจับได้ข้า ตระกูลของข้าไม่มีคนไข้สักหน่อย”
ตอนแรกเห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่เนี้ยจินแค่แจ้งเขา บอกให้เขามาที่นี่ ถือว่าเป็นการช่วยกระจายข่าวสักหน่อย เหตุใดตอนนี้ กลับแตกต่างจากที่คุยกันไว้ในตอนแรก?
หยางเยี่ยนเซิงถือแผ่นป้ายไม้ ตอนนี้คล้ายกับกำลังถือเผือกร้อน(1) ไม่รู้ควรทำเช่นไร
เขาไม่ได้เจ็บป่วยและไม่ได้บาดเจ็บแต่ได้เข้าไปหาหมอปีศาจ หรือจะให้หมอปีศาจช่วยบอกวิธียืดอายุขัยให้นานขึ้น? แบบนั้นก็ดูเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์เกินไปกระมัง ด้านล่างยังมีผู้ป่วยที่ยังต้องการรักษาอย่างแท้จริงอีกมากมายขนาดนั้นที่ไม่ได้รับโอกาสในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะกระวนกระวายใจเพียงใด
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเห็นเช่นนี้ ครั้นได้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเสนอไปว่า “นายท่าน ข้าน้อยทราบดีว่านายท่านจิตใจดี คงทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้โอกาสแบบนี้เสียเปล่า ให้ข้าน้อยไปปรึกษากับเถ้าแก่เนี้ยจิน แล้วจับฉลากใหม่อีกครั้งดีหรือไม่ขอรับ?”
หยางเยี่ยนเซิงพยักหน้า “อืม แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เจ้ารีบไปเถิด อย่าให้คนที่ต้องการรักษาด้านล่างเหล่านั้นกลับไปเสียก่อน”
“ขอรับ” พ่อบ้านหยางรีบลงไปด้านล่าง วิ่งไปข้าง ๆ เถ้าแก่เนี้ยจินและบอกสิ่งที่นายท่านหยางฝากบอกอย่างละเอียดไปหนึ่งครั้ง
จินหลิวหลียิ้มเล็กน้อย ใช้เสียงที่ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินพูดว่า “แบบนี้คงไม่ได้หรอก จับฉลากได้หยางต้าซ่านเหริน(2) เช่นนั้นก็ต้องเป็นหยางต้าซ่านเหริน กฎในตอนแรกก็บอกไว้ดิบดีแล้ว พวกเรามิอาจแหกกฎเองได้”
คนที่อยู่ข้าง ๆ นั้นเดิมทีก็มีความหวังปรากฏเต็มใบหน้า แต่เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ต่างก็พากันก้มหน้าด้วยความเศร้าโศก และมีใครบางคนไม่พอใจในทันที
“เถ้าแก่เนี้ยจิน จับอีกครั้งเถิด ถึงอย่างไรก็จับฉลากอยู่ดี ไม่เสียเวลาหรอก ท่านโปรดเข้าใจเราด้วย จับใหม่อีกครั้งเถิด”
“นั่นสิ เถ้าแก่เนี้ยจิน หยางต้าซ่านเหรินพูดขนาดนี้แล้ว ท่านอย่าเอาแต่ยึดมั่นกฎเล็กน้อยนั่นเลย”
“เถ้าแก่เนี้ยจิน พวกเราต่างก็ลำบากกันทั้งนั้น ท่านคิดเสียว่าช่วยเหลือพวกเราเถอะนะ”
จินหลิวหลีมุมปากกระตุกวูบ นางเองก็ลำบาก และนางก็ไม่ได้เป็นผู้มีคุณธรรมอะไรด้วย ไม่มีความสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้หรอก
ประชาชนเหล่านั้นที่คิดว่าหมดหวังตัดสินใจแยกย้ายกันกลับเรือนแล้ว แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ก็รีบวิ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง และเข้ามาห้อมล้อมไว้
จินหลิวหลีถึงกับปวดหัวเพราะเสียงดังโหวกเหวก จึงทำได้เพียงแค่ส่งเสียงดุ “เอาล่ะ เงียบเสียงให้หมด ข้าเข้าใจความหมายของหยางต้าซ่านเหรินแล้ว พ่อบ้านหยาง หากให้จับฉลากใหม่อีกครั้งคงเป็นไปไม่ได้ แต่ในเมื่อหยางต้าซ่านเหรินมีความเมตตา แผ่นป้ายไม้อันนี้ย่อมเปลี่ยนมือให้คนอื่นได้”
เปลี่ยนมือ?
พ่อบ้านหยางพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้หมุนกายขึ้นไปด้านบน ก็ถูกคนในห้องโถงห้อมล้อมไว้ แต่ละคนมองเขาด้วยสายตารอคอย “พ่อบ้านหยาง ให้ข้าเถอะ”
“พ่อบ้านหยาง ข้าจำเป็นต้องให้หมอปีศาจรักษาอย่างมาก ได้โปรดสงสารข้าเถิด ให้ข้านะ”
ทุกคนต่างพากันพูดคนนี้หนึ่งคำคนนั้นหนึ่งคำ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนที่ล้มลงไปข้างเท้าของเขา ร่างกายเริ่มกระตุกและส่งเสียงร้องออกมา “พ่อบ้านหยาง ท่านดูข้าสิ ข้าเจียนจะตายอยู่แล้ว ท่านให้หยางต้าซ่านเหรินมอบมันให้ข้าเถอะนะ”
จินหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาหยุดลงที่อวี๋จั้วหลินที่ยืนอยู่ตรงทางลงบันได ก่อนจะรีบเบนสายตากลับมา
…………………………
เชิงอรรถ
ถือเผือกร้อน = ได้รับความเดือดร้อนอย่างไม่ทันตั้งตัว
(2) ต้าซ่านเหริน (大善人) หมายถึง เป็นคนดีมีคุณธรรม
สารจากผู้แปล
เกิดจลาจลย่อม ๆ ขึ้นแล้ว เถ้าแก่เนี้ยจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ไหมนะ
ไหหม่า (海馬)