อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 441 เจ้าไปหรือข้าไป
ตอนที่ 441 เจ้าไปหรือข้าไป
ตอนที่ 441 เจ้าไปหรือข้าไป
ฉีหานเทียนเห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ราวกับมีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นธรรมชาติของเด็กน้อย ฉีหานเทียนในเวลานี้รู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดแรงกระตุ้นยิ่งนัก
เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ๆ หูของอวี้เป่าเอ๋อร์อย่างเงียบ ๆ กระซิบถามว่า “คนคนนั้นเป็นใครรึ? ศัตรูของเจ้ารึ?”
“ไม่ใช่แค่ศัตรูของข้า เขา…” อวี้เป่าเอ๋อร์ตอบหนึ่งประโยค จู่ ๆ ก็หยุดไปอีกครั้ง สายตาจ้องมองฉีหานเทียนที่ดวงตาเป็นประกายแวววาวปราดหนึ่ง เม้มปากปิดสนิทไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
เขาคือองค์ชายของอาณาจักรหลิวอวิ๋น มิอาจบอกอีกฝ่ายตามอำเภอใจได้ พูดไม่ได้
ฉีหานเทียนได้ยินอีกฝ่ายพูดครึ่ง ๆ กลาง ๆ คนที่ทำตัวหยิ่งผยองมาตั้งแต่เล็กจึงเกิดความฉุนเฉียวในบัดดล “อวี้เป่าเอ๋อร์ ข้าเตือนเจ้าไว้เลย หากเจ้าไม่ยอมบอกข้าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจน ข้าจะวิ่งไปตะโกนส่งเสียงดังหน้าคนคนนั้นเดี๋ยวนี้เลย”
“เจ้า…” อวี้เป่าเอ๋อร์ถึงกับหงุดหงิด นิสัยของคนคนนี้แย่กว่าหนานหนานเสียอีก
เขาถลึงตามองอีกฝ่ายปราดหนึ่งด้วยท่าทางดุดัน โดยเฉพาะตอนที่เห็นท่าทางเลิกคิ้วด้วยความภาคภูมิใจของฉีหานเทียน อวี้เป่าเอ๋อร์ถึงกับโกรธเจียนตาย
ถึงกระนั้นในวินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็กลอกไปมา เริ่มถอนหายใจอย่างจนปัญญา อธิบายเสียงเบาว่า “คนคนนั้นเป็นคนไม่ดี เขาซื้อตัวนักเล่าเรื่องในโรงเตี๊ยมเพื่อ พูดทำลายชื่อเสียงของพี่สาวข้า บอกให้นักเล่าเรื่องนั้นทำให้พี่สาวของข้ากลายเป็นสตรีสำส่อน แต่แผนการไม่สำเร็จ เขาจึงฆ่านักเล่าเรื่องคนนั้น จากนั้นก็โยนความผิดให้ผู้อารักขาของพี่สาวข้า ไปถึงกวนฝู่ก็กล่าวหาว่าพี่สาวเป็นคนร้ายที่อยู่เบื้องหลัง”
ฉีหานเทียนเบิกตากว้างโดยพลัน จ้องมองไปยังคนคนนั้นที่กำลังเดินอย่างเนิบช้าและระมัดระวังด้วยสายตาเหี้ยมโหด กำมือเป็นกำปั้นเล็ก ๆ กล่าวว่า “ทำเกินไปแล้ว ข้าจะให้คนอัดมันให้ตาย”
“นี่” อวี้เป่าเอ๋อร์เห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะลุกขึ้นยืนเพื่อไปเรียกคนมา จึงรีบดึงอีกฝ่ายกลับมา “ไม่ได้นะ หากทำเช่นนี้ คงกลายเป็นว่าพี่สาวของข้าร้อนตัว และคิดว่าพี่สาวของข้าฆ่าเพื่อปิดปาก ชื่อเสียงของพี่สาวข้าคงถูกทำลายย่อยยับ”
“เช่นนั้น…เช่นนั้นเจ้าคิดว่าจะทำอย่างไร?” ฉีหานเทียนไม่พอใจ เหตุใดคนคนนี้ถึงได้ทำตัวโอ้เอ้ขนาดนี้?
“คนคนนี้น่าจะถูกจับตัวไว้ถึงจะถูก เหตุใดเขายังปรากฏตัวข้างนอก? หรือว่าใต้เท้าเย่จงใจปล่อยตัวเขา?” อวี้เป่าเอ๋อร์ไม่สนใจต่อความอารมณ์ร้อนของอีกฝ่าย ก้มหน้าพึมพำกับตนเอง
ถูกต้อง เงาผอมที่อยู่ตรงหน้าคนนั้นก็คืออาฝูที่เดิมทีควรอยู่ในคุก
แม้ว่าอวี้เป่าเอ๋อร์จะไม่ได้ไปที่จวนผู้ตรวจการและเจอหน้าอาฝูมาก่อน แต่เมื่อวานเขาถูกคนเดินชนตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม ตอนนั้นคนคนนั้นยังเข้ามาขอโทษเขาด้วย เดิมทีการเคลื่อนไหวก็ไม่ได้สะดุดตาอะไร แต่ภายหลังหนานหนานและคนอื่น ๆ บอกว่ามีคนขโมยสัญญาการตีพิมพ์ฉบับนั้นไปจากเขา เมื่อมาคิด ๆ ดู คนที่น่าสงสัยมากที่สุดในตอนนั้นก็คือคนคนนั้นที่เดินชนเขา
คนคนนั้น เขาเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อครู่ว่าก็คือบุรุษที่เดินด้วยท่าทางระมัดระวังอยู่ตรงหน้า ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่หนานหนานบรรยายให้เขาฟังตอนที่กลับมาเมื่อวานนี้ รวมถึงท่าทางการเดินที่เซไปเซมาแปลกประหลาดของคนคนนั้นในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าสาเหตุคงเกิดจากการถูกโบยเมื่อวานนี้
อวี้เป่าเอ๋อร์มั่นใจแล้ว คนคนนี้ก็คืออาฝู เขาออกมาจากคุกแล้ว ทั้งยังทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไร
แต่สิ่งที่เขามั่นใจได้ก็คือ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เขาต้องตามคนคนนั้นไป เผื่อเอาไว้ก่อนดีกว่า
ฉีหานเทียนรออยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่เห็นอวี้เป่าเอ๋อร์พูดอะไร จึงเกิดความกังวลใจ ยื่นมือออกไปกระทุ้งอีกฝ่าย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อย “นี่ สรุปแล้วเจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ เจ้าไม่ให้ข้าเรียกคนไปจับตัวคนคนนั้น ส่วนตนเองเอาแต่นั่งยอง ๆ ด้วยท่าทางอับจนหนทางอยู่ที่นี่ หมายความว่าอย่างไร?”
อวี้เป่าเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น จึงคิดอยากจะยื่นมือออกไปปิดปากเขาอีกครั้ง “เบาเสียงหน่อย เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก เอ่อ…เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ข้าจะตามไปดูว่าเขาคิดจะทำอะไร ส่วนท่านไปที่ตำหนักอ๋องซิว บอกพ่อบ้านหยางให้หน่อย ข้าจะทำสัญลักษณ์ไว้ระหว่างทาง พวกเจ้าแค่เดินตามสัญลักษณ์มาก็พอแล้ว”
“ไม่ได้” ฉีหานเทียนปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด ให้อีกฝ่ายเดินตามคนไม่ดีคนนั้น? หากเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร? เขาเป็นแค่เด็กอ่อนแอคนหนึ่ง หากเจออันตรายขึ้นมาคงจบเห่ ถึงเวลานั้นแม่นางชิงคงได้โทษเขาที่ไม่ปกป้องน้องชายของนางให้ดี
“อวี้เป่าเอ๋อร์ พวกเรามาเปลี่ยนกัน เจ้ากลับไปแจ้งข่าว ส่วนข้าจะตามคนคนนั้นเอง เจ้าไม่ต้องห่วง ข้ายังมีผู้อารักขา มีคนคอยปกป้อง ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
ผู้อารักขา? ผู้อารักขาของเขาถูกเขาไล่ไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ จะมีใครมาคุ้มกัน?
อีกอย่างหนึ่ง เขาเป็นถึงองค์ชายสิบสามของอาณาจักรหลิวอวิ๋น เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไรกัน? หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คงได้กลายเป็นปัญหาระหว่างสองอาณาจักร
“องค์ชายสิบสาม ข้าจะสะกดรอยตามเอง เจ้ากลับไปแจ้งข่าว”
“ไม่เอา เหตุใดข้าต้องเชื่อฟังเจ้าด้วย? ถึงอย่างไรข้าก็เป็นองค์ชาย เจ้าต้องเชื่อฟังคำพูดของข้า เจ้ารีบไปซะ”
“องค์ชายสิบสาม ท่าน…”
“นี่ ๆๆ เขาไปแล้ว รีบตามไปเร็วเข้า”
ทั้งสองคนผลักไปผลักกันมา ทว่ากลับไม่มีใครยอมใคร ภายในใจต่างก็เป็นห่วงกันและกัน ไม่ว่าอย่างไรก็จะปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับอีกฝ่ายไม่ได้
เพราะยุ่งเหยิงอยู่เช่นนี้ หลังจากอาฝูทางฝั่งนั้นหยุดไปครู่หนึ่งก็เดินเลี้ยวเข้าไปด้านในซอยข้าง ๆ แล้ว
ไม่รู้ว่าอาฝูกำลังสงสัยว่ามีคนสะกดรอยตามหรือไม่ เขาถึงได้ทำตัวระมัดระวังเช่นนี้ เขาแค่เดิน ๆ หยุด ๆ อ้อมไปอ้อมมา แม้ว่าบนร่างกายจะยังเจ็บปวดอย่างมาก เขาก็ยังเดินอ้อมอยู่หลายครั้ง
อวี้เป่าเอ๋อร์และฉีหานเทียนถึงกับหมดคำพูด ทั้งสองไม่มีใครยอมใคร ทั้งยังเป็นกังวลว่าอาฝูจะหายไป จึงแอบเดินตามไปด้วยกัน
โชคดีที่ทั้งสองคนยังรู้จักรักษาระยะห่าง อาฝูผู้นั้นเดินอยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่พบพวกเขา
หงเย่ในเวลานี้ หลังจากเห็นท่าทางของเด็กทั้งสองคน ใบหน้าเคร่งก็เคร่งเครียดตามไปด้วย อาฝูผู้นั้น นางย่อมรู้จัก ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะใต้เท้าเย่ผู้นั้นจงใจปล่อยเขาออกมา
เพียงแต่ การที่อวี้เป่าเอ๋อร์และฉีหานเทียนเดินตามอาฝูอันตรายเกินไป จะปล่อยให้พวกเขาเดินตามต่อไปไม่ได้
หงเย่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ตอนที่กำลังตัดสินใจจะเข้าไปห้าม ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ ตรงหน้ากลับมาคนสองคนเข้ามาขัดขวาง
หงเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง เบิกตากว้างมองเย่ซิวตู๋และเผิงอิงที่อยู่ตรงหน้า
“ท่าน…ท่านอ๋องซิว” พวกเขาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใดกัน? นางไม่ทันได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำ
เย่ซิวตู๋เหลือบตามองนางปราดหนึ่ง พยักหน้าเบา ๆ
หงเย่ถึงกับตกใจ รีบหลุบตาพลางกล่าวว่า “หม่อมฉันจะพาตัวจวิ้นอ๋องน้อยกลับเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”
“ไม่จำเป็นแล้ว ให้พวกเขาตามไปเถอะ” เย่ซิวตู๋แสดงสีหน้าเย็นชา สายตาจ้องมองเงาของอวี้เป่าเอ๋อร์และฉีหานเทียนอยู่ครู่หนี่ง นัยน์ตาลึกล้ำครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกระซิบถามเผิงอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ตอนนี้ถึงเวลาพักของการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรแล้วใช่หรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
เย่ซิวตู๋เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากก็กระตุกขึ้น เอ่ยด้วยคำพูดมีความหมายลึกซึ้ง “เผิงอิง เจ้าไปบอกรัชทายาทของอาณาจักรหลิวอวิ๋น บอกว่า…องค์ชายสิบสามฉีหานเทียนกำลังตกอยู่ในอันตราย ให้เขารีบมา”
“ท่านอ๋อง ให้หม่อมฉันไปเถอะเพคะ” เย่หงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว “หงเย่เป็นสตรี น่าจะสะดวกกว่า”
เย่ซิวตู๋มองนางปราดหนึ่ง ตอบ ‘อืม’ หนึ่งเสียง หมุนกายและเดินตามหลังอวี้เป่าเอ๋อร์และฉีหานเทียนไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เด็ก ๆ ไม่ต้องเกี่ยงกัน ท่านอ๋องซิวมาด้วยตัวเองแล้ว
ไหหม่า(海馬)