อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 446 สาดน้ำเรียก
ตอนที 446 สาดน้ำเรียก
ตอนที 446 สาดน้ำเรียก
ฮ่องเต้ทอดสายพระเนตรมองเย่โฉวปราดหนึ่ง พระขนงแอบขมวดมุ่นเล็กน้อย คนคนนี้ช่างเป็นคนที่ทำให้ผู้อื่นหนักใจเสียเหลือเกิน
“ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” เย่โฉวไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ตอนแรกคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับอาฝู หากเป็นเช่นนี้ เขาจะได้เตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ
ทว่าเหมียวกงกงไปเรียกเขาให้มาเข้าเฝ้าฝ่าบาท กลับบอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์ชายสิบสามของอาณาจักรหลิวอวิ๋น
เย่โฉวยอมรับว่าเขาไม่เคยติดต่อกับคนของอาณาจักรหลิวอวิ๋นมาก่อน ยิ่งไม่รู้จักองค์ชายสิบสามคนนี้ด้วย เหตุใดฝ่าบาทถึงได้เรียกเขาให้มาเข้าเฝ้าเล่า?
หรือว่าช่วงนี้เมืองหลวงไม่ค่อยสงบสุข เกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายสิบสามภายในเขตที่เขามีอำนาจดูแล?
มีแค่สิ่งเหล่านี้ที่เย่โฉวคิดได้ เขามิอาจปะติดปะต่อเรื่องของเขาและอาฝูเข้าไปเกี่ยวโยงกับเรื่องนี้ได้ชั่วขณะหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองรัชทายาทของอาณาจักรหลิวอวิ๋นอย่างเงียบ ๆ ทว่าจู่ ๆ กลับประสานเข้ากับสายตาของเย่ซิวตู๋ เย่โฉวถึงกับตกตะลึง โดยเฉพาะตอนที่เห็นอาฝูนอนหมดสติอยู่ข้างเท้าของเผิงอิง เขาก็ยิ่งตกใจจนหน้าขาวซีด เนื้อตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
บัดซบ เกิดเรื่องกับอาฝูแล้วจริง ๆ
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? อาฝูบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่พลาดมิใช่รึ? เขาบอกว่าตนเองมีวรยุทธ์อันแกร่งกล้า จะไม่เกิดปัญหามิใช่รึ?
เขาไม่น่าเชื่ออีกฝ่ายเลยจริง ๆ ไอ้แก่หนังเหนียวนี่ อายุมากแล้ว วรยุทธ์จะสูงถึงขั้นไหนกันเชียว?
“เย่โฉว” จู่ ๆ เสียงขรึมของฮ่องเต้ก็ดังลอยมาจากด้านหน้า “เจ้ารู้จักคนที่อยู่ข้าง ๆ เท้าของเจ้าหรือไม่?”
เย่โฉวเนื้อตัวสั่นเทา รีบคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง “กระหม่อม…กระหม่อมรู้จักพ่ะย่ะค่ะ”
“อ๋อ? เช่นนั้นเจ้าก็พูดมาสิ คนคนนี้เป็นใครกันแน่?”
“เขา…เขา…เขาชื่ออาฝู เป็นพ่อค้าตัวเล็ก ๆ ในซอยอวิ๋นสุ่ย ขายผลไม้และผักเพื่อหาเลี้ยงชีพพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋หัวเราะ “ใต้เท้าเย่ ยังมีสิ่งที่ยังไม่ได้พูดอีกกระมัง?”
เหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเย่โฉวหยดแหมะลงบนพื้นแล้ว เขากลืนน้ำลายตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “เมื่อวาน มีอาจารย์นักเล่าเรื่องคนหนึ่งถูกสังหาร ตอนนั้นผู้อารักขาเหวินเทียนของท่านอ๋องซิวและอาฝูผู้นี้ต่างก็อยู่ในที่เกิดเหตุ อาฝูชี้ตัวว่าเหวินเทียนเป็นฆาตกร กระหม่อมไปถึงที่เกิดเหตุก็เจอพยานวัตถุเช่นกัน แต่…แต่หลังจากนั้นท่านอ๋องซิวก็บุกเข้าไปในจวนผู้ตรวจการ บอกว่าพยานวัตถุไม่ถูกต้อง เหวินเทียนเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย อาฝูเองก็เป็นผู้ต้องสงสัยเช่นกัน ดัง…ดังนั้น…”
เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะ มาถึงขั้นนี้แล้ว เย่โฉวยังคิดจะพูดให้เขากลายเป็นคนอาศัยอำนาจและอิทธิพลข่มเหงผู้อื่นอีก
แต่ก็ไม่เป็นไร ต่อให้เย่โฉวพูดมากกว่านี้ ตอนนี้มีร้อยปากก็มิอาจโต้แย้งอะไรได้แล้ว
“ใต้เท้าเย่ เจ้าบอกว่าเหวินเทียนเป็นผู้ต้องสงสัย อาฝูเองก็เป็นผู้ต้องสงสัย เช่นนั้นเจ้าอยากฟังคนอื่นพูดสักหน่อยหรือไม่ ดูสิว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เป็นฆาตกร?”
คนอื่น? เย่โฉวก้มศีรษะลงต่ำ ดวงตากลอกไปมา ภายในใจยังคงไม่เข้าใจ คนอื่นที่เย่ซิวตู๋พูดถึงหมายถึงใครกัน?
ไม่รอให้เขาได้นึกถึงเหตุที่เป็นเช่นนี้ เย่ซิวตู๋ก็พูดขึ้นว่า “พาตัวเข้ามา”
เพียงไม่นานด้านนอกประตูก็มีเสียงดังขึ้น ฮ่องเต้ชะโงกพระพักตร์มองก็พบว่าหงเย่เดินนำบุรุษและสตรีคู่หนึ่งเข้ามา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน
คาดว่าทั้งสองคนก็คงไม่เคยเห็นฉากเช่นนี้มาก่อน จึงแอบประหม่าและตื่นตระหนก ตอนที่เดินมือเท้าก็พันกันไปหมด จนกระทั่งหงเย่นำพวกเขาให้เข้ามาคุกเข่าลงกลางท้องพระโรง ราวกับพวกเขาทั้งคู่ตามหาเสียงของตนเองเจอ จึงส่งเสียงถวายพระพรหมื่นปีพร้อมกับหงเย่
เย่โฉวขมวดคิ้วมุ่นขณะจ้องมองสองแม่ลูกคู่นั้น พวกเขาสองคน…
“พวกเจ้าเป็นใครรึ?” เสียงของฮ่องเต้ฟังดูน่าเกรงขาม สองแม่ลูกไม่กล้าเงยหน้า ทำแค่เพียงใช้สายตาขอความช่วยเหลือไปทางหงเย่
หงเย่ยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและผ่อนคลาย “ท่านป้าเหอ คุณชายเหอ เล่าทุกอย่างที่พวกท่านทราบออกมาให้หมดก็พอ ฝ่าบาททรงปราดเปรื่อง ย่อมต้องตรวจเจอความจริงและมอบความเป็นธรรมให้แก่พวกท่านทั้งสอง”
เด็กหนุ่มแซ่เหอผู้นั้นราวกับมีความกล้าหาญเล็ก ๆ แล้ว คำพูดของหงเย่ทำให้เขารู้สึกสงบจิตสงบใจได้เสมอ
เขาเงยหน้าขึ้น มองไปที่ฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว ทว่ากลับก้มหน้าลงอีกครั้ง กลั้นใจพูดไปว่า “กราบ…กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมเหอไห่ ท่านพ่อของข้านามว่าเหอต้าเหลียง คืออาจารย์นักเล่าเรื่องที่โรงเตี๊ยมผิงอันพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตระหนักได้ทันใด นี่คือครอบครัวของเหยื่อนี่เอง ดูเหมือนว่าครั้งนี้ซิวเอ๋อร์คงมีความมั่นใจมาเป็นอย่างดีแล้ว
เย่โฉวหน้าขาวซีด ร่างกายอ่อนปวกเปียกภายในพริบตาเดียว ดูเหมือนว่า…ดูเหมือนว่าการเล่นงานท่านอ๋องซิวในคราวนี้ คงหมดหนทางที่จะสำเร็จแล้ว
เหอไห่พูดไปหนึ่งประโยค เขาก็กลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนพูดต่อไปว่า “เมื่อสองวันก่อน ตอนที่กระหม่อมเพิ่งกลับมาจากเลิกเรียน ท่านพ่อเตรียมเก็บของจะไปที่โรงเตี๊ยมผิงอัน คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ จะมีคนที่เรียกตัวเองว่าท่านฝูบุกเข้ามา คนคนนี้ร้ายกาจมาก ตอนนั้นเขาตบท่านแม่ของกระหม่อมจนสลบไป ทั้งยังบีบคอของกระหม่อมพร้อมกับพูดจาข่มขู่ เขาเล่าเรื่องหนึ่งให้ท่านพ่อฟัง จากนั้นก็สั่งให้ท่านพ่อของกระหม่อมนำเรื่องนี้ไปเล่าที่โรงเตี๊ยมผิงอัน”
“เรื่องอะไร?” ฮ่องเต้ตรัสถาม
“เป็น…เป็นเรื่องเกี่ยวกับท่านอ๋องซิวและแม่นางชิงหมอปีศาจพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็ไม่รู้ว่าท่านฝูไปได้ยินมาจากที่ใด ตอนแรกท่านพ่อของข้าไม่ยอม เรื่องของท่านอ๋องและองค์หญิง ใช่เรื่องที่พวกกระหม่อมจะนำไปโพนทะนาสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่ท่านฝูเล่าให้ท่านพ่อฟัง ก็เป็นเรื่องหมิ่นประมาททำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องซิวและแม่นางชิงด้วย ท่านพ่อแค่อยากให้ครอบครัวของเราปลอดภัย แต่ไม่เคยคิดจะทำเรื่องดูหมิ่นราชวงศ์ ทว่าท่านฝูกลับบีบคอของกระหม่อมพร้อมกับพูดจาข่มขู่ท่านพ่อ ด้วยความที่ท่านพ่อรักลูก จึงต้องยอมประนีประนอมอย่างจนปัญญา”
สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เริ่มไม่พอพระทัย เรื่องของซิวเอ๋อร์เพิ่งหลุดออกมาจากปากของหนานหนานเมื่อไม่กี่วันก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนคิดจะใช้เรื่องนี้ให้กลายเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ใหญ่โต
คนเหล่านี้ทำตัวอยู่ไม่สุขมากขึ้นทุกทีแล้ว เป็นเพราะช่วงนี้พระองค์ประมาทเกินไปหรือ ถึงทำให้ทุกคนคิดว่าพระองค์มีพระชนมายุมากแล้ว คงดูแลเรื่องใด ๆ ไม่ได้แล้ว?
ภายในท้องพระโรงเงียบกริบ แม้แต่เหอไห่ที่เดิมทีกำลังพูดจนเริ่มไหลลื่น ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ส่งออกมาจากฮ่องเต้ เขาจึงปิดปากเงียบกริบราวจักจั่นในยามหน้าหนาวภายในพริบตาเดียว ไม่กล้าส่งเสียงพูดอีก
ฮ่องเต้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ตรัสเสียงขรึมว่า “เล่าต่อไป”
“พ่ะ…พ่ะย่ะค่ะ” เหอไห่ปลายนิ้วมือเย็นเฉียบ ดึงชายเสื้อจนแน่นก่อนจะพูดต่อไปอย่างเนิบช้าว่า “หลังจากท่านพ่อรับปาก เขาก็เดินทางไปที่โรงเตี๊ยมผิงอัน ส่วนกระหม่อมและท่านแม่กลับถูกท่านฝูทุบตีจนหมดสติ ก่อนจะพาตัวไปยังสลัมห่างไกลความเจริญ ทั้งยังมัดตัวกระหม่อมและท่านแม่ไว้จนถึงวันนี้ ตอนที่ท่านฝูปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ากระหม่อมอีกครั้ง กลับบอกว่าท่านพ่อของกระหม่อมไม่ได้พูดตามที่เขาสั่งไว้ จึงทำให้แผนพัง เขา…เขาก็เลยฆ่าท่านพ่อของกระหม่อม”
“กระหม่อมรู้สึกโกรธ ฝีมือมิอาจสู้อีกฝ่ายได้ กระหม่อมเป็นแค่คนเล่าเรียนวิชาแม้แต่แรงจะมัดไก่ก็ยังไม่มี คิดอยากแก้แค้นให้ท่านพ่อ กลับถูกอาฝูทำให้อับอาย วันนี้เขากลับมายืนตรงหน้ากระหม่อมอีกครั้งก็เพื่อจะฆ่าปิดปาก ไม่อยากให้กระหม่อมและท่านแม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป หากมิใช่เพราะท่านอ๋องมาได้ทันเวลา เกรงว่าครอบครัวของกระหม่อมคงได้ไปรวมตัวกันอีกครั้ง ฝ่าบาท โปรดฝ่าบาทให้ความเป็นธรรมแก่กระหม่อมด้วย จับฆาตกรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้บิดาของกระหม่อมได้นอนตายตาหลับด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เหอไห่ยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น ฮ่องเต้เห็นเขาทั้งขุ่นเคืองและตื่นเต้น จิตใจยากเกินกว่าจะสงบลงเพราะการตายของบิดา พระองค์จึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ
“เหมียวกงกง สาดน้ำเรียกอาฝูให้ตื่น”
เหมียวเชียนชิวโบกมือวูบหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีคนยกถังน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งถังเข้ามาสาดลงบนตัวของอาฝู
อาฝูถึงกับสะดุ้งโหยง เขารีบลุกขึ้นมานั่งบนพื้น เพียงแต่สายตากลับดูดุร้าย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยังไงดีใต้เท้าเย่ ทัณฑ์บนรอท่านอยู่นะ
ไหหม่า(海馬)