อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 445 ให้คำอธิบาย
ตอนที่ 445 ให้คำอธิบาย
ตอนที่ 445 ให้คำอธิบาย
ฉีหานเว่ยสาวเท้าไปด้านหน้า พร้อมกับตบอาฝูจนหมดสติไปในทันที จากนั้นจึงอุ้มฉีหานเทียนที่กำลังร้องแผดเสียงจนแหบแห้งออกไปด้านนอก หลังจากเดินออกไปไกลจึงทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ว่า “ท่านอ๋องซิว องค์ชายของอาณาจักรหลิวอวิ๋นของเราถูกคนของอาณาจักรเฟิงชางทำร้าย ก็ควรจะอธิบายอะไรกับเราหน่อยมิใช่รึ?”
มุมปากเย่ซิวตู๋ยกขึ้นเล็กน้อย ตอบกลับเสียงเรียบ “ย่อมต้องเป็นเช่นนี้”
ครั้นกล่าวจบ จึงตบฝุ่นที่เกาะอยู่บนเสื้อคลุม เดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางสง่างามและไม่แยแส
สองแม่ลูกที่อยู่ในห้องหันสบตากัน เย่หงยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเดินเข้ามาตรงหน้าพวกเขาทั้งคู่ ย่อตัวลงและพูดอย่างนุ่มนวลว่า “เรื่องนี้ท่านอ๋องจะให้ความเป็นธรรมเอง พวกท่านทั้งสองตามข้ามาเถิด คุณชาย มารดาของท่านได้รับบาดเจ็บแล้ว ท่านช่วยข้าประคองนางสักหน่อยเถิด ”
เด็กหนุ่มเติบโตมาขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนอื่นเรียกว่าคุณชาย ใบหน้าพลันแดงระเรื่อ พยักหน้าและประคองท่านแม่ที่มีใบหน้าขาวซีดให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตามหลังเย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ ไป
อวี้เป่าเอ๋อร์หันมองซ้ายขวา ภายในใจยังคงสงสัยว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องซิวถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ จู่ ๆ ก็มีฝ่ามือข้างหนึ่งกดลงบนศีรษะของเขา ทั้งยังออกแรงขยี้ผม ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงหัวเราะอันอบอุ่นใจของเผิงอิงดังอยู่เหนือศีรษะของเขา “เป่าเอ๋อร์ ทำได้ไม่เลวเลย ไปเถิด อีกไม่นานท่านลุงเหวินของเจ้าก็จะได้ออกมาแล้ว ฆาตกรหนีไม่พ้นแล้วล่ะ”
อวี้เป่าเอ๋อร์แย้มยิ้มในทันที หลังจากได้ยินคำพูดรับประกันของเผิงอิง ภายในใจจึงรู้สึกผ่อนคลายลง ทั้งยังมีความสุขมากขึ้นด้วย เขารีบสาวเท้าเดินขนาบข้างเผิงอิงออกไปในทันที
พวกเขาเดินเลียบกลับตลาดด้วยทางเดิมอย่างเงียบ ๆ เสิ่นอิงขับรถม้ามารออยู่ข้างทางแล้ว
ตอนที่พวกเขาเพิ่งขึ้นรถ ก็มีเม็ดฝนขนาดใหญ่ตกลงเหนือศีรษะ จนเกิดเสียงดังเปาะแปะข้างหู
เย่ซิวตู๋มองออกไปด้านนอกที่จู่ ๆ ก็เกิดพายุเข้าอย่างกะทันหัน คิ้วพลันเลิกขึ้น ดูเหมือนว่าในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ฝนคงไม่หยุดตกง่าย ๆ
แต่ก็ดีเหมือนกัน คาดว่าการแข่งขันสี่อาณาจักรก็คงหยุดชั่วคราวด้วย
เรื่องในครั้งนี้หากเป็นแค่คดีฆาตกรระหว่างเหวินเทียนและอาฝู บางทีเมื่อกลับไปถึงจวนผู้ตรวจการ ใต้เท้าเย่อาจหาสารพัดเหตุผลเพื่อแก้ปัญหาและปัดออกไป ทว่าตอนนี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายของอาณาจักรหลิวอวิ๋นแล้ว เรื่องนี้…ดูเหมือนว่าคงรบกวนไปถึงฝ่าบาทด้วย
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เนื่องจากฝนตกหนักอย่างฉับพลัน การแข่งขันยิงธนูในสนามแข่งขันวันนี้จึงถูกขัดจังหวะ ฮ่องเต้ประกาศให้เลื่อนการแข่งขันออกไป สั่งให้คนในวังและเหล่าบ่าวรับใช้คุ้มกันนายท่านของตนเองกลับจวน
ถึงกระนั้น ตอนที่ฮ่องเต้เพิ่งขึ้นมาบนราชรถเพื่อกลับพระราชวัง จู่ ๆ เหมียวกงกงก็วิ่งเข้ามากระซิบข้างพระกรรณของพระองค์อยู่ครู่หนึ่ง
ฮ่องเต้สีพระพักตร์เปลี่ยนโดยพลัน พระองค์เสด็จลงจากราชรถอีกหน ก่อนจะสาวพระบาทเข้าไปในท้องพระโรงที่ถูกสร้างขึ้นมาภายในสนามแข่งขันด้วยสีพระพักตร์อึมครึม
เหล่านางสนมที่เดิมทีกำลังเดินติดตามฮ่องเต้ถึงกับหันมองหน้ากัน พวกนางย่อมต้องกลับเข้าสนามแข่งขันอีกครั้งด้วยเช่นกัน พลางนั่งอยู่ภายในห้องด้วยท่าทางเบื่อหน่าย เริ่มพูดคุยกันและคาดเดาถึงสาเหตุที่จู่ ๆ ฮ่องเต้ก็กลับมาอีกครั้ง
โชคดีที่วันนี้ไทเฮารู้สึกไม่ค่อยสบายพระวรกาย ดังนั้นจึงไม่ได้เสด็จมาทอดพระเนตรการแข่งขันในวันนี้ มิเช่นนั้นเกรงว่าคงได้ปวดเศียรเพราะถูกเสียงดังเหล่านี้รบกวน
ครั้นฮ่องเต้เสด็จเข้ามาด้านในท้องพระโรงแล้ว ก็พบว่ารัชทายาทอาณาจักรหลิวอวิ๋นและองค์ชายสิบสามกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ นอกจากนี้พระโอรสที่พระองค์รักมากที่สุด บัดนี้ก็กำลังยืนเหลือบสายตามองคานภายในท้องพระโรงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ฮ่องเต้ขมวดพระขนงมุ่น ประทับลงในท้องพระโรงด้วยสีพระพักตร์ตึงเครียด “ซิวเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดองค์ชายสิบสามถึงได้รับบาดเจ็บ?”
“เสด็จพ่อ องค์ชายสิบสามถูกคนผู้มีนามว่าอาฝูทำร้ายร่างกายพ่ะย่ะค่ะ ส่วนอาฝูเป็นใคร คงต้องขอให้เสด็จพ่อเรียกตัวใต้เท้าเย่โฉวผู้ตรวจการเมืองหลวงให้มาเข้าเฝ้า บางทีเขาอาจรู้จักที่มาที่ไปของอาฝูผู้นี้ชัดเจนมากกว่าลูก” เย่ซิวตู๋เหลือบมองฉีหานเทียนที่ยังปกติดีไม่ได้ได้รับบาดเจ็บอะไรมีก็แต่เสื้อผ้าที่มีคราบสกปรก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยขณะตอบเสียงเรียบ
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ โบกพระหัตถ์สั่งให้เหมียวกงกงออกไปเรียกตัว
ครั้นเหมียวกงกงเดินออกไป สายพระเนตรของฮ่องเต้ก็ทอดมองไปยังฉีหานเว่ยที่เอาแต่ยืนหน้าตาบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา “รัชทายาทฉี อาการขององค์ชายสิบสามร้ายแรงหรือไม่? เราให้คนไปเรียกหมอหลวงมาแล้ว องค์ชายสิบสามไปพักผ่อนที่ห้องโถงด้านข้างสักครู่เถิด”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ฉีหานเว่ยตบบ่าฉีหานเทียน กระซิบบอก “เจ้าสิบสาม เจ้าไปให้หมอหลวงตรวจร่างกายที่ห้องโถงด้านข้าง”
ครั้งนี้ฉีหานเทียนกลับทำตัวว่านอนสอนง่าย ถึงอย่างไรเขาก็แอบกลัวพี่ใหญ่ของตนเอง วันนี้เดิมทีก็เป็นเพราะเขาทำไปโดยพลการจึงทำให้ได้รับบาดเจ็บ แค่พี่ใหญ่ไม่ตะคอกใส่เขาก็ถือว่าเบาแล้ว
จนกระทั่งเขาเดินออกไป เย่ซิวตู๋จึงเล่าสาเหตุที่ทำให้ฉีหานเว่ยและฉีหานเทียนปรากฏตัวขึ้นภายในสลัมที่ตั้งอยู่ห่างไกลความเจริญ
“เสด็จพ่อ วันนี้ตอนที่เป่าเอ๋อร์กำลังเดินเล่นอยู่บนถนนได้บังเอิญเจอกับองค์ชายสิบสามของอาณาจักรหลิวอวิ๋นพอดี ก่อนหน้านี้เป่าเอ๋อร์และองค์ชายสิบสามมีเรื่องเข้าใจผิดจนได้มารู้จักกัน ทั้งสองคนนี้อายุเท่ากัน จึงหยุดคุยกันอยู่สองสามประโยค ภายหลังเป่าเอ๋อร์บังเอิญสังเกตเห็นอาฝูผู้นั้นทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยนิสัยของเด็ก จึงแอบเดินตามอาฝูไปอย่างเงียบ ๆ ผู้อารักขาที่เดิมทีคอยติดตามดูแลองค์ชายสิบสามค้นพบว่าทั้งสองคนหายไปแล้ว ก็รีบกลับมารายงานกับรัชทายาทฉีที่สนามแข่งขัน รัชทายาทฉีมีความกระตือรือร้นอันแรงกล้าที่จะปกป้องน้องชาย จึงออกไปตามหาด้วยตนเอง”
เย่ซิวตู๋เล่าเรื่องเสียยาวเหยียด จากนั้นจึงหันไปมองฉีหานเว่ย อีกฝ่ายถลึงตามองเขาด้วยความเกลียดชัง ก่อนพูดต่อจากเย่ซิวตู๋ว่า “ฝ่าบาท ที่ท่านอ๋องซิวพูดเป็นความจริง หลังจากกระหม่อมเจอตัวเจ้าสิบสามแล้ว บังเอิญเห็นอาฝูเดินเข้าไปด้านในเรือนโทรม ๆ แห่งหนึ่งด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องแหลมดังออกมาจากด้านใน และได้ยินความจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ส่วนอาฝูผู้นี้ เป้าหมายที่เขาปรากฏตัวภายในเรือนแห่งนั้นก็เป็นเพราะคิดจะฆ่าปิดปาก โชคดีที่ท่านอ๋องซิวปรากฏตัวได้ทันเวลาตอนที่เขากำลังลงมือ ทำให้หยุดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้ เจ้าสิบสามโกรธมากจึงต่อว่าอาฝูไปสองสามประโยค ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าอาฝูจะทำร้ายเขา”
ฮ่องเต้ได้ฟังถึงตรงนี้ พระเนตรจึงหรี่ลงเล็กน้อย พระองค์มิใช่คนโง่เขลา เมื่อวานจู่ ๆ ซิวเอ๋อร์ก็ออกไปจากสนามแข่งขัน เรื่องที่เกิดขึ้นพระองค์ย่อมตรวจสอบแล้ว และรู้ด้วยว่าอาฝูผู้นี้เป็นใคร
ซิวเอ๋อร์คิดจะช่วยเหวินเทียน ย่อมต้องสนใจอาฝูเป็นพิเศษ ทว่าสิ่งที่ทำให้พระองค์รู้สึกเหนือความคาดหมายก็คือ ซิวเอ๋อร์วางแผนทำให้รัชทายาทของอาณาจักรหลิวอวิ๋นกลายมาเป็นพยานบุคคลในคดีฆาตกรรมนี้ด้วย
แค่คิดว่าแผนการของพระโอรสของพระองค์เหนือชั้นกว่ารัชทายาทอาณาจักรหลิวอวิ๋น ภายในพระทัยของจักรพรรดิก็รู้สึกภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา
ระหว่างที่พระองค์กำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น หมอหลวงก็เดินถือกล่องยาตามหลังฉีหานเทียนออกมาจากห้องโถงด้านข้าง
ครั้นฮ่องเต้ได้เห็น ก็รีบเก็บความภาคภูมิใจภายในหทัยนั้น ตรัสถามเสียงเบาว่า “หมอหลวง องค์ชายสิบสามเป็นเช่นไรบ้าง? มีปัญหาใหญ่อันใดหรือไม่?”
“ฝ่าบาท รัชทายาทฉีอย่าได้เป็นกังวลพระทัย แม้ว่าองค์ชายสิบสามจะได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บไปถึงอวัยวะภายใน แค่พักรักษาตัวสักหน่อย ทายาลงบนรอยฟกช้ำที่บนหน้าอก อีกไม่กี่วันก็หายดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อันที่จริงหน้าอกมีแค่รอยฟกช้ำที่เล็กมาก ๆ เพียงจุดเดียวเท่านั้น ต่อให้ไม่ใช้ยา อีกสองวันก็หายดีแล้ว
เฮ้อ แต่เพราะเป็นพระนัดดาของฮ่องเต้ เป็นทายาทตระกูลสูงศักดิ์ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ร่างกายจะบอบบางและล้ำค่า
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ ก็พยักพระพักตร์สั่งให้เขาออกไป
ในเวลานี้เอง เหมียวเชียนชิวก็นำตัวเย่โฉวที่กำลังก้มหน้า เร่งฝีเท้าก้าวเข้ามาด้านในท้องพระโรง เขาคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมส่งเสียงถวายพระพรให้ฮ่องเต้อายุยืนหมื่นปี
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เรื่องไปถึงฮ่องเต้แล้ว จากเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว นังกุ้ยเฟยจะโดนถลกหนังหน้าไปด้วยไหมนะ
ไหหม่า(海馬)