อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 46 โอกาสยังมีมากโข
ตอนที่ 46 โอกาสยังมีมากโข
เย่ซิวตู๋หรี่ตาลง จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เอน ตบรอยยับบนร่างกายพลางถอนหายใจกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “นอนมาพักหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าด้านนอกจะครึกครื้นมาก”
ระหว่างที่พูดก็มองมาที่อวี้ชิงลั่วด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป “ครึกครื้นขนาดนี้ ทำให้ข้าอยากไปเข้าร่วมด้วยแล้วสิ ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว ไปตรวจสอบว่าปลาใหญ่คือใครก็ดีเหมือนกัน หากอารมณ์ดี ไปเตือนเขาสักหน่อยก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“…”
อวี้ชิงลั่วและจินหลิวหลีหันสบตากัน วางแก้วน้ำชาลงบนโต๊ะทันใด แก้วเล็ก ๆ ที่อยู่บนโต๊ะแกว่งเป็นวงกลม น้ำชาถึงกับราดลงบนผ้าปูโต๊ะหนา ๆ
คนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะก่อนหน้านี้ลุกพรวดแล้ววิ่งรี่เป็นลมกรดไปคว้าเสื้อของเย่ซิวตู๋ไว้ นางขบฟันแน่นและเอ่ยลอดไรฟัน “เย่ซิวตู๋ ท่านชนะแล้ว”
จินหลิวหลีเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบ ๆ นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
นังเด็กอวี้ชิงลั่วเหตุใดถึงไม่วางยาเขากัน?
เย่ซิวตู๋ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายคล้ายกับรอให้นางตอบ
“ท่านกลับไปนอนเถอะ ถึงอย่างไรปลาใหญ่ตัวนั้นก็จะมาถึงแล้ว ถึงเวลานั้นท่านก็จะได้เห็นเอง” อวี้ชิงลั่วคลึงหัวคิ้วจากนั้นจึงหันกลับมาพูดกับจินหลิวหลีว่า “เจ้าไปหยิบแผ่นป้ายไม้แล้วไปที่ห้องหมายเลขสาม บอกให้เฉินอิง โม่เสียนและเหวินเทียนประมูลราคาให้สูงขึ้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม”
มารดามันเถอะ ถึงอย่างไรเย่ซิวตู๋ก็รู้เรื่องนี้แล้ว หากไม่ใช้ทรัพยากรทางฝั่งเขาเสียหน่อยก็ดูจะเปล่าประโยชน์
เย่ซิวตู๋เหลือบมองนางปราดหนึ่ง “เจ้าใช้ประโยชน์จากคนของข้าได้อย่างคล่องมือเชียวนะ”
อวี้ชิงลั่วไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่ดึงเสื้อของเขาแล้วลากกลับไปอยู่ข้าง ๆ เก้าอี้เอน ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงหน้าจินหลิวหลี อธิบายถึงรายละเอียดอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้นางออกไป
จนกระทั่งภายในห้องเหลือแค่พวกเขาเพียงสองคน อวี้ชิงลั่วจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ รินน้ำชาใส่จอกให้ตัวเอง แล้วยื่นให้เย่ซิวตู๋หนึ่งจอก ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเขาพลางวาดยิ้ม “เย่ซิวตู๋ พวกเรามาปรึกษาหารือกันเถอะ”
…สิบห้าล้านตำลึง…สิบห้าล้านตำลึง…สิบห้าล้านตำลึง…
“มีเรื่องอะไร?” อวี้ชิงลั่วรินน้ำชาให้เขา… สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เพราะจู่ ๆ ก็ได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝัน
“ความสัมพันธ์ระหว่างเรา คือหมอกับคนไข้ ใช่หรือไม่”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ใบหน้าอึมครึมลงอย่างช้า ๆ เขาเงยหน้าซดน้ำชาหมดในรวดเดียว ทันทีที่จอกถูกส่งออกมา ก็วางลงบนโต๊ะได้อย่างมั่นคง
เขาคิดไว้อยู่แล้วเชียว น้ำชาจอกนี้คงไม่ได้ดื่มอย่างง่ายดายเช่นนั้น
ครั้นเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่ภายใน “อืม”
อวี้ชิงลั่วยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง “ในเมื่อเป็นความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้ เช่นนั้นพวกเราก็มีความเท่าเทียมกัน ท่านจ่ายเงิน ข้ารักษา ก็เพียงเท่านี้ ดังนั้น พวกเราต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง มีคนที่คิดอยากจะจัดการเป็นของตัวเอง วันนี้ที่ข้ามารักษาที่นี่ ข้าให้ข้อยกเว้นกับท่านได้อยู่พักผ่อนที่นี่ สาเหตุก็เป็นเพราะการไปมาหาสู่กันหลายวันมานี้ของพวกเรา นับว่าเป็นมิตรภาพที่ไม่เลว”
ตาของเย่ซิวตู๋หรี่ลง ขณะจ้องมองมาที่นาง
อวี้ชิงลั่วถูกเขามองจนเกิดอาการขนลุกซู่ ร่างกายเอนไปด้านหลัง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงรวบรวมความกล้าพูดจนจบ “ดังนั้น เรื่องที่ข้าจะทำหลังจากนี้ จะทำอย่างไร ท่านก็แค่ยืนดูเรื่องขบขันอยู่ข้าง ๆ อย่าได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเล่า?”
ดูเอาเถอะว่านางพูดจาถ่อมตนมากเพียงใด แม้แต่พูดว่าให้เขายืนดูเรื่องขบขันก็ยังพูดออกมาได้ เงินสิบห้าล้านตำลึงช่างมีเสน่ห์มากเหลือเกิน หากเขาไม่ตกปากรับคำก็ไปตายได้เลย
อารมณ์ของเย่ซิวตู๋ไม่ได้สูงลิ่ว เมื่อได้ยินนางพูดอย่างถ่อมตนและน่าฟัง จึงกระตุกมุมปากอย่างเย็นชา “เรื่องน่ารำคาญเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้า ข้าไม่มีความคิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว”
เรื่องน่ารำคาญ? เรื่องน่ารำคาญหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดว่าเรื่องของนางเป็นเรื่องน่ารำคาญ
นาง…ต้องทนไว้…
อวี้ชิงลั่วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยักหน้าและยิ้มต่อไป “เช่นนั้นนายท่านเย่โปรดพักผ่อนอยู่ที่นี่ต่อไปเถิด”
ครั้นกล่าวจบ นางก็กลับไปนั่งข้าง ๆ อีกครั้งโดยไม่หันกลับมามอง แล้วยกชาขึ้นมาจิบเบา ๆ
ทั้งสองคนที่อยู่ภายในห้องเงียบลงอีกครั้ง เดิมทีเย่ซิวตู๋ก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้อวี้ชิงลั่วยิ่งต้องอดทนต่อแรงกระตุ้นที่จะฉีกเงินสิบห้าล้านตำลึงทิ้ง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะยิ่งปิดปากเงียบสนิท
ในทางตรงกันข้าม ภายในห้องโถงที่อยู่ด้านหน้า กลับเกิดความครึกครื้นขึ้น เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะเข้าร่วมความครึกครื้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าความครึกครื้นฉากนี้ที่เป็นเรื่องที่ดีต่อทุกคน ชาวบ้านเหล่านั้นยิ่งไม่มีทางปล่อยผ่าน
ยิ่งไปกว่านั้น คนบางคนที่เดิมทีกลับออกไปแล้ว เมื่อได้ยินข่าวก็รีบเปลี่ยนทิศทางกลับมาที่โรงเตี๊ยมฝูหลงอีกครั้ง
ภายในห้องพิเศษหมายเลขหกชั้นสอง หยางเยี่ยนเซิงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ในมือถือแผ่นป้ายไม้แผ่นนั้นไว้ กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบและทรงพลัง
“ทุกท่าน แผ่นป้ายไม้หมายเลขหกอยู่ในมือของข้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งที่ไม่จำเป็น ดังนั้นเราจะทำการประมูลเพื่อเปลี่ยนมือ ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว ทุกคนต่างก็รอมาทั้งวันคงเหนื่อยล้ากันหมด ดังนั้นการประมูลในครั้งนี้ข้าหวังว่าจะสิ้นสุดโดยเร็ว ด้วยเหตุนี้ คนที่ไม่ได้ป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษากับหมอปีศาจอย่าได้เข้าร่วมในครั้งนี้”
สิ้นเสียง ต้าอู่ที่อยู่ชั้นล่างก็เคาะกลองที่ไปหยิบมาถืออยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้
เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้น และแล้วการประมูลราคาก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหยางเยี่ยนเซิงจะพูดไปหนึ่งรอบแล้ว แต่ชาวบ้านเหล่านั้นที่หวังว่าราคาประมูลยิ่งสูงเท่าไรยิ่งดี ไหนเลยจะไม่เข้าร่วมความครึกครื้นนี้?
ด้วยเหตุนี้ เพียงครู่หนึ่งราคาของแผ่นป้ายไม้ก็เพิ่มจากราคาหนึ่งตำลึงเป็นสองร้อยตำลึง
หลังจากเพิ่มถึงสองร้อยตำลึง เสียงที่อยู่ด้านล่างก็ค่อย ๆ แผ่วลง ทุกคนต่างก็ชอบดูความสนุกสนาน แต่ก็กลัวว่าหากประมูลได้แผ่นป้ายไม้นั้นจริง ๆ ตนเองคงมิอาจนำเงินออกมาได้
ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา ความสามารถย่อมมีจำกัด
เพียงแต่…
เสียงภายในห้องโถงแผ่วเบาลง มิได้หมายความว่าคนที่อยู่ภายในห้องพิเศษจะยอมแพ้
ลูกค้าที่เหมาห้องพิเศษได้ก่อนต่างก็เป็นเป็นนายท่านผู้มั่งคั่งและทรงอำนาจ เงินสองร้อยตำลึงไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลยสักนิด
ด้วยเหตุนี้ หลังจากเสียงด้านล่างเบาลง เสียงที่อยู่ชั้นบนกลับดังขึ้นสลับกัน เพิ่มขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
อวี๋เฟิงที่ยืนอยู่ด้านหลังอวี๋จั้วหลินมีใบหน้าเริ่มแดงขึ้นน้อย ๆ ตอนนี้สีหน้าของเขาเริ่มแสดงออกถึงความกังวล
“นายน้อย…” ตอนนี้พวกเขายังไม่เริ่มประมูลราคา และไม่รู้ว่าเสียงที่อยู่ภายในห้องพิเศษเหล่านั้นจะหยุดลงเมื่อไร
นิ้วของอวี๋จั้วหลินบีบขอบถ้วยเล็กน้อย คิ้วผูกขมวดจนแน่น
สายตาของเขามองผ่านม่านหน้าต่างกวาดมองไปยังห้องพิเศษแต่ละห้องด้านนอก เท่าที่เขาทราบ ครั้งนี้ห้องพิเศษของโรงเตี๊ยมฝูหลงได้ปล่อยห้องว่างให้ลูกค้าพักผ่อนสิบห้อง
ห้องพิเศษหมายเลขสอง หมายเลขสาม หมายเลขห้า หมายเลขเจ็ดและหมายเลขเก้าได้ถูกจินหลิวหลีหยิบโดนหมายเลขไปแล้ว คนไข้ก็ได้เข้าไปพบหมอปีศาจแล้ว ดังนั้นจึงตัดห้องเหล่านั้นออกไปได้
ส่วนห้องพิเศษหมายเลขหก เป็นห้องที่หยางต้าซ่านเหรินอยู่ สามารถตัดออกไปได้เช่นกัน
ที่เหลืออยู่จึงมีแค่ห้องหมายเลขหนึ่งของพวกเขา ห้องหมายเลขสี่ หมายเลขแปดและหมายเลขสิบ
คู่ต่อสู้ของเขามีไม่มาก และโอกาสก็ยังสูงมาก
“อวี๋เฟิง ห้าร้อยตำลึง” จากการวิเคราะห์เช่นนี้ หัวใจของอวี๋จั้วหลินจึงสงบลง เขาหันกลับไปยื่นแผ่นป้ายไม้ให้อวี๋เฟิงเพื่อให้เขาประมูลราคา
คนก่อนหน้านี้ประมูลราคาสี่ร้อยตำลึงพอดี อวี๋เฟิงได้ยินก็เกิดความฉลาดขึ้นทันใด ตะโกนออกไปด้านนอกหน้าต่าง “หมายเลขหนึ่ง ห้าร้อยตำลึง”
ภายในห้องโถงเกิดความโกลาหลขึ้น สำหรับชาวบ้านธรรมดาเหล่านี้ การเพิ่มเงินขึ้นมาถึงหนึ่งร้อยตำลึงในครั้งเดียว นับว่าต้องเป็นคนมีเงินเท่านั้นที่จะทำ
จินหลิวหลีที่อยู่ด้านล่างแย้มยิ้ม ใช้นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ด้านนอกโรงเตี๊ยมฝูหลงก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา ยกแผ่นป้ายในมือกล่าวว่า “หมายเลขสองร้อยสามสิบ ห้าร้อยห้าสิบตำลึง”
…………………………
สารจากผู้แปล
นายท่านเย่ก็ยังกวนส้นเสมอต้นเสมอปลายนะคะ อยากให้ชิงลั่วอยู่ด้วยน่ะสิดูออก
ราคาขึ้นพรวดพราดเลยค่ะ สี่ห้องพิเศษนี้ใครจะได้ป้ายไม้ไปครองนะ
ไหหม่า (海馬)