อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 457 ขยี้จุดเจ็บของเขาสุดแรง
ตอนที่ 457 ขยี้จุดเจ็บของเขาสุดแรง
ตอนที่ 457 ขยี้จุดเจ็บของเขาสุดแรง
อีกสามคนที่เหลือถึงกับชะงัก ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉีหานเว่ยจึงไอกระแอม กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ผู้อารักขาโม่ รบกวนเจ้าช่วยไปบอกท่านอ๋องซิวกับแม่นางชิงสักหน่อย เรายังมีธุระต้องกลับไปทำที่เรือนรับรอง ขอตัวกลับก่อน”
ฉีหานเว่ยเข้าใจดี แม้หนานหนานจะอายุยังน้อย แต่คำพูดของเขากลับทิ่มแทงเข้ากลางใจ เจ้าสิบสามรู้ดีว่าแม่นางชิงและท่านอ๋องซิวมีลูกวัยห้าขวบแล้ว ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใดหรือด้วยเหตุผลใดก็เป็นความจริงที่มิอาจลบล้างได้
ต่อให้เจ้าสิบสามมีดีกว่านี้พันเท่าหมื่นเท่า ก็สู้หนานหนานที่อยู่กลางใจของอวี้ชิงลั่วไม่ได้อยู่ดี
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เห็นหน้าของหนานหนาน อันที่จริงเขาเองก็ถอยแล้ว ยิ่งถูกหนานหนานพูดแทงใจดำยิ่งไม่มีเหตุผลต้องอยู่ต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสิบสามก็ไม่ได้รักแม่นางชิงในแบบความรักของผู้ใหญ่เช่นนั้นด้วย
“เอ่อ…อ๋า…รัชทายาทฉีค่อย ๆ เดินนะพ่ะย่ะค่ะ” โม่เสียนรีบสั่งให้คนไปส่งแขก จนกระทั่งเงาของฉีหานเว่ยค่อย ๆ เดินห่างไกลออกไป เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
จากนั้นก็หันมามองหนานหนานที่กำลังยืนกะพริบตาด้วยท่าทางไร้เดียงสา โม่เสียนถึงกับสีหน้ามืดหม่นเอือมระอา
อันที่จริงเขาอยากพูดว่า ท่านอ๋อง ท่านไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดให้ยากลำบากตรากตรำเพื่อจัดการกับศัตรูหัวใจอย่างองค์ชายสิบสามหรอกพ่ะย่ะค่ะ คราวหน้าหากมีเรื่องประเภทนี้อีก ขอแค่…ปล่อยหนานหนานมาก็สิ้นเรื่องแล้ว
ดูสิ แค่นี้ก็ไล่อีกฝ่ายให้หนีไปได้ในทันทีแล้วมิใช่หรือ? แม้แต่หน้าของแม่นางชิงก็ไม่ต้องเจอแล้ว
หนานหนานรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก “เหตุใดเขาถึงไปเสียแล้วล่ะ? เมื่อครู่สองประโยคสุดท้ายนั่นหมายความว่าอย่างไร?”
โม่เสียนถูปลายจมูก เรื่องนี้…เขาจะอธิบายอย่างไร? เห็น ๆ อยู่ว่าหนานหนานกระตุ้นจนอีกฝ่ายวิ่งหนีไปแล้ว ตอนนี้กลับทำราวกับกลายเป็นความผิดของเขาเสียอย่างนั้น
ครั้นลอบถอนหายใจ โม่เสียนก็เหลือบมองสภาพสกปรกมอมแมมของหนานหนาน หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากันอีกครั้ง เรื่องของฉีหานเทียนถูกปล่อยไว้ข้าง ๆ ชั่วคราว ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขาย้ายมาอยู่ที่เสื้อผ้าของหนานหนานที่ดูดำปี๊ดปี๋เต็มไปด้วยโคลน
“หนานหนาน เจ้าบอกลุงโม่มาตรง ๆ เถอะ เจ้าออกไปทะเลาะกับคนอื่นมาใช่หรือไม่?”
วันนี้หนานหนานไปที่สนามแข่งแล้ว เสิ่นอิงส่งเขาและเย่เฉิงหลานเข้าไปด้านในด้วยตัวเองและกลับออกไป ช่วงบ่ายฝนตก การแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรจึงหยุดแข่งชั่วคราว ตอนที่เสิ่นอิงไปรับ เย่หลานเฉิงกลับสั่งให้คนมาบอกเขาว่ายังมีธุระต้องทำ ค่อยมารับกลับช่วงเย็น ๆ
คงไม่ใช่ว่า…หนานหนานไปทะเลาะกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นภายในสนามแข่งขันหรอกกระมัง
ได้ยินมาว่าวันนี้เวยซื่อจื่อขององค์ชายสามก็นั่งอยู่ในสนามด้วย วันนั้นเวยซื่อจื่อกินยาของแม่นางอวี้เข้าไปจึงไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ ภายหลังหนานหนานก็ได้รับบาดเจ็บจึงไปนั่งอยู่ข้าง ๆ ฮ่องเต้ ส่วนเมื่อวานนี้ก็ไม่ได้ไปที่สนามแข่ง มีก็แต่วันนี้ที่ทั้งสองคนนั้นนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ของผู้เข้าแข่งขันด้วยกัน
หรือว่าทั้งสองคนทะเลาะกัน? คงไม่ใช่หรอกกระมัง ฝีมือของหนานหนานยอดเยี่ยมมาก เวยซื่อจื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนานหนานด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงกว่านี้ หนานหนานก็ไม่มีทางที่จะเนื้อตัวเปื้อนโคลนไปทั้งตัว
โม่เสียนขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกได้ว่าท่าทางของหนานหนานในวันนี้ดูแปลก ๆ ราวกับกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง
หนานหนานในเวลานี้เริ่มตระหนักได้ถึงสภาพของตนเองที่ดูมอมแมมไปทั้งตัว บัดซบ เดิมทีเขาซื้อตัวเด็กรับใช้ประตูหลังแล้ว เขาคิดจะแอบเข้ามาและตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่เรือนของตนเองในทันที จากนั้นค่อยวิ่งไปประจบประแจงตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว
ใครจะไปคิดว่าจะเจอฉีหานเทียนดักรออยู่ที่นี่ อีกอย่าง…เขากับฉีหานเทียนก็ทะเลาะกันจนหน้าแดงอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับลืมสถานการณ์ของตนเองไปจนหมดสิ้น
“แค่ก…คือว่า…ท่านลุงโม่ ข้าเดินอยู่บนถนนโดยไม่ทันได้ระวัง…ก็เลยล้มอย่างที่เห็นนี่แหละ อืม เรื่องเป็นแบบนี้แหละ” หนานหนานพูดด้วยความจริงใจ เช็ดคราบโคลนบนใบหน้า พร้อมกับแย้มยิ้มด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์
หัวคิ้วของโม่เสียนกระตุกเล็กน้อย ล้ม? เขาเชื่อก็บ้าแล้ว หากแค่ล้ม ทั้งหลัง ขาและแขนเสื้อจะเปื้อนโคลนจนทั่วเชียวรึ? ใบหน้าจะดำปี๊ดปี๋จนอยู่ในสภาพเช่นนี้เชียวรึ?
อีกอย่าง หากแค่หกล้ม ก็ต้องมีร่องรอยการชนหรือกระแทกถึงจะถูก
โม่เสียนมองหนานหนานด้วยท่าทางไม่เห็นด้วย หนานหนานเม้มปาก จู่ ๆ ก็เข้ามากอดขาของเขาพร้อมกับออกแรงเขย่า “ท่านลุงโม่ ท่านต้องเชื่อข้านะ ข้าเป็นคนจริงใจมาโดยตลอด ข้าไม่เคยพูดโกหกด้วย แค่ข้าล้มก็น่าสงสารมากพออยู่แล้ว หากท่านยังสงสัยในตัวข้า เช่นนั้นหัวใจดวงน้อย ๆ ของข้าก็คงถูกโจมตีจนพินาศย่อยยับ เช่นนั้นข้าคงรู้สึกเศร้าโศกมาก จริงหรือไม่?”
“หนานหนาน…” โม่เสียนไม่อาจโต้อะไรได้ ทุกครั้งที่ต้องสู้กันก็มีแต่เขาต้องพ่ายแพ้อยู่ร่ำไป
อีกอย่าง…ไม่เคยพูดโกหก? เหตุใดเขาได้ยินแล้วกลับรู้สึกว่ากำลังร้อนตัวเล่า?
“ท่านลุงโม่ ท่านมองตาข้าสิ ในนี้มีความจริงใจมากล้น จริงหรือไม่?”
โม่เสียนกระตุกมุมปาก ก่อนจะมองชายเสื้อของตนเองที่ถูกหนานหนานกอดจนกลายเป็นสีดำ ขานตอบอย่างหมดแรงว่า “อืม…”
หนานหนานปล่อยมือด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วนะ”
โม่เสียนพยักหน้า ใครจะไปคิดว่าตอนที่หนานหนานเพิ่งจะก้าวเท้าเดินแค่สองก้าว เขากลับถอยกลับมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับกระโดดขึ้นมาบนก้อนหินใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าโม่เสียน พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก “แล้วก็ เรื่องที่ข้าหกล้ม ท่านอย่าไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ของข้านะ”
“…” แปลกจริง ๆ
“เฮ้อ ท่านลุงโม่ ท่านเองก็รู้ดี คนแบบข้าเคารพตัวเองมาก ๆ ท่านพูดเองว่าข้ามีวรยุทธ์ชั้นยอด ไร้คู่ต่อกรในใต้หล้านี้ ใครเห็นก็ต้องกลัว หากมีคนรู้เรื่องที่ข้าหกล้มหน้าคะมำจนเนื้อตัวสกปรกมอมแมมอย่างไร้สาเหตุ ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด? ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด? ท่านเป็นผู้อารักขาของท่านพ่อ ท่านเองก็ควรจะคิดถึงท่านพ่อด้วย จะปล่อยให้ท่านพ่อต้องอับอายเพียงเพราะลูกชายหกล้มอย่างน่าประหลาดไม่ได้ จริงหรือไม่”
โม่เสียนอยากร้องไห้เสียเหลือเกิน หนานหนาน เจ้าเองก็รู้ตัวด้วยรึว่าการหกล้มของเจ้ามันน่าประหลาด?
“ดังนั้น ท่านลุงโม่ เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
หนานหนานพูดพลางถลึงตากลมโต รอฟังคำตอบจากปากของเขา
ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงได้ยินเสียงจนปัญญาของโม่เสียนดังขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว”
หนานหนานจึงเบาใจ กระโดดลงจากก้อนหินอย่างสบาย ๆ มองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงแอบเดินกลับเข้าห้องของตนเอง
โม่เสียนยืนค้างอยู่กับที่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามไปเพราะไม่สบายใจ
ทั้งคู่เดินตามกันไป ใครจะไปคิดว่าตอนที่เดินมาถึงจุดที่อยู่ห่างจากเรือนของหนานนหนานห้าสิบหมี่ ด้านหน้ากลับมีคนสองคนเดินมาต้อนรับ
หนานหนานเห็นพวกเขาก็คิดอยากจะหลบซ่อน ทว่าท้ายที่สุดก็มิอาจหลบสายตาอันเฉียบคมของใครบางคนได้
เย่ซิวตู๋แทบจะไม่ต้องมองหน้าดำ ๆ ของหนานหนาน แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบานั้นก็ตัดสินได้แล้วว่าเขาคือใคร
เพียงแต่เมื่อเห็นสภาพเนื้อตัวของเขา เย่ซิวตู๋ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ตะโกนขึ้นว่า “อวี้ฉิงหนาน หยุดเดี๋ยวนี้”
อวี้ชิงลั่วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับชะงัก มองไปด้านหน้าตามสายตาของเย่ซิวตู๋ ก็พบเงาของหนานหนานที่ชะงักไปเล็กน้อยขณะคิดจะหลบซ่อนตัว หันกลับมาเงียบ ๆ อย่างไม่เต็มใจ
ครู่ต่อมา เด็กน้อยถึงกับเบิกตาโต ชี้นิ้วไปที่หน้าของอวี้ชิงลั่วพร้อมกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หนานหนานไปทำเรื่องอะไรมาถึงได้มอมแมมขนาดนี้คะ ต้องเป็นเรื่องที่ท่านแม่จะปวดหัวแน่ๆ ลางสังหรณ์ผู้แปลมันบอกว่าอย่างนั้น
ไหหม่า(海馬)