อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 444 ไม่อยากสนใจ ก็ต้องสนใจ
ตอนที่ 444 ไม่อยากสนใจ ก็ต้องสนใจ
ตอนที่ 444 ไม่อยากสนใจ ก็ต้องสนใจ
อวี้เป่าเอ๋อร์พุ่งตัวเข้าไปหาหงเย่ “พี่หงเย่ พวกท่านมากันแล้วรึ?”
ดีมากเลย เมื่อครู่ตอนที่เขาอยู่ด้านนอกก็เป็นกังวลและหวาดกลัวอยู่นาน รัชทายาทฉีก็ไม่ยอมลงมือช่วยเหลือ ทำให้เขาเกือบจะเข้ามาด้วยตนเองอยู่แล้ว
คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องซิว ท่านลุงเผิง แม้แต่หงเย่ก็มากันแล้ว
ความรู้สึกหน่วงกลางใจนานกว่าครึ่งค่อนวันของอวี้เป่าเอ๋อร์ ในที่สุดก็ลดลงอย่างช้า ๆ
หงเย่ลูบศีรษะของเขา กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เป่าเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”
เด็กหนุ่มพลันชะงัก มองดูคนทั้งหกคนที่จู่ ๆ ก็เดินเบียดเข้ามาในเรือนหลังเล็ก ถึงกับประหลาดใจอย่างอธิบายไม่ได้ ทว่าเขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาได้รับการช่วยเหลือแล้ว รักษาชีวิตของเขาและท่านแม่ได้แล้ว
เด็กหนุ่มปล่อยแขนเสื้อของเผิงอิง หมุนกายไปประคองร่างของผู้เป็นมารดา
แต่ตอนที่หันกลับมาก็พบว่าอาฝูผู้นั้นกำลังเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ เด็กหนุ่มร้อนใจรีบปรี่ตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าใครจะไปคิดว่ายังไม่ทันได้ถึงตัวอาฝู เผิงอิงคนที่ช่วยเหลือไว้เมื่อครู่ก็ก้าวเท้านำเขาไปหนึ่งก้าวและใช้มือคว้าคอเสื้อของอาฝูไว้
“เหอะ ๆ อาฝู เจ้าคิดจะไปไหนรึ?”
อาฝูถึงกับหน้าขาวซีด ตั้งแต่ท่านอ๋องซิวเดินเข้าประตูมา เขาก็รู้ได้ว่าตนเองคงจบเห่แล้ว ไม่เพียงแต่จะถูกคนสะกดรอยตามเท่านั้น แม้แต่การฆ่าปิดปากก็ถูกจับได้ด้วย เกรงว่าครั้งนี้คงหนีไม่รอดแล้ว
บัดซบจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ระมัดระวังตัวอย่างมากแล้ว เหตุใดด้านหลังของเขาถึงได้มีหางติดมามากมายขนาดนี้
ในบรรดาคนเหล่านี้…ยังมีเด็กอีกสองคนด้วย? หรือว่าเขาแก่แล้วจริง ๆ ความตื่นตัวของเขาถึงได้เลวร้ายถึงขั้นนี้?
เผิงอิงบิดข้อมือ หยิบเชือกเส้นหนึ่งออกมาจากด้านข้าง ๆ แล้วมัดตัวเขาไว้
อาฝูคิดขัดขืน ทว่าเดิมทีเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผิงอิงอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บ ดิ้นอยู่สองหนก็ถูกเผิงอิงหักแขน เสียงร้องแหลมราวกับหมูถูกเชือดดังลั่นเรือนหลังเล็กแห่งนี้
เย่ซิวตู๋มองอาฝูที่ถูกจับตัวไว้แล้ว จึงเดินไปหาฉีหานเว่ย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “รัชทายาทฉี ช่างบังเอิญจริง ๆ”
ฉีหานเว่ยยิ้มอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องซิววางแผนได้ยอดเยี่ยมนัก เรายอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ”
“แม้ว่าเราจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายในคำพูดของรัชทายาท แต่ได้รับคำชมจากรัชทายาท ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง เราขอรับไว้ก็แล้วกัน”
เผิงอิงถึงกับมุมปากกระตุกอย่างเงียบ ๆ ท่านอ๋องอยู่กับแม่นางอวี้มานาน ท่าทางไร้ยางอายเช่นนี้ก็เรียนรู้มาไม่น้อยเลย คนใกล้ชาดติดสีแดงคนใกล้หมึกติดสีดำ ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลเลยจริง ๆ
“เหอะ” ฉีหานเว่ยสะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทีเย็นชา นับตั้งแต่เขาเห็นเย่ซิวตู๋ปรากฏตัวภายในเรือนแห่งนี้ก็เข้าใจได้ว่าตนเองถูกท่านอ๋องซิวแห่งอาณาจักรเฟิงชางวางแผนใส่เข้าแล้ว ที่แท้คนที่ส่งข้อความบอกเขาก็คือคนที่เย่ซิวตู๋ส่งมานี่เอง
เฮ้อ เพียงแต่น่าเสียดายที่เจ้าสิบสามยืนกรานจะมาให้ได้ มิเช่นนั้น เขาจะถูกเย่ซิวตู๋จูงจมูกให้เดินได้อย่างไรกัน?
ฉีหานเว่ยคิดเช่นนี้ ก็อดถลึงตาใส่ฉีหานเทียนปราดหนึ่งไม่ได้
เพียงแต่อีกฝ่ายกลับไม่เห็นความโกรธขึ้งของเขาอยู่ในสายตา ฉีหานเทียนเดินไปยืนข้าง ๆ อาฝูด้วยความโกรธเคือง ทั้งยังยกเท้ากระทืบอีกฝ่ายหนึ่งครั้ง
“เจ้ามันสารเลว กล้าทำร้ายแม่นางชิง ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้วใช่หรือไม่? ไอ้สารเลว…ไอ้สารเลว” ฉีหานเทียนกระทืบซ้ำอีกสองสามครั้ง “ไอ้แก่หนังเหนียว ทำให้ข้าต้องเดินตามเจ้ามาตั้งไกล โถ่เอ๊ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทั้งชีวิตนี้ข้าไม่เคยเดินไกลขนาดนี้มาก่อน ขาเกือบหักอยู่แล้วรู้บ้างหรือไม่?”
มุมปากของทุกคนกระตุกวูบสองหน ในเมื่อเหนื่อยขนาดนั้น ในเมื่อขาจะหักแล้ว เหตุใดถึงยังมีเรี่ยวแรงกระทืบคนมากมายขนาดนั้น?
อวี้เป่าเอ๋อร์ยื่นมือออกไปลากเขา ทว่ากลับถูกฉีหานเทียนสะบัดออกไป
“เจ้าอย่ามาดึงข้า ข้ายังสั่งสอนมันไม่เสร็จ” ฉีหานเทียนหมดความอดทนแล้ว กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องสองหน ท้ายที่สุดก็ไปลากไม้ตะบองสีดำมาไว้ในมือ
เผิงอิงลอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ ฉีหานเทียนผู้นี้มีอุดมการณ์ความสนใจเหมือนกับหนานหนานจริง ๆ
เย่ซิวตู๋หรี่ตาลง องค์ชายสิบสามคนนี้…จนถึงตอนนี้ยังคิดเกินเลยกับแม่นางชิง หรือเขาไม่รู้ว่าแม่นางชิงถูกหมั้นหมายไว้แล้ว ทั้งยังมีบุตรชายวัยห้าขวบแล้วด้วย?
เย่ซิวตู๋มองฉีหานเว่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ คนคนนี้ในฐานะของพี่ชาย ไม่รู้หรืออย่างไรกันว่าต้องสั่งสอนน้องตัวเอง?
ฉีหานเว่ยหันกลับไปทางอื่น เพิกเฉยสายตาโกรธขึ้งที่เย่ซิวตู๋ส่งมา เขาเองก็โกรธอยู่เหมือนกัน ตอนนี้จึงอยากปล่อยให้เย่ซิวตู๋อารมณ์ไม่ดี เอาให้จุกอกตายไปเลย
เสียง ‘ปึง’ ดังขึ้นหนึ่งเสียง ขณะที่ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตนเอง ตรงหน้าของเย่ซิวตู๋พลันเกิดเสียงดังขึ้นหนึ่งเสียง เขาขมวดคิ้วมุ่น ก็พบว่าเด็กหนุ่มและแม่ของเขาโขกศีรษะลงบนพื้นแรง ๆ ต่อหน้าเขา
“กระหม่อมคารวะท่านอ๋องซิวพ่ะย่ะค่ะ” คำสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่นี้ เด็กหนุ่มได้ยินชัดเต็มสองหู และทราบว่าสถานะของพวกเขาสูงส่งเกินกว่าจะหาสิ่งใดเทียบเทียม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากมีเรื่องอะไร ย่อมต้องรีบใช้โอกาสนี้พูดออกไปให้ชัดเจน
เย่ซิวตู๋ทำแค่เพียงเลิกคิ้ว “ลุกขึ้นเถิด”
“โปรดท่านอ๋องซิวให้ความเป็นธรรมกับพวกเราสองแม่ลูกด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มไม่ยอมลุกขึ้น ยังคงโขกศีรษะแรง ๆ อีกสองครั้ง “ท่านพ่อของกระหม่อมเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ส่วนกระหม่อมและท่านแม่ก็ถูกคนชั่วลักพาตัวมากักขังที่นี่ กระหม่อมไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ โปรดท่านอ๋องให้ความเป็นธรรมแก่กระหม่อมด้วย ช่วยให้ความเป็นธรรมแก่ท่านพ่อของกระหม่อมด้วย ฆาตกรก็คืออาฝูที่อยู่ตรงนั้น ท่านอ๋อง เมื่อครู่เขาคิดจะฆ่าปิดปากกระหม่อมและท่านแม่ ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เมตตาช่วยชีวิตไว้”
เย่ซิวตู๋สีหน้าเรียบเฉย ทว่าหว่างคิ้วกลับดูผ่อนคลายลงแล้ว “เจ้าลุกขึ้นมาเถิด เรารับปากว่าจะช่วย”
“ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าท่านอ๋องซิวและรัชทายาทของอาณาจักรหลิวอวิ๋นที่ถูกเรียกว่ารัชทายาทฉีปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ภายในใจของเขามีเพียงเรื่องเดียวที่อยากทำ นั่นคือให้อาฝูชดใช้ต่อความชั่วของตนเอง ทำให้บิดาของเราได้ตายตาหลับ
เย่ซิวตู๋เงยหน้ามองฉีหานเว่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “รัชทายาทฉี ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ก็ควรจะกลับไปพร้อมกับเรา เพื่อช่วยเหลือสองแม่ลูกคู่นี้สักหน่อยมิใช่รึ?”
“ท่านอ๋องซิวกล่าวผิดแล้ว เราเป็นทูตจากอาณาจักรหลิวอวิ๋น เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของอาณาจักรเฟิงชาง เราไม่มีอำนาจเข้าไปแทรกแซง หากคนอื่นเข้าใจผิด จะไม่กล่าวหาว่าเราและท่านอ๋องเล่นพรรคเล่นพวก ทำเรื่องที่มีลับลมคมในหรอกหรือ”
ฉีหานเว่ยบอกปัดอย่างเรียบเฉย เมื่อครู่เขาถูกเย่ซิวตู๋วางแผนใส่ ทำให้เขาต้องมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ก็เป็นเพราะคิดจะใช้ประโยชน์จากสถานะของเขาเพื่อให้ไปเป็นพยานบุคคลมิใช่หรือ? นี่คงคิดจะยืนยันว่าอาฝูเป็นฆาตกรฆ่าคน ส่วนผู้อารักขาของเขาเป็นผู้บริสุทธิ์มิใช่รึ?
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เขาได้ไปตรวจสอบมาก่อนแล้ว
ตอนนี้ฉีหานเว่ยจะยอมเดินตามแผนของเย่ซิวตู๋ได้อย่างไร จะปล่อยให้อีกฝ่ายสมปรารถนาได้อย่างไรกัน?
เย่ซิวตู๋เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ภายในใจ
อย่างไรก็ตามในเวลานี้เอง เสียงรุนแรงก็ดังขึ้นที่ข้างหู ตอนที่ทุกคนเงยหน้ามองก็พบว่าฉีหานเทียนถือไม้ตะบองทุบเข้าที่ขาของอาฝู ไม่มีใครคาดคิดว่าตอนที่เพิ่งจะทุบเข้าที่ขาสุดแรง กลับถูกอาฝูเตะกระเด็นออกไปอย่างแรงด้วยความเดือดดาล
ฉีหานเว่ยถึงกับหน้าเปลี่ยนสี รีบยื่นมือออกไปคว้าเอวของฉีหานเทียนเพื่ออุ้มกลับมา
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ฉีหานเทียนก็ยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แสดงสีหน้าเศร้าโศก ทั้งยังแผดเสียงร้องไห้แง ๆ ด้วยท่าทางน่าสงสาร
เย่ซิวตู๋แย้มยิ้ม ดูเหมือนว่าต่อให้รัชทายาทฉีไม่อยากสนใจ ก็คงต้องสนใจแล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เห้อ อย่าหลวมตัวมาอยู่ในแผนของท่านอ๋องซิวเลยค่ะ เข้าไปอยู่ในวังวนนี้เมื่อไหร่ก็เตรียมรับความวุ่นวายได้เลย
ไหหม่า(海馬)