อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 467 มีคนมองมาทางนี้
ตอนที่ 467 มีคนมองมาทางนี้
ตอนที่ 467 มีคนมองมาทางนี้
เฟยเกอถูกอวี้ชิงลั่วจ้องมองจนเริ่มมีเหงื่อเย็นผุดออกมา ตอนนี้นางมั่นใจได้แล้วว่าอวี้ชิงลั่วรู้แผนการภายในใจของนางจริง ๆ จู่ ๆ นางก็รู้สึกตื่นตระหนก คิดว่าการร่วมมือกันระหว่างเหนียงเหนียงและนางจะกลายเป็นขโมยไก่ไม่ได้แต่ยังเสียข้าวสารอีกกำมือหรือไม่?
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนภายในศาลาจะได้ยินเสียงจากทางฝั่งนี้ จึงรีบหันมามอง เมื่อเห็นว่าอวี้ชิงลั่วยืนห่างออกไปไม่ไกลต่างก็พากันชะงักไปครู่หนึ่ง
จากนั้น สตรีชุดเขียวก็รีบดึงสตรีชุดฟ้าให้เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ กระทั่งมายืนตรงหน้าอวี้ชิงลั่วจึงกวาดตาสำรวจครู่หนึ่ง กล่าวเคล้ารอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ท่านนี้ คิดว่าคงเป็นองค์หญิงเทียนฝูจากอาณาจักรเทียนอวี่กระมัง ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว”
มุมปากของสตรีชุดฟ้าก็ประดับด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายกับสถานะของอวี้ชิงลั่ว ทำแค่เพียงพยักหน้าให้นางเล็กน้อย ถือได้ว่าวางตัวอย่างเหมาะสม
“องค์หญิงเทียนฝูกำลังจะออกจากวังแล้วหรือ? ฝนตกพื้นลื่น เหตุใดถึงไม่มีใครยกเกี้ยวมา?”
ครั้นกล่าวจบ เซียวเฟยก็ใช้สายตาแฝงความหมายมองไปที่เฟยเกอ เฟยเกอเม้มปาก ทำแค่เพียงถอนสายบัวคารวะนางสนมทั้งสอง ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
ดูเหมือนว่า เฟยเกอคงไม่ชอบพวกนางทั้งสองคนเป็นอย่างมาก
ไม่ถูกสิ ควรพูดว่าเหมิงกุ้ยเฟยไม่ชอบพวกนางทั้งสองคนอย่างมาก หรือบางทีพวกนางทั้งสองคนและเหมิงกุ้ยเฟยเดิมทีต่างก็เป็นเหมือนน้ำกับไฟ มิเช่นนั้น งานเลี้ยงในวันนี้จะขาดพวกนางทั้งสองคนได้อย่างไรกัน?
อวี้ชิงลั่วก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยการถามเคล้ารอยยิ้มว่า “เมื่อครู่เหนียงเหนียงทั้งสองกำลังแต่งกลอนอยู่หรือเพคะ?”
“ใช่แล้ว วันนี้ฝนตกตลอด ขลุกตัวอยู่ในห้องมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้เห็นว่าฝนหยุดตก ด้านนอกอากาศเย็นสบายจึงออกมาชมสักหน่อย ทิวทัศน์หลังจากฝนตกแตกต่างจากวันปกติ จึงอดไม่ได้ที่จะใช้บทกลอนบรรยายถึงทัศนียภาพอันงดงาม ทำให้องค์หญิงขบขันแล้วจริง ๆ” หว่านเฟยยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน รอยยิ้มที่ดูประณีตนั้นแตกต่างจากเหมิงกุ้ยเฟย ราวกับว่าเป็นความอ่อนโยนที่ออกมาจากก้นบึ้งอะไรทำนองนั้น
อวี้ชิงลั่วจึงรู้สึกดีกับอีกฝ่ายมากขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ “เหนียงเหนียงต่างหากที่มีความปราดเปรื่อง หม่อมฉันได้ฟังก็ทำได้เพียงอิจฉา คนที่ต้องอายคือหม่อมฉันต่างหากล่ะเพคะ”
“องค์หญิงถ่อมตนเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเคยได้ยินฮ่าวหรานกล่าวชมว่าองค์หญิงมีความฉลาดปราดเปรื่องนัก เจ้าเด็กนั่นชอบออกไปข้างนอก ได้เห็นคนที่มีความสามารถก็มักจะกลับมาเล่าให้ฟังอยู่บ่อย ๆ แต่หลายปีมานี้เรายังไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยปากชมสตรีนางใดมาก่อน องค์หญิงคือสตรีคนแรกที่ทำให้ฮ่าวหรานชื่นชมเช่นนี้”
อวี้ชิงลั่วถึงกับชะงัก เย่ฮ่าวหราน? เช่นนี้ก็หมายความว่า หว่านเฟยผู้นี้…ก็คือพระมารดาผู้ให้กำเนิดเย่ฮ่าวหรานกระนั้นรึ?
อวี้ชิงลั่วเข้าใจแล้ว วันนี้เหมิงกุ้ยเฟยได้แนะนำนางสนมทุกคนที่มีลูกทั้งหมดแล้ว พูดเช่นนี้ เซียวเฟยผู้นั้นที่นั่งอยู่ข้างกายหว่านเฟยก็น่าจะเป็นพระมารดาผู้ให้กำเนิดเย่ฮ่าวถีองค์ชายสิบเอ็ดผู้เป็นพระโอรสคนเล็กสุดของฮ่องเต้
มาจนถึงตอนนี้ อวี้ชิงลั่วก็ได้เจอหน้าพระมารดาขององค์ชายผู้มีชีวิตอยู่ในเวลานี้จนครบแล้ว
ซูเฟย ฮองเฮา หลิวเฟย คังเฟย หมิ่นเฟย รวมถึงหว่านเฟยและเซียวเฟย ก็ถือว่าครบทุกคนแล้ว เพียงพอที่จะให้นางกลับไปครุ่นคิดได้แล้วว่าใครกันแน่คือผู้อยู่เบื้องหลังในที่มืดนั้น เหมิงกุ้ยเฟยคิดไว้อย่างรอบคอบดีจริง ๆ
“หากองค์หญิงไม่รีบกลับ เข้าไปพักในศาลาสักหน่อยดีหรือไม่?” เซียวเฟยอายุค่อนข้างน้อย ทว่ากฎเกณฑ์และมารยาทกลับมีมากกว่าหลิวเฟยและคนอื่น ๆ ที่เจอก่อนหน้านี้
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยแล้วเดินตามขึ้นไป
ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้น นางก็เหลือบมองจินหลิวหลีด้วย อีกฝ่ายถลึงตามองนางปราดหนึ่ง มองนางทำไม? หมู่เฟยของเย่ฮ่าวหรานเกี่ยวอะไรกับนาง? นางกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย
อวี้ชิงลั่วแอบหัวเราะหึๆ คนปากแข็ง ถ้าไม่ได้มีอะไรจริง ๆ จะหลบซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลาไปไย กลัวเย่ฮ่าวหรานราวกับหนูเห็นแมว ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเปิดเผยหน้าตาเชียวรึ?
ทั้งสามคนเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้หินภายในศาลา ดูเหมือนว่าหว่านเฟยจะสนใจกับการแต่งกลอนอย่างมาก เมื่อได้พูดคุยก็ทำให้นางควบคุมไม่อยู่
ทว่าเซียวเฟยที่อยู่ข้าง ๆ เอาแต่จิบน้ำชาอย่างเงียบ ๆ ยิ้มแย้มและพูดคุยไม่กี่ประโยคเป็นครั้งคราว แต่ก็จะหยุดสนทนาอย่างพอดีทุกครั้ง ต่างกับหว่านเฟยที่พูดคุยด้วยความกระตือรือร้น
เฟยเกอนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ไม่ได้กลับไป และไม่ได้ส่งเสียง ทว่าสายตาของนางกลับเฉียบคมเล็ก ๆ ขณะมองสีหน้าหว่านเฟยและเซียวเฟยราวกับอยากเห็นบางสิ่ง
หว่านเฟยเห็นว่าอวี้ชิงลั่วสนใจกลอนของนาง จึงสนทนาในเรื่องกลอนอย่างเต็มที่ ดวงตาเป็นประกายจนมีแสงสีทองระยิบระยับ ส่วนเซียวเฟยกลับมีสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา ไม่ได้มีท่าทางออดอ้อนขี้เล่นแบบดรุณีน้อยเหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าหว่านเฟยก่อนหน้านี้แล้ว มิอาจเห็นสิ่งใดจากสีหน้าของนาง
เฟยเกอมองอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องยอมแพ้ ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่อวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วนั่งนิ่งไม่ไหวติง จริง ๆ แล้วนางไม่ได้สนใจในเรื่องโคลงกลอนเลย ทว่าเสียงของหว่านเฟยกลับไพเราะเสนาะหูและอ่อนโยนเหลือประมาณ ไม่ได้หยุดสนทนาแม้เพียงหนึ่งเค่อ นางไม่ได้เอะอะโวยวายเสียงดัง ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกเพลิดเพลินยิ่งนัก
ครั้นพูดคุยกันได้ครู่หนึ่ง อาจเป็นเพราะเห็นว่าอวี้ชิงลั่วไม่ได้มีความสนใจในระดับเดียวกันกับตนเอง หว่านเฟยจึงแย้มยิ้มด้วยท่าทางเคอะเขิน หลังจากจิบน้ำชาหนึ่งคำ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเล็กน้อย “พูดคุยมากมายขนาดนี้ ทำให้องค์หญิงเสียเวลาไปไม่น้อยเลย เราเองก็ล่วงเกินแล้วจริง ๆ แต่เรารู้สึกถูกชะตากับองค์หญิงมาก น่าเสียดายที่เย่ฮ่าวหรานไม่ได้รับโชคนี้”
“แค่ก…” น้ำชาที่อวี้ชิงลั่วเพิ่งจะจิบเข้าไปแทบถูกพ่นออกมา นางรีบยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดปากตนเอง กลืนน้ำชาลงคอด้วยใบหน้าแดงก่ำ
หว่านเฟยเหนียงเหนียง จะกินอะไรก็ย่อมกินได้ แต่คำพูดมิอาจพูดตามใจชอบได้นะเพคะ คนที่เย่ฮ่าวหรานชอบคือจินหลิวหลี นางกำลังยืนจ้องอยู่ด้านหลังข้าเสียด้วย
อีกอย่าง คำพูดนี้หากไปถึงหูเย่ซิวตู๋ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจัดการกับบุตรชายของท่านอย่างไร ท่านรู้หรือไม่เพคะ?
เซียวเฟยก็คิดว่าคำพูดนี้ของหว่านเฟยไม่เหมาะสม จึงดึงแขนเสื้อของนางพลางกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านพี่หว่านเฟย เรื่องการอภิเษกสมรสขององค์หญิงและท่านอ๋องซิวเป็นการสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ มิอาจพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าได้นะเพคะ”
“อ๋า?” หว่านเฟยยิ้มเจื่อน “องค์หญิง อย่าได้ถือสาเลย เราแค่เป็นกังวลว่าฮ่าวหรานออกไปวิ่งเล่นข้างนอกทั้งวันจะทำตัวเกเรเกินไป จึงคิดมาโดยตลอดว่าอยากจะหาใครสักคนคว้าใจเขาไว้ แต่นิสัยของฮ่าวหราน สตรีโดยทั่วไปแล้วคงมิอาจกำราบเขาได้ นาน ๆ จะมีสตรีที่ฉลาดปราดเปรื่องอย่างองค์หญิง เราจึงเผลอลืมตัว องค์หญิงอย่าได้กล่าวโทษ”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเหอะ ๆ ยกแก้วน้ำชาขึ้นมาปิดบังมุมปาก พลางเหลือบมองไปที่จินหลิวหลีปราดหนึ่ง
จินหลิวหลีถลึงตามองมาที่นาง และยังถลึงตามองด้วยท่าทางดุร้าย
อวี้ชิงลั่วเป็นผู้บริสุทธิ์ นางยังไม่ได้พูดหรือทำอะไร อีกอย่าง หลิวหลี เจ้าเองก็รังเกียจเย่ฮ่าวหรานจนไม่ยอมเจอหน้าเขามิใช่รึ? ตอนนี้มาถลึงตาใส่ข้าหมายความว่าอย่างไรกัน?
อวี้ชิงลั่วแอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เงยหน้าแย้มยิ้มและพูดต่อไปว่า “เหนียงเหนียง ท่านอ๋องแปดเป็นคนตรงไปตรงมา หลังจากนี้ต้องได้เจอกับสตรีดี ๆ ที่เอาชนะใจเขาได้เป็นแน่ เหนียงเหนียงอย่าได้เป็นกังวลใจเลยเพคะ”
ระหว่างที่อวี้ชิงลั่วกำลังพูด จู่ ๆ เฟยเกอที่อยู่ด้านข้างกลับส่งสายตามาหานาง นางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองตามสายตาของเฟยเกอ ก็พบว่าห่างออกไปมีคนคนหนึ่งที่เอาแต่มองมาทางนี้
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจอหน้าแม่ของอ๋องแปดแล้ว แถมว่าที่สะใภ้ก็อยู่ตรงนั้นด้วย บังเอิญจริง
มีใครมองมาอีกล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)