อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 454 จุดประสงค์ของเจ้าคือสิ่งใด
ตอนที่ 454 จุดประสงค์ของเจ้าคือสิ่งใด
ตอนที่ 454 จุดประสงค์ของเจ้าคือสิ่งใด
ครั้นเดินออกมาจากห้องโถงด้านหน้า ฉีหานเทียนก็เริ่มเดินอ้อมภายในตำหนักอ๋อง พยายามตามหาทางเพื่อไปลานด้านหลัง
เขาเป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อเห็นสถานที่ที่มีคนรับใช้อยู่ก็หลบซ่อนตัว ด้วยเหตุนี้ หลังจากเดินไปครู่หนึ่งก็ออกห่างจากโถงด้านหน้ามากพอสมควรแล้ว
ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามาตำหนักอ๋องซิว เขาจึงไม่รู้จักเส้นทาง ยิ่งไม่รู้ว่าหากจะเดินไปที่ลานด้านหลังต้องเดินไปทางใด
ฉีหานเทียนแอบรู้สึกหงุดหงิด ถอนหายใจเบา ๆ ขณะซ่อนตัวหลังภูเขาเทียมเพื่อคิดหาวิธี “ถามคนรับใช้ภายในตำหนักไม่ได้ แผนที่ของตำหนักอ๋องก็ไม่มี เฮ้อ ต้องทำอย่างไรถึงจะเจอแม่นางชิงกันนะ?”
หรือว่า…หรือจะใช้สถานะองค์ชายวางอำนาจใส่คนอื่น? ไม่ได้ ๆๆ ที่นี่คือตำหนักอ๋องซิว คนของท่านอ๋องซิวไม่ใช่คนที่จะวางอำนาจใส่ได้ง่าย ๆ ขนาดนั้น
หรือว่า…ใช้ประโยชน์จากสถานะเด็กน้อยของตนเองเพื่อให้คนอื่นช่วยเหลือ? ไม่ได้ ๆๆ เขาเป็นถึงองค์ชายสิบสามของอาณาจักรหลิวอวิ๋น จะทำตัวไร้ศักดิ์ศรีด้วยการไปขอร้องคนรับใช้ได้อย่างไรกันเล่า?
ฉีหานเทียนถอนหายใจหนัก ๆ อีกครั้ง ภายในใจรู้สึกยุ่งเหยิงจะตายอยู่แล้ว
ในเวลานี้เอง ประตูบานเล็กที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็เกิดเสียง ‘แอ๊ด’ ตามมาติด ๆ ด้วยเงาหนึ่งที่กำลังแอบออกมาจากด้านหลังประตูด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
ฉีหานเทียนหรี่ตาลงและเอนตัวไปด้านหน้า จ้องมองร่างเล็ก ๆ ที่กำลังเบียดตัวเข้ามาพร้อมกับแอบชะโงกหน้ามองซ้ายขวาเป็นครั้งคราว
คนคนนี้…ใครกัน? ท่าทางของเขาดูน่าสงสัยเกินไปแล้ว อีกอย่างเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวก็สกปรกมอมแมม เส้นผมดูยุ่งเหยิง ใบหน้าก็มีคราบดำ ๆ เหงื่อชุ่มทั่วศีรษะ คนแบบนี้ เหตุใดถึงเข้ามาในตำหนักอ๋องซิวได้?
เขาเป็นลูกของคนรับใช้ในตำหนักอ๋องรึ? ไม่ถูกสิ หากเป็นลูกของคนรับใช้ เหตุใดต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แค่เดินเข้ามาตรง ๆ ก็ได้แล้ว
ฉีหานเทียนนึกถึงเรื่องในวันนี้อย่างฉับพลัน อาฝูผู้นั้นได้รับคำสั่งให้วางแผนทำลายชื่อเสียงของแม่นางชิงมิใช่รึ? คนคนนี้คงมิใช่ว่าถูกคนอื่นสั่งให้เข้ามาทำเรื่องไม่ดีภายในตำหนักอ๋องซิวหรอกกระมัง?
แม้จะพูดว่าต่อให้เกิดหายนะหรือเกิดเรื่องภายในตำหนักอ๋องซิวจะมิใช่เรื่องของเขา แต่ถ้าทำให้แม่นางชิงเดือดร้อนไปด้วยเล่า? ทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ครั้นนึกถึงเรื่องนี้ ฉีหานเทียนก็นั่งไม่ติดแล้ว เขาพุ่งตัวออกจากด้านหลังเขาเทียม ในมือถือไม้หนึ่งแท่ง ชี้ไปยังเด็กน้อยที่กำลังทำหัวผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ด้านหน้า
“หยุดนะ”
หนานหนานที่กำลังรำพึงถึงความโชคดีของตนเองที่ไม่มีใครเห็นตอนที่กลับเข้ามาจากประตูหลังถึงกับตกใจเพราะเสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลัน ร่างเล็ก ๆ ถึงกับสะดุ้งโหยง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาด้วยตัวที่สั่นเทิ้ม
“เจ้าเป็นใคร? เข้ามาในตำหนักอ๋องซิวด้วยวัตถุประสงค์ใด เจ้าคิดจะทำอะไร? พูดมา คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครอีก?” คำถามของฉีหานเทียนถูกพ่นออกมาจากปากเป็นชุด น้ำเสียงนั้นฟังดูเย็นชาน่ากลัวมาก
หนานหนานงุนงงกับการต้อนถามของอีกฝ่าย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอียงศีรษะ รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เสียง ‘ปิ๊ง’ ดังขึ้นในสมองของเขา ราวกับค้นพบตัวเชื่อมต่อบางอย่างภายในพริบตาเดียว จู่ ๆ ก็เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า “เจ้า…เจ้า…เจ้า…เจ้าเป็นใคร?”
คนคนนี้มาจากที่ใดกัน? เขาก็คิดไว้อยู่แล้วเชียว เหตุใดเสียงถึงได้ฟังดูเป็นเด็กน้อยเช่นนี้ ราวกับเป็นเด็กน้อยที่เสียงยังไม่แตกหนุ่ม
น่าแปลก คนคนนี้เป็นใคร? ไม่ใช่คนของตำหนักอ๋องซิวนี่นา หนานหนานลูบคางครุ่นคิด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหน้าด้วยท่าทางมั่นใจ
ถูกต้อง เขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย อืม…ต่อให้ก่อนหน้านี้เคยเห็น หากจำไม่ได้ก็คงเพราะไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไร
“นี่ ข้าถามเจ้าอยู่นะ เจ้ามาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์ใดกันแน่? พูดมา มิเช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วนะ” ฉีหานเทียนตะโกนอยู่นาน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอีกเดี๋ยวเอียงศีรษะ อีกเดี๋ยวลูบคาง อีกเดี๋ยวเบิกตาโตเอ่ยถามว่าเขาเป็นใคร ทว่ากลับไม่ยอมตอบคำถามของเขา สิ่งนี้ทำให้ฉีหานเทียนรู้สึกโกรธมาก
หนานหนานขมวดคิ้วมุ่น คนคนนี้ทำตัวช่างเย่อหยิ่งนัก เย่อหยิ่งยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทำตัวราวกับตนเองเป็นเจ้าของในตำหนักแห่งนี้
เอ๋ หรือว่าเขาเดินเข้ามาผิด? ดังนั้นที่นี่ไม่ใช่ตำหนักอ๋องซิวรึ?
หนานหนานตระหนักขึ้นได้ จึงรีบหมุนกายเดินออกจากประตูหลังอีกครั้ง
ฉีหานเทียนตะลึงงันและชะงักไปแล้ว อีกฝ่ายเพิกเฉยเขา ทั้งยังเพิกเฉยเขาแบบโจ่งแจ้ง สารเลววว…
เขาต้องลากตัวไอ้เด็กสารเลวที่มีความคิดคดเคี้ยวผู้นี้ออกมา กำจัดเนื้อร้ายนี้แทนตำหนักอ๋องซิว
ฉีหานเทียนหายใจฟึดฟัดอย่างหนัก ตอนที่กำลังจะหมุนกายเดินไปหาโม่เสียนที่อยู่ในห้องโถงด้านหน้า และถือโอกาสเอาหน้าต่อหน้าแม่นางชิงด้วย
คิดไม่ถึงเลยว่าประตูบานนั้นที่เพิ่งปิดไปเมื่อครู่จะถูกเปิดออกอีกครั้ง หนานหนานที่เพิ่งออกไปก้าวเท้าเข้ามาด้านในอีกหน ทั้งยังเดินมาตรงหน้าฉีหานเทียนด้วยความโกรธเคือง เชิดคางขึ้น “นี่ เจ้าเป็นใครเนี่ย? ข้าก็ว่าแปลก ๆ ข้าไม่ได้เดินเข้ามาผิดหลังสักหน่อย”
ฉีหานเทียนถึงกับตกใจท่าทางของอีกฝ่ายจนถอยผงะไปด้านหลังสองก้าว แต่เมื่อนึกถึงสถานะของตนเอง เขาก็ยืดอกขึ้นมาอีกครั้งในทันที
“ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าเจ้าเป็นใคร บอกว่า ใครเป็นคนสั่งเจ้า?”
“สั่งข้า?” หนานหนานยกนิ้วชี้จมูกตัวเอง “สั่งข้าอะไร? นี่ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กเหลือขอที่ไม่รู้ว่าวิ่งออกมาจากที่ใดแบบเจ้าจะกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานในอาณาเขตของเสี่ยวเหยีย ทั้งยังทำตัวราวกับเป็นเจ้าของที่นี่?”
“เจ้ากล้าด่าข้ารึ?”
หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ “ข้าไปด่าเจ้าตอนไหน?”
“เจ้าพูดว่าข้าเป็นเด็กเหลือขอ” ไม่เคยมีใครกล้าทำตัวไม่เคารพยำเกรงเขาเช่นนี้มาก่อน เหอะ ไอ้คนไม่รู้ที่ตาย เขาต้องขอให้ท่านอ๋องซิวและฮ่องเต้ของอาณาจักรเฟิงชางของพวกเขาสั่งสอนเจ้านี่ให้หนัก “อีกอย่าง ตอนนี้เจ้าต่างหากที่เป็นเด็กตัวเหม็นหึ่ง สกปรก แถมยังน่าสะอิดสะเอียน”
หนานหนานถึงกับสำลักกับคำพูดของอีกฝ่าย เขามองเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมบนตัว ก่อนจะดมกลิ่นเหงื่อที่ติดอยู่บนร่างกาย ถึงกับสำลักเพราะตัวเอง ไอกระแอมในทันที
ฉีหานเทียนเชิดคางขึ้น พูดเย้ยหยันว่า “เจ้าคือขอทานที่มาจากด้านนอกสินะ ความสามารถไม่ธรรมดาเลย คิดไม่ถึงว่าจะเข้ามาในตำหนักอ๋องซิวได้”
ขอทาน? หนานหนานกระทืบเท้า “เจ้านั่นแหละขอทาน ขอทานทั้งตระกูล ข้าจะบอกอะไรให้นะ เสี่ยวเหยียอย่างข้าเป็นถึงวีรบุรุษผู้มีความสง่างามไร้เทียบเทียมหล่อเหลามีศิลปะการต่อสู้ชั้นยอดที่ชาวโลกพากันสรรเสริญ เป็นผู้มีชื่อเสียง เด็กไร้ชื่อเสียงแบบเจ้า แม้แต่ให้มาถือรองเท้าของข้ายังไม่เหมาะสมเลย”
ฉีหานเทียนเบิกตากว้าง ไอ้เด็กไร้ยางอายโอ้อวดตนเองหน้าหนาอย่างกับกำแพงเมือง
เอาสิ อีกฝ่ายกล้าด่าเขา เช่นนั้นเขาก็จะไม่เกรงใจแล้ว
ฉีหานเทียนถลกแขนเสื้อ ยกหมัดเหวี่ยงเข้าใส่หนานหนาน
หนานหนานแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง ทักษะที่เขาเพิ่งเรียนรู้มาจากท่านปู่ลู่วันนี้ได้ใช้ประโยชน์แล้ว แค่ใช้พลังปราณเล็กน้อย ร่างของเขาก็ลอยขึ้นแล้ว ก่อนจะพลิกตีลังกาเหนือศีรษะของฉีหานเทียนกระโดดไปด้านหลังของอีกฝ่าย
ฉีหานเทียนชะงัก รีบหันกลับมามองเด็กหน้าตามอมแมมทว่ากลับดูมีชัย วรยุทธ์ช่างดูเยี่ยมยอดยิ่งนัก ฝีมือเมื่อครู่นี้ ทำให้เขา…อิจฉายิ่งนัก
ทว่า ไม่เป็นไร ก็แค่ทักษะวิชาตัวเบาเท่านั้น หากมีปัญญาแค่หลบหลีก มากสุดก็เป็นได้แค่คนขี้ขลาดเท่านั้นแหละ
ฉีหานเทียนหดนิ้วมือเข้าเล็กน้อย เก็บกระบวนท่าที่อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นเคยสอนเขาตอนอยู่อาณาจักรหลิวอวิ๋นไว้ในใจ ตอนที่เขากำลังจะลงมืออีกครั้ง จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นสองเสียงจากไกล ๆ
เด็กทั้งสองเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน ก็พบว่าฉีหานเว่ยและโม่เสียนกำลังเดินตามหลังกันมาทางนี้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เด็กแสบสองคนมาเจอกัน ตำหนักอ๋องซิวจะระเบิดไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)