อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 463 โปรดจำไว้ว่าสถานะของเจ้าคือสาวรับใช้
ตอนที่ 463 โปรดจำไว้ว่าสถานะของเจ้าคือสาวรับใช้
ตอนที่ 463 โปรดจำไว้ว่าสถานะของเจ้าคือสาวรับใช้
เย่ซิวตู๋เหลือบตามองนางปราดหนึ่ง “เจ้าคิดว่ายังจะมีใครที่เหมาะสมอีก? คนที่องค์ชายรองพามาที่นี่ ยังมีสาวใช้ที่มีทักษะการต่อสู้เหมือนหงเย่อีกรึ?”
“องค์ชายรองไม่ได้พามา แต่ข้าพามา” อวี้ชิงลั่วมองเขาด้วยท่าทางดูหมิ่น “วรยุทธ์ของจินหลิวหลีก็ถือว่าสูงแล้ว ให้นางตามข้าไปด้วยยังมีอะไรที่ท่านต้องเป็นกังวล?”
รูม่านตาของเย่ซิวตู๋ถึงกับหดเล็ก จินหลิวหลี? เขาลืมนางไปเสียสนิทเลย
ฝีมือของสตรีผู้นั้นลึกซึ้งยากแท้หยั่งถึงจริง ๆ นักฆ่าผู้มีสมญานามว่าซิวหลัวมิใช่ได้มาง่าย ๆ มีนางคอยติดตามไปด้วย กอปรกับหงเย่อีกหนึ่งคน ไหนจะแม่นมเซียวอีก คาดว่าคงไม่มีปัญหาอันใดแล้ว
หลังจากครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็ถอนหายใจ พยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย
ครั้นเขาพยักหน้า อวี้ชิงลั่วก็รีบติดต่อหาจินหลิวหลีทันที
หลายวันมานี้ เป็นเพราะจินหลิวหลีเอาแต่หลบหน้าเย่ฮ่าวหราน นางจึงหายไปไม่เห็นแม้แต่เงาตลอดทั้งวัน นางไม่เคยอาศัยอยู่ในตำหนักอ๋องซิว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้เจอหน้ากัน
เมื่อได้ยินว่าอวี้ชิงลั่วจะไปร่วมงานเลี้ยงภายในวัง ดวงตาของจินหลิวหลีก็ถึงกับหรี่ลง นี่คืองานเลี้ยงที่หงเหมิน[1] ชัด ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เย่ซิวตู๋จะไม่ไว้วางใจ ถึงต้องให้นางติดตามไปด้วย
ทว่า คราวนี้นางติดตามอวี้ชิงลั่วเดินทางจากเจียงเฉิงมาที่เมืองหลวงก็เพื่ออารักขาความปลอดภัยของนาง แม้นางจะคิดว่าช่วงเวลาที่อวี้ชิงลั่วต้องการให้นางคุ้มกันช่างมีน้อยนิดก็ตาม
จินหลิวหลีเปลี่ยนมาใส่ชุดสาวใช้ที่ดูคล้ายกับหงเย่ นางบิดคอไปมาพร้อมกับแต้มไฝลงบนใบหน้า ก่อนจะก้าวเท้าสั้น ๆ เดินขึ้นรถม้า
ด้านนอกฝนตกแล้วจริง ๆ แม้จะตกไม่หนัก แต่ก็ยังไม่หยุดตกตั้งแต่เช้าตรู่
อวี้ชิงลั่วแหวกม่านรถม้าดูท้องฟ้าอันอึมครึม ครุ่นคิดถึงการจัดงานเลี้ยงอย่างฉับพลันของเหมิงกุ้ยเฟย ภายในใจจึงมีแผนไม่มากก็น้อย
งานเลี้ยงในครั้งนี้คงไม่ได้คิดจะเล่นงานนาง อวี้ชิงลั่วรู้ดี เหมิงกุ้ยเฟยผู้นี้ไม่มีทางเพ่งความสนใจทั้งหมดมาที่นางและเย่ซิวตู๋
การตายของอาฝูเมื่อวานนี้ทำให้ฮ่องเต้เกิดความแคลงใจ ทำให้เหมิงกุ้ยเฟยตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าข้างกายยังมีพยัคฆ์รอโอกาสตะครุบ พยัคฆ์ตัวนั้นไม่ได้คิดจะวางแผนใส่ร้ายเหมิงกุ้ยเฟยเท่านั้น แต่ยังคิดจะเล่นงานตำหนักอ๋องซิวด้วย
ถึงอย่างไรเย่ซิวตู๋ก็เป็นบุตรชายของเหมิงกุ้ยเฟย ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เหมิงกุ้ยเฟยก็ไม่มีทางปล่อยให้บุตรชายทั้งสองของนางต้องสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเพราะแผนของคนอื่น
เป้าหมายของนางในวันนี้ คาดว่าคงเพื่อ…หาพันธมิตรกระมัง
อวี้ชิงลั่วเดินทางมาถึงค่อนข้างสายแล้ว ตอนที่มาถึงประตูวัง เฟยเกอก็มายืนรออยู่ทางนั้นแล้ว เมื่อเห็นนางเดินลงจากรถม้าก็รีบเข้ามาทำความเคารพ ทั้งยังสั่งให้คนแบกเกี้ยวเข้ามา
ตอนที่เฟยเกอหมุนกาย จินหลิวหลีก็ชะโงกหน้าเข้ามากระซิบข้างหูอวี้ชิงลั่วเบา ๆ “วรยุทธ์ของสาวใช้ผู้นี้ยอดเยี่ยมนัก คาดว่าคงไม่ต่างจากหงเย่ แต่ถ้าเทียบกับข้ายังถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อย”
อวี้ชิงลั่วเหล่ตามองนางปราดหนึ่ง “โปรดจำไว้ว่าตอนนี้สถานะของเจ้าคือสาวใช้” อย่าได้ชะโงกหน้าเข้ามาพูดข้างหูนางตามอำเภอใจ
“…” จินหลิวหลีขบฟันแน่น อวี้ชิงลั่วนังหญิงชั่ว คิดไม่ถึงเลยว่าได้เอาเปรียบแล้วยังจะอวดฉลาดอีก คอยดูเถอะ กลับไปเจ้าได้เห็นดีแน่
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะหนึ่งเสียง ก่อนจะจับแขนจินหลิวหลีเพื่อขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว มุ่งหน้าไปยังตำหนักอี๋ซิ่ง
นี่เป็นครั้งที่สองที่อวี้ชิงลั่วเดินทางมาตำหนักอี๋ซิ่ง เมื่อเทียบกับคราวก่อน ตำหนักอี๋ซิ่งในวันนี้ครึกครื้นอย่างมาก เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูของตำหนัก ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหยอกล้อสนุกสนานดังออกมา
เฟยเกอก้าวเท้าเดินนำหน้านางสองสามก้าว จนกระทั่งเดินไปถึงข้างกายของเหมิงกุ้ยเฟย จู่ ๆ น้ำเสียงกลับดังขึ้นหลายส่วน “เหนียงเหนียง องค์หญิงเทียนฝูมาถึงแล้วเพคะ”
ครั้นกล่าวออกมา เสียงทั้งหมดภายในตำหนักจึงหยุดลง ทุกคนช้อนสายตามองมาที่อวี้ชิงลั่วเป็นตาเดียว
วันนี้อวี้ชิงลั่วแต่งกายสง่างามมากเป็นพิเศษ แม่นมเซียวมีฝีมือชั้นยอดทางด้านนี้ จึงเข้าใจวิธีดึงจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวรวมถึงความสง่างามของนางออกมา
มีคนส่วนหนึ่งภายในงานที่เคยเห็นอวี้ชิงลั่วภายในการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรแล้ว ทว่าการแต่งกายโดยปกติของนางให้ความรู้สึกถึงสาวงามจากตระกูลธรรมดาเท่านั้น บนเส้นผมของนางมีแค่ปิ่นหยกที่ประดับอยู่มาโดยตลอด ราวกับไม่มีปัญญาที่จะหาเครื่องประดับดี ๆ ออกมาได้
ทว่าในวันนี้การแต่งกายของนางกลับแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ ปิ่นปักผมมุก กำไลหยกหรือแม้แต่สร้อยคอ ล้วนประณีตจนขับทุกสิ่งบนเรือนกายของนางให้โดดเด่น
นางสนมและอิสตรีชั้นสูงภายในงานจำนวนมากถึงกับตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่
พวกนางไม่รู้เลยว่า แม่นางชิงหมอปีศาจผู้ที่ถูกผู้คนแอบนินทาลับหลังว่าไม่ได้มีความเป็นองค์หญิงอยู่บนตัวแม้แต่น้อยจะมีก็แต่กลิ่นอายของความเป็นหญิงบ้านนอกคอกนา จะส่องแสงเปล่งประกายได้ภายในพริบตาเดียว ทำให้ทุกคนถึงกับเทียบไม่ติด
แม้แต่เหมิงกุ้ยเฟย บัดนี้ก็แอบตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่เช่นกัน โดยเฉพาะตอนที่เหลือบเห็นการแต่งกายและท่าทางที่ดูอ่อนแอไม่มีพลังแม้แต่น้อยขององค์หญิงไม่กี่คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งทำให้นางแอบส่ายหน้า ไม่แปลกใจ ไม่แปลกใจเลยที่อวี้ชิงลั่วจะได้อยู่บนตำแหน่งอันน่ายกย่องภายในอาณาจักรเทียนอวี่ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องเต้ของอาณาจักรเทียนอวี่จะปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษ
สตรีเช่นนี้ หากถือกำเนิดภายในราชวงศ์ของอาณาจักรเฟิงชาง คาดว่าคงบดบังทุกคนจนไม่เหลือ รวมถึงแย่งความโดดเด่นจากองค์หญิงและนางสนมจำนวนมากด้วย
เย่หว่านเยียนได้สติกลับมาเป็นคนแรก รีบเดินเข้ามาหาอวี้ชิงลั่วด้วยรอยยิ้ม “แม่นางชิง คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะงดงามถึงเพียงนี้ งดงามมากจริง ๆ”
“ขอบพระทัยองค์หญิงที่ชื่นชม องค์หญิงหว่านเยียนต่างหากเล่าที่มีความสดใสจนดึงดูดความสนใจจากผู้คน” อวี้ชิงลั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มอยู่ในระดับพอดี องศาของความโค้งไม่มากและไม่น้อย สิ่งนี้ทำให้แม่นมเซียวที่ยืนอยู่เยื้อง ๆ รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าการฝึกเป็นพิเศษในเช้าวันนี้จะค่อนข้างได้ผล
เย่หว่านเยียนบุ้ยปาก พูดอย่างไม่พอใจ “แม่นางชิงล้อข้าเล่นแล้ว”
“หว่านเยียน” เสียงที่แฝงด้วยความน่าเกรงขามดังแทรกเสียงของเย่หว่านเยียน
อวี้ชิงลั่วมองไปตามเสียงก็พบว่าเหมิงกุ้ยเฟยกำลังขมวดคิ้วด้วยความไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก “แม่นางชิงเป็นชื่อที่เจ้าสมควรเรียกรึ? สถานะขององค์หญิงเทียนฝูช่างสูงศักดิ์นัก อย่าทำตัวไร้มารยาท”
“หว่านเยียน มานี่เร็ว” เสียงของเหมิงกุ้ยเฟยเพิ่งหยุดลง เสียงที่ฟังดูขลาดกลัวอีกเสียงก็ดังตามมาติด ๆ คนคนนั้นนั่งอยู่ตำแหน่งค่อนไปด้านหลัง มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเย่หว่านเยียนเจ็ดแปดส่วน เพียงแต่ดวงตาที่สั่นไหวนั้น แอบดูขี้ขลาด ดูเหมือนว่าคงกลัวเหมิงกุ้ยเฟยเหลือประมาณ
เย่หว่านเยียนไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าเหมิงกุ้ยเฟย หลังจากแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อวี้ชิงลั่ว นางก็กลับไปยืนข้างหมู่เฟยของตนเองอย่างเชื่อฟัง
ทว่ากลับยังกะพริบตาปริบ ๆ มาหาอวี้ชิงลั่วเป็นครั้งคราว นางค่อนข้างสนิทกับอวี้ชิงลั่วตั้งแต่การแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรแล้ว กอปรกับเดิมทีเป็นที่ชื่นชอบ ดังนั้นนิสัยของนางจึงดูมีชีวิตชีวามากกว่าคนอื่น ๆ
อวี้ชิงลั่วจึงก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าสองสามก้าวอย่างเนิบช้า ก่อนจะทำความเคารพเหมิงกุ้ยเฟยเล็กน้อย “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง”
“องค์หญิง เชิญนั่ง” เหมิงกุ้ยเฟยดึงมือของนางให้นั่งลงข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม การเคลื่อนไหวกลับดูสนิทสนมเป็นอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วนั่งตามลงมา สายตากวาดมองอิสตรีจำนวนมากภายในงาน ค้นพบว่าคนที่นางเคยเห็นหน้าภายในการแข่งใหญ่ของสี่อาณาจักรมีเพียงน้อยคน
นอกจากซูเฟยเหนียงเหนียง ยังมีนางสนมอีกสองสามคนและฮูหยินก้าวมิ่ง ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนเป็นคนแปลกหน้า
นางสนมขี้อายที่กำลังดึงมือของเย่หว่านเยียนคนนั้น นางก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
[1] งานเลี้ยงที่หงเหมิน (鸿门宴) หมายถึงการใช้งานเลี้ยงบังหน้า ทว่าแท้จริงแล้วมีแผนการชั่วร้ายเพื่อทำร้ายคน
สารจากผู้แปล
อย่าให้ชิงลั่วแต่งตัวเต็มยศ ไม่งั้นคนอื่นดับสนิทค่ะ
แผนการในงานเลี้ยงครั้งนี้คืออะไรกันนะ
ไหหม่า(海馬)